ตอนที่ 444 Meeting At The War Council

The Conquerors Path | เส้นทางผู้พิชิต

“เห้อออ…เธอไปแล้วสินะ” 

ผมพึมพำออกมาดังๆ ขณะนั่งอยู่บนเตียงที่ว่างเปล่าด้วยร่างที่เปลือยเปล่า 2 วันที่ผ่านมาเป็นการช่างเป็นการเดินทางที่บ้าคลั่งสำหรับผมและวีน่า พวกเราตกอยู่ในภวังค์ของความอบอุ่นและความรักของกันและกัน มันเป็นช่วงเวลาที่อัศจรรย์มาก และผมสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าตัวเองรู้จักร่างกายของวีน่าดีกว่าใครๆ ในโลก

‘แต่แบบนี้ก็ดีแล้ว’ 

ผมคิดกับตัวเอง จะเป็นการดีกว่าสำหรับวีน่าที่เธอจากไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ เพราะมันจะทำให้เราสองคนต้องบอกลาได้ยากขึ้น แม้ว่ามันจะไม่ใช่การจากลากันที่ถาวรก็ตาม

‘คงถึงเวลากลับเข้าสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว!’ 

หลังจากเอาชนะความรู้สึกของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว ผมก็สวมชุดสูทสีดำที่เข้ากันดีกับตัวเอง หลังจากเตรียมตัวให้พร้อมแล้วก็ออกจากบ้าน 

เมื่อออกมาข้างน้อกแล้วสายตาของผมก็จ้องมองไปยังท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง เมืองนี้เต็มไปด้วยความมึนเมาและความสงบสุขอยู่เสมอ ซึ่งเป็นส่วนผสมที่ซับซ้อนมาก

ผมสวมหน้ากากสีดำและเริ่มออกเดินด้วยความไม่เร่งรีบจนกระทั่งมาถึงหน้าอาคารแห่งหนึ่งที่ถูกตกแต่งอย่างดีก่อนจะเดินเข้าไปข้างใน คนรับใช้เริ่มนำทางผมจนในไม่ช้าผมก็มาถึงประตูที่เปิดให้ผม ซึ่งเมื่อเข้าไปข้างในแล้วผมก็มาปรากฏตัวที่ห้องประชุมเดียวกันกับสมาชิกของดาร์กไนท์ที่มีคน 13 คนกระจายอยู่รอบโต๊ะ ทุกคนมารวมตัวกันที่นี่เพื่อการประชุมที่สำคัญ

สายตาของผมกวาดมองดูผู้คนที่มารวมตัวกัน แต่ละคนมีพลังที่แตกต่างกันและมีอำนาจในทุกมุมของโลก

“ใช้เวลาอันแสนหวานเสร็จแล้วเหรอ?” 

ปีศาจวัยกลางคนพูดพร้อมกับดวงตาสีดำของเขาที่จ้องมองมาที่ผมด้วยรอยยิ้มที่มีอัธยาศัยดี

“คงจะสนุกกับผู้หญิงคนนั้นมากเลยสินะ?” 

ราชาสิงโตพูดด้วยรอยยิ้มและพยักหน้าให้ผม

“ผมยุ่งมาก” 

ผมตอบขณะเดินไปที่โต๊ะและนั่งลงที่หัวโต๊ะ โดยพยายามไม่สนใจสายตาอันร้อนแรงของราล์ฟที่กำลังจ้องผม

“ชิ…นี่ฉันเป็นมนุษย์ล่องหนรึไง?” 

จู่ๆ เขาก็ถามทำให้ผมมองเขาด้วยรอยยิ้ม

“ไง ราล์ฟคุณเป็นยังไงบ้าง?” 

ผมทักทายเขา

“ไง ราล์ฟ…พ่องสิ!” 

เขาระเบิดออกมาในพร้อมกับขว้างรองเท้ามาที่ผม ซึ่งผมก็หลบมันได้อย่างไม่ยากเย็นอะไร

“เฮ้…เฮ้ รักษามารยาทหน่อยสิครับ” 

ผมพูด

“มารยาทเตี่ยเองดิ!”

รองเท้าอีกอันบินมาที่ผมซึ่งผมก็หลบได้เหมือนเดิม

“แกรู้ไหมว่าเราได้รับแรงกดดันจากสภาสงครามมากแค่ไหน!” 

ราล์ฟตะโกน และคราวนี้มันเป็นถุงเท้าที่กำลังพุ่งมาหาหน้าผม ซึ่งผมก็หลบอีกครั้ง

“ใจเย็นๆ ก่อนสิครับ ผมรู้ว่าตัวเองเป็นต้นเหตุของความกดดัน แต่คุณน่าจะรู้ดีนี่ครับว่าผมจะไม่ทำอะไรถ้ามันไม่สำคัญสำหรับผม” 

ผมตอบพร้อมยกมือขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจังที่สุด คำพูดของผมทำให้ราล์ฟใจเย็นลงอย่างรวดเร็วและทุกคนในห้องก็พยักหน้าเห็นด้วย ผมไม่ใช่แค่ได้รับการสนับสนุนและความเป็นพี่น้องอย่างเต็มที่เพียงแค่ช่วยพวกเขาเท่านั้น ผมยังได้ช่วยพวกเขาพัฒนาและจัดหาทรัพยากรและอำนาจด้วย

ด้วยการมองการณ์ไกลอย่างรอบคอบและช่วยในการพัฒนาทุกคนในดาร์กไนท์ ผู้คนเหล่านี้รู้ดีว่าผมไม่ใช่คนที่จะทิ้งพวกเขาเอาไว้ข้างหลัง

“งั้นเธอก็คงต้องมีแผนอยู่ใช่ไหม?” 

ไร เอลฟ์เผ่านิฟลินถามขึ้นมา ซึ่งผมก็พยักหน้า 

ปัญหาอยู่ที่ข้อเท็จจริงที่ว่าสภาการสงครามซึ่งรักษาสันติภาพทั่วโลกได้เรียกร้องให้มีการประชุมทั่วโลกหลังจากเหตุการณ์ดังกล่าวที่สถาบันการศึกษา ซึ่งผมได้ขอให้ดาร์กไนท์ส่งตัวเองไปเข้าร่วมการประชุม

ประเด็นก็คือการประชุมควรจะเป็นเมื่อวันก่อน ใช่แล้ว…ช่วงเวลาที่ผมควรจะได้อยู่กับคนที่มีอำนาจและมีอิทธิพลมากที่สุด ผมใช้เวลานั้นในการมีเซ็กส์กับผู้หญิงที่สวยและทรงพลังที่สุดคนหนึ่งของโลก ถ้าไม่ใช่เพราะวีน่า ผมคงไม่แบบนั้นทำหรอก ทุกอย่างเป็นเพราะวีน่า

ดังนั้นปัญหาที่เพิ่มขึ้นก็คือดาร์กไนท์ไม่ได้ส่งใครไปและหากไม่มีพวกเราปรากฏตัว มันคงเป็นเรื่องยากสำหรับการประชุมที่จะดำเนินต่อไปเนื่องจากเราเป็นผู้ปกครองทั้งโลกใต้ดิน สภาการสงครามมีความกดดันอย่างมากให้เราเข้าร่วม และเนื่องจากผมทำให้การประชุมจึงต้องถูกเลื่อนกลับไปเป็นวันนี้ ซึ่งทำให้สภาไม่พอใจและพวกเขาก็กดดันเราอย่างแน่นอน พลังของพวกเขาไม่ควรถูกมองข้าม

“อย่ากังวลไปเลยครับ ผมรู้หน่า ก็แค่ต้องควบคุมสภาสงครามเอง…” 

ผมพูดในขณะที่ริมฝีปากของผมสร้างรอยยิ้มที่ชั่วร้ายซึ่งผุดขึ้นมาอย่างรวดเร็วบนใบหน้าของผู้อื่นเมื่อพวกเขาเห็นผม

“ชักรอไม่ไหวแล้วสิ…” 

สมาชิกอีกคนพูดเมื่อเห็นรอยยิ้มของผม และไม่นาน เราก็ดำดิ่งลงสู่รายละเอียดที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นซึ่งจำเป็นต้องแบ่งปันข้อมูลกัน

ทุกอย่างเกี่ยวกับการดำเนินการของดาร์กไนท์ในปัจจุบันที่ถูกพูดถึง หลังจากนั้นก็ถึงเวลาที่ผมต้องออกไป

“ไปกันเถอะ…” 

ราล์ฟพูดพร้อมกับเริ่มนำทาง 

เราสองคนกำลังมุ่งหน้าไปที่การประชุมซึ่งจะเกิดขึ้นในอีก 2 ชั่วโมง เราสวมชุดสูทที่ออกแบบอย่างเชี่ยวชาญที่สุดและบนใบหน้าของเราก็มีหน้ากากสองอันที่ปกปิดตัวตนของเราไว้อย่างสมบูรณ์ ดาร์กไนท์มีหน้ากากพลังโบราณเป็นของตัวเอง แต่หน้ากากที่เราสวมอยู่นั้นผมเป็นคนจัดหาเอง

เมื่อได้รู้จักสภาสงครามแล้ว ก็ไม่ควรลดการระมัดระวังมากนัก ที่อาศัยอยู่ภายในพวกเขาคือสัตว์ประหลาดจากอดีต ผู้กล้าที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ดวงตาแห่งความปกติหลังจากได้รับพรแห่งความเป็นอมตะที่ทำให้พวกเขามีชีวิตอยู่ต่อไปในโลกนี้ ปกป้องมันจากสายตาที่คอยสอดส่องของความชั่วร้าย

“ทุกอย่างพร้อมแล้วนะ?” 

ราล์ฟถามซึ่งผมก็พยักหน้า 

ขณะนี้มีพวกเราสี่คน : ราล์ฟ, ตัวผมเองและผู้พิทักษ์ที่ทรงพลัง 2 คนที่อยู่จุดสูงสุดของอาณาจักรต้นกำเนิด แน่นอนว่าดาร์กไนท์มีองครักษ์ของจักรวรรดิเป็นของตัวเอง แต่เราจะไม่นำพวกเขาออกมาตอนนี้ ท้ายที่สุดแล้วนี่เป็นการประชุมที่สงบสุขมากกว่า

หลังจากตรวจสอบครั้งสุดท้ายแล้ว เราก็ยืนอยู่กลางห้องที่ราล์ฟหยิบตั๋วที่ดูแปลกตาซึ่งมีอักษรรูนและรอยอักขระหลายอันวิ่งออกมา ภายใต้สายตาของเรา เขาฉีกตั๋วทั้งหมด ซึ่งในไม่ช้าก็เปล่งประกายและหมุนวนก่อนที่จะกลายเป็นประตูมิติและนำทางเข้าไป

“เชิญก่อนเลยครับ” 

ผมพูดพร้อมผายมือไปที่ประตูมิติ

“ฮึ่มมม…เออ” 

ราล์ฟตอบขณะเดินเข้าไปข้างใน โดยที่ผมก็เดินตามเขาไปในไม่ช้า เรา 4 คนถูกพาเข้าสู่สภาวะสับสนวุ่นวาย หลังจากนั้นเราก็มาถึงห้องโถงอันกว้างใหญ่ ประสาทสัมผัสของผมเริ่มรับรู้ได้อย่างรวดเร็วว่ามานาในที่นี้บริสุทธิ์อย่างยิ่งจากในบรรดาสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมเคนสัมผัส แค่รับมันเข้าไปก็ทำให้หอคอยมานาภายในของผมบริสุทธิ์แล้ว 

“เป็นยังไงบ้าง?” 

จู่ๆ ราล์ฟก็ถามผม ซึ่งผมก็ตอบกลับไป 

“ก็ไม่แย่ครับ”

“โอ้? แล้วคุณเคยไปสถานที่ที่ดีกว่านี้บ้างไหม?” 

เสียงหนึ่งดังขึ้นตามคำตอบของผม ทำให้ผมเพ่งความสนใจไปที่ผู้คนที่อยู่ตรงหน้า มีทั้งหมด 3 คน: ผู้ใหญ่ 2 คนที่กรีดร้องด้วยพลังจากออร่าของพวกเขา เป็นผู้ชายและผู้หญิงอย่างละ 1 คน ในขณะที่ระหว่างนั้นมีวัยรุ่นที่ดูอายุราวๆ 18-20 ปีอยู่อีก 1 คน

พวกเขาห้อยป้ายสภาสงครามไว้ที่หน้าอก ซึ่งเป็นรูปเทพธิดาทั้ง 2 ที่หันหน้าเข้าหากัน

‘นี่เราต้องตบหน้าใครซักหน่อยไหมนะ?’

ผมคิดเมื่อมองไปที่รอยยิ้มอันเย่อหยิ่งที่ชายหนุ่มรูปงามส่งมาให้ผม เขามีผมสีดำและดวงตาสีเขียวและจากพลังที่เขาแผ่ออกมา เขาสามารถถูกตราหน้าว่าเป็นอัจฉริยะที่ยิ่งใหญ่ในโลกภายนอกได้เลย

‘ต้นกำเนิดขั้น 5’ 

เราต้องรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่จะเยาะเย้ยหรือดูถูก ระดับพลังของโลกเป็นดังนี้: พลังโดยเฉลี่ยของผู้คนที่เข้าเรียนที่สถาบันบาบิโลนคือระดับต้นกำเนิดขั้น 3 การที่สูงกว่านั้นตั้งแต่อายุยังน้อยหมายความว่าคุณเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ

ระดับของนักเรียนเมื่อพวกเขาสำเร็จการศึกษาจากสถาบันการศึกษา ระดับบนสุดส่วนใหญ่จะประกอบด้วยระดับต้นกำเนิดขั้น 5 เพียงเพราะผมระดับสูงกับระดับดังกล่าวไม่ได้หมายความว่าจะเข้าถึงพลังนี้ได้ง่าย การเติบโตของอำนาจไม่ใช่เรื่องง่ายในโลกนี้

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต