การเติบโตของพลังไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับทุกคนในโลกนี้ ตามที่คาดการณ์ไว้ การเดินทางของการฝึกฝนที่นี่เริ่มต้นด้วยการสร้างเพลท(plate) คุณสมบัติที่แตกต่างกันของเพลท(plate)จะถูกสร้างขึ้นบนร่างกายของคุณ มันอยู่นอกเหนือการควบคุมของคุณและจัดอยู่ในประเภทของความสามารถพิเศษ
คุณจะต้องเริ่มสร้างเพลท(plate)ของคุณที่ Tier 0 เสมอและการเติบโตจะเริ่มจากตรงนั้น การฝึกฝนที่นี่คือการสร้างแผ่นเปลือกโลกเหนือกันจนกระทั่งคุณไปถึงเพลทที่ 10 หรือที่เรียกกันว่าขั้นที่ 10 ของอาณาจักรต้นกำเนิด แต่การสร้างเพลทเหล่านี้ต้องใช้เวลา, พรสวรรค์และความเข้าใจในวิถีมานาหรือพลังงานที่คุณใช้
ยิ่งรากฐานของคุณแข็งแกร่งมากเท่าไร อนาคตของคุณก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงไม่มีใครใช้เวลาพยายามเร่งสร้างเพลทเพื่อทำลายอนาคตของพวกเขา นอกจากนี้ยังมีหลายวิธีในการสร้างเพลทโดยขุนนางและผู้มีอำนาจต่างก็มีเทคนิคการสร้างเพลทเป็นของตัวเอง
เทคนิคบางอย่างจะเพิ่มความเร็วในการสร้าง, บางเทคนิคทำให้ยากขึ้นและบางเทคนิคก็มีคุณสมบัติบางอย่าง ตัวอย่างเช่นเอเลนอร์ได้มอบเทคนิคพิเศษของเธอแก่ผมซึ่งช่วยในการสร้างรากฐานที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะช่วยให้มานาที่แหลมคมยิ่งขึ้นพร้อมพลังการเจาะทะลุที่มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโบนัสเพิ่มเติมในด้านความแข็งแกร่ง, พลังและคุณภาพอีกด้วย
เทคนิคที่สร้างขึ้นโดยเอเลนอร์ ผู้เป็นอัจฉริยะหนึ่งในล้าน เกิดจากการสร้างสรรค์ของเธอจนได้รับฉายาว่าจักรพรรดินีแห่งธนู มีเพียงผู้ที่อยู่บนจุดสูงสุดของอาชีพทั้งหมดเท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์เรียกว่าจักรพรรดิในทุกสิ่ง
ความแตกต่างของอาชีพเกิดขึ้นเนื่องจากการขับเคลื่อนของเส้นทางเวทย์มนตร์ที่เป็นเอกลักษณ์และเทคนิคการสร้างเพลทด้วยตัวมันเอง
ตัวอย่างเช่น นักธนูธรรมดา, ผู้ใช้หอกหรือแม้แต่ผู้ใช้ดาบ แต่ละคนมีอาชีพของตัวเองด้วยการขับเคลื่อนเส้นทางมานาและเทคนิคการสร้างเพลทที่เป็นเอกลักษณ์ แน่นอนว่าในอาชีพที่แสนธรรมดา เส้นทางมานาและเทคนิคการสร้างเพลทจะเป็นเรื่องปกติและไม่แข็งแกร่งขนาดนั้น
ดังนั้นสิ่งนี้จึงสร้างระดับต่างๆ ที่สามารถจัดอันดับอาชีพของคุณในโลกได้ดังนี้
ทั่วไป(Common)→ไม่ธรรมดา(Uncommon)→หายาก(Rare)→หายากมาก(High-Rare)→ตำนาน(Legend)→ลี้ลับ(Myth)
ทั้ง 6 ระดับนี้เป็นระดับปกติที่มีอยู่ในโลก แต่ยังมีระดับพิเศษอีก 2 ระดับได้แก่ ยูนีค(Unique)และสืบทอด(Inheritant)
อาชีพยูนีคเป็นอาชีพที่ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อนและเป็นพลังที่โลกไม่รู้จัก ในขณะที่สืบทอดคืออาชีพที่ครอบครองโดยคนเพียงคนเดียวเท่านั้นและจะถูกส่งต่อไปยังอีกคนหนึ่งเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น อาชีพที่ผมถือครองอยู่เองก็อยู่ในหมวดของสืบทอด(Inheritant)เช่นกัน โดยผมเป็นคนเดียวที่ถือครองอาชีพนี้ต่อจากเอเลนอร์
แม้ว่าคาเมลจะมีเทคนิคนี้เพียงครึ่งเดียว แต่เธอก็ยังไม่ได้รับเทคนิคทั้งหมดเนื่องจากปัญหาของเธอในตอนนั้น แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังสานต่อเทคนิคนี้ด้วยตัวเองเพื่อสร้างเส้นทางของนักธนูอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ ไม่ใช่ว่าเธอควรถูกเรียกว่าอัจฉริยะงั้นเหรอ?
กลับมาที่หัวข้อหลักกันดีกว่า การจัดระดับอาชีพไม่ได้ถูกกำหนดด้วยความแข็งแกร่งเท่านั้น มีหลายปัจจัยที่เข้ามามีบทบาทก่อนที่จะมีการกำหนดระดับสุดท้ายของอาชีพ
ในกรณีของโลกนี้ คนธรรมดาสามัญส่วนใหญ่จะหยุดอยู่แค่การสร้างเพลทของตัวเอง ส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดมาพร้อมกับเพลทที่สามารถรองรับน้ำหนักของมานาหรือการเติบโตได้ ดังนั้นเส้นทางแห่งความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงถูกตัดขาด เพราะหากด้านล่างอ่อนแอก็ไม่มีทางสร้างรากฐานได้
ผู้ที่เกิดมาพร้อมกับเพลทที่มีความสามารถจะถูกเชิญเข้าสู่ตระกูลขุนนางในฐานะทหาร หากพวกเขาปฏิเสธ คนทั่วไปก็จะใช้ชีวิตแบบนักผจญภัยต่อไป โดยใช้เทคนิคเส้นทางมานาที่มีให้สาธารณะ ควบคู่ไปกับการสร้างเพลทธรรมดาๆ ที่หยาบๆ เพื่อให้แข็งแกร่งขึ้น แต่สิ่งนี้จะจบลงในชีวิตธรรมดาเท่านั้น
นั่นคือวิธีที่ชีวิตไหลเวียนอยู่ในโลก โดยที่พลังอยู่ด้านบนสุดเสมอ นอกเหนือจากนั้น จุดสูงสุดตามปกติที่คนทั่วไปจะไปถึงได้คือระดับต้นกำเนิดขั้น 3 หรือต่ำกว่านั้นเมื่อพวกเขาอายุ 60 ปีหรือน้อยกว่านั้นหากบุคคลนั้นโชคดี
พลังที่แท้จริงจะปรากฏขึ้นหลังจากที่คุณอยู่เหนือระดับต้นกำเนิดขั้น 5 ซึ่งเป็นเครื่องหมายแห่งอำนาจที่ซึ่งการโจมตีที่เปลี่ยนแปลงภูมิประเทศสามารถทำได้อย่างแท้จริง การไปถึงจุดนั้นถือเป็นเครื่องหมายของการเป็นอัจฉริยะ
ดังนั้นหากต้องการความวัดความสามาถของใครซักคน จะต้องคำนึงถึงหลายประการเช่น:
ระดับของเพลท, ความบริสุทธิ์ของมานาในการสร้าง, การตรวจจับมานา, เทคนิคที่ใช้สร้างเพลท, สายเลือด, ระดับของพรสวรรค์และความสามารถโดยกำเนิด
และยิ่งไปกว่านั้น มันไม่ง่ายเลยที่จะระบุระดับความสามารถภายในโลกนี้ แม้จะมีการจัดหมวดหมู่ไว้ แต่ก็มักจะมีความแตกต่างเสมอ คนธรรมดาสามัญที่คุณต่อสู้อาจได้รับมรดกที่มากพอที่จะทุบตีก้นของคุณ หรือคุณอาจมีสายเลือดที่สมบูรณ์แบบเพื่อชมเชยพลังของคุณ หรือคุณอาจได้รับพรจากเทพ
อาจมีสาเหตุหลายประการในการวิเคราะห์พลัง ตั้งแต่การได้รับมรดกจนถึงการเกิดมาพร้อมกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือมีความสามารถโดยกำเนิดที่มองไม่เห็น ในโลกนี้ที่มีทั้งเวทมนตร์และเทพเดินกันยั๊วเยี๊ย การพยายามวัดเพียงพลังระดับผิวเผินของบุคคลนั้นช่างโง่เขลาและอันตราย
มีนักเรียนที่ทรงพลังหลายคนที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากแห่งความปกติ นักเรียนที่มีพลังหรือเทคนิคเฉพาะตัวเป็นของตัวเอง นั่นเป็นเหตุผลที่เราต้องไม่พยายามดูถูกโลกนี้แค่ในส่งที่ตาเห็น
ถึงกระนั้น เส้นแบ่งหลักของอัจฉริยะที่แท้จริงกับคนทั่วไปก็คือความสามารถในการต่อสู้เหนือระดับของตนเอง สิ่งที่ตลกก็คือ ในบรรดาเป้าหมายการจีบของผม พวกเธอส่วนใหญ่สามารถทำได้ แต่หลังจากที่ผมได้ใช้เวลาและเงินอยู่ที่นี่ ผมก็เริ่มพบว่ายังมีสัตว์ประหลาดที่อยู่เหนือพวกเธอที่กำลังซุ่มซ่อนอยู่ในทั้งสถานศึกษาและภายนอกอยู่อีก
ผู้คนในวัยเดียวกันหรือใกล้เคียงผมที่มีความสามารถจนทึ่งได้อยู่ที่นี่, อาจารย์ที่ได้รับพลังในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ในโลกรับลูกศิษย์, ชนเผ่าที่สะสมพลังขณะหลบอยู่เบื้องหลังของโลกหรือองค์กรที่มีพลังพิเศษ พวกเขาทั้งหมดอยู่ที่นั่น และด้วยเหตุผลบางอย่าง พวกเขาทั้งหมดต่างเริ่มเคลื่อนไหวกันแล้ว
‘เดาว่าเขาคงเป็นหนึ่งในนั้น’
ผมคิดขณะมองชายที่ดูเย่อหยิ่งตรงหน้า ข้างๆ เขาคือผู้ใหญ่ 2 คนที่ดูเย็นชาและสงบ ผมสามารถถอดรหัสความหมายได้อย่างง่ายดายผ่านภาพตรงหน้า
‘พวกเขากำลังดูถูกพวกเราอยู่!’
ไม่มีทางที่สถานที่ที่มีชื่อเสียงอย่างสภาสงครามจะทักทายบุคคลเช่นนี้ได้ แค่แวบเดียวก็แสดงให้ผมเห็นว่าเขาไม่มีทักษะทางสังคมมากนัก ซึ่งบ่งบอกว่าเขาไม่ได้อาศัยอยู่นอกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของสภาสงครามแห่งนี้ ขุมกำลังไหนกันที่เอาเจ้าคนเข้าสังคมไม่เป็นนี่มาทักทายแขกกัน?
ยิ่งกว่านั้นคน 2 คนที่ยืนอยู่ข้างชายคนนี้ก็แสดงท่าทีเย็นชาและไร้ความรู้สึกโดยไม่สนใจเราเลย
“อันที่จริง ผมเคยไปสถานที่ที่ดีกว่านี้มากหน่ะครับ…”
ผมตอบด้วยรอยยิ้มพร้อมยกริมฝีปากขึ้น
หน้ากากที่ผมสวมปิดเฉพาะบริเวณดวงตาและจมูกเท่านั้น แต่มันมีผลทำให้จำใบหน้าของผมไม่ได้ การโอ้อวดของผมถูกพวกเขาตระหนักได้
“พูดจริงงั้นเหรอ? ข้าไม่คิดหรอกนะว่าคนที่จัดการกับพื้นที่ท่อระบายน้ำจะเข้าใจถึงความสูงส่งและพลังนี้ได้”
ชายคนนั้นหัวเราะเยาะ
‘เห้อออ…ดูเหมือนหมอนี่อยากจะทำตัวบนไอ้โง่มากสินะ’
ผมคิดขณะมองไปทางราล์ฟที่กำลังกัดริมฝีปากด้วยความโกรธ
การเปรียบเปรยระหว่างพวกเขากับท่อระบายน้ำและตรอกด้านหลังเป็นวิธีที่แย่ที่สุดในการเรียกดาร์กไนท์ ในแง่หนึ่งพวกมันทำงานในความมืด
“อย่างน้อยหัวของคุณก็ดูเหมือนพึ่งถูกจุ่มลงในท่อระบายน้ำมาเลยนะครับ”
ผมตอบ ทำให้ทุกคนตะลึงขณะที่ทุกคนมองมาที่ผม ในขณะที่ริมฝีปากของผมยกขึ้นเป็นรอยยิ้มที่พอใจในตัวเอง
นี่คือคำถาม: อะไรคือวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับคนโง่?
คำตอบ: ทำตัวเป็นไอ้คนที่โง่กว่าไงหล่ะ
“นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกับที่นี่กันหน่ะครับ? ของตกแต่งในบ้านเรายังดูดีกว่าอีก”
ผมพูดขณะมองพื้น มองไปทุกที่ด้วยความรังเกียจ อีกไม่นานการแสดงจะเริ่มขึ้นแล้ว
“แกกล้าดียังไง!”
‘ช่ายยย มาเริ่มการตบเด็กกันเถอะ…’
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต