“แกกล้าดียังไง?!”

ไอ้โง่นั่นตะโกนใส่ผมในขณะที่มานาของเขาพุ่งออกมา และในไม่ช้าความรู้สึกหนาแน่นแห่งความมืดก็เข้ามาปกคลุมรอบๆ ตัวผมจากมานาของเขา 

ซึ่งเมื่อพูดถึงความมืดมิดแห่งรัตติกาลแล้ว

‘ลายเซ็นต์มานาที่เป็นเอกลักษณ์และการอวยพรโดยธรรมชาติ’

ผมคิดขณะมองดูระบบอย่างรวดเร็วซึ่งบอกทุกสิ่งที่ผมต้องรู้เกี่ยวกับผู้ชายตรงหน้า ความพิเศษที่น่าสนใจของเขาที่มีเพียงเขาหรือคนที่เขาไว้ใจเท่านั้นที่รู้จัก

“นายรับมือไหวใช่ไหม?” 

ราล์ฟกระซิบข้างหูผม ซึ่งผมก็พยักหน้า 

เมื่อเห็นเช่นนั้นเขาก็รับตำแหน่งผู้เฝ้าดูเหมือนกับอีก 2 คนที่อยู่ข้างๆ ไอ้โง่นั่น ในไม่ช้ามานาที่กดขี่ทั้งหมดก็เข้ามาข้างในผม พยายามทำให้จิตใจของผมเต็มไปด้วยความคิดเชิงลบ ผมยืนรับมันเหมือนผู้อยู่เหนือกว่าด้วยรอยยิ้มขณะที่ปล่อยมานาของผมออกมาเล็กน้อย ความบริสุทธิ์โดยธรรมชาติของมันสามารถขจัดพลังที่กดขี่ออกไปได้อย่างง่ายดาย

การกระทำของผมดึงดูดสายตาของทุกคน ขณะที่ไอ้โง่นั่นหรี่ตาลงพร้อมกับมานาอันร้อนแรงจากเขาที่ถูกดึงกลับไป 

‘เขาไม่ใช่คนโง่ซะทีเดียว’

ผมครุ่นคิดในใจในขณะที่ไอ้โง่นั่นพูดออกมาในไม่ช้า

“ชื่อของข้าคือเรนาร์โด้ ศิษย์ของเสาหลักแห่งความมืดและผู้ลงสมัครชิงตำแหน่งอัครสาวกทั้ง 12 คน อายุ 19 ปี” 

เขาพูดพร้อมกับเงียบและดูเหมือนกำลังรอให้ผมพูด 

ช่วงเวลาแห่งความเงียบเกิดขึ้นระหว่างเราก่อนที่ผมจะตอบกลับ

“เร็กซ์ อายุ 18 ปี และหล่อกว่าคุณด้วยครับ..”

ความเงียบเกิดขึ้นตามคำพูดของผมในขณะที่สีหน้าของเรนาร์โด้เปลี่ยนเป็นความโกรธ มานาที่อยู่รอบตัวเขานั้นหนาแน่นและแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งบ่งชี้ว่ารากฐานของเขาถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีและทรงพลังอย่างยิ่ง ดวงตาสีเข้มของเขาดูเหมือนจะเข้มขึ้นในขณะที่เขาพูดโดยชี้มือมาที่ผม

“ข้า เรนาร์โด้ ขอท้าให้เจ้าประลองสงครามศักดิ์สิทธิ์!”

คำพูดของเขาดังก้องไปทั่วทั้งห้อง และผมก็เห็นใบหน้าที่เรียบเฉยบานสะพรั่งบนใบหน้าของคน 2 คนที่ยืนอยู่ข้างเรนาร์โด้ ดูเหมือนว่าการท้าประลองนี้จะเป็นเรื่องใหญ่ หรือพวกเขาแค่ยิ้มกับความจริงที่ว่าผู้ชายคนนี้จะทุบตีผมกันนะ

“การดวลในสงครามศักดิ์สิทธิ์ทำให้ชื่อเสียงและอำนาจต้องตกต่ำลง มันยังส่งผลกระทบต่อองค์กรที่ผู้ท้าชิงทั้ง 2 เป็นตัวแทนด้วย” 

ราล์ฟพูดเพื่อเติมเต็มความทรงจำที่ผมรู้อยู่แล้ว ท้ายที่สุดนี่คือสิ่งที่ผมเล็งเอาไว้อยู่แล้ว 

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เริ่มปรากฏบนใบหน้าของผมขณะมองไปยังบันไดก้าวแรก ผู้ที่จะช่วยประกาศตำแหน่งของผมในฐานะอัจฉริยะชั้นนำของโลก

ความสามารถพิเศษ? สายเลือด? ความสามารถโดยกำเนิด? พรของพระเจ้า? สุดยอดร่างกาย? ความไวต่อมานาสูงสุด? ไม่มีอะไรสำคัญต่อหน้าผมเลย ไม่มีใครรู้ถึงความลึกของพลังที่แท้จริงของผมและผมยังไม่เคยสู้อย่างเต็มที่เลย จำนวนสิ่งที่ผมสะสมอยู่ภายในตัวเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถคาดเดาหรือเข้าใจได้

‘ให้ฉันฆ่าเขาได้ไหมคะนายท่าน?’ 

ฟาร์ร่าถามด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว ผมรู้สึกถึงความปรารถนาอันแรงกล้าในน้ำเสียงของเธอได้เลย

‘ไม่ต้อง ฉันมีแผนการบางอย่างมากกว่านี้สำหรับเขาแล้ว เธอเพียงแค่สนุกกับการแสดงไปก็พอ’ 

ผมตอบขณะที่มองไปที่เรนาร์โด้

“ผมยอมรับครับ” 

ผมพูดเพื่อยอมรับข้อตกลงในการดวล

“ดี! งั้นก็ตามข้ามา!” 

เรนาร์โด้พูดขณะที่เขาเริ่มนำทางโดยที่ทั้ง 2 คนที่อยู่ข้างๆ เขายังคงไม่ได้พูดอะไร

‘ดูเหมือนว่าเราจะทำให้พวกเขาโกรธมากเลยสินะ’ 

ผมตั้งข้อสังเกตขณะที่เราเดินออกจากโถงใหญ่ที่ผมและกลุ่มมาถึง 

หลังจากออกมาจากห้องโถงแล้ว ราล์ฟ, คนคุ้มกันทั้งสองและผมก็เดินเข้าไปในโถงทางเดินยาวอันกว้างขวางและใหญ่โต ในขณะที่เรนาร์โด้เดินด้วยความภาคภูมิใจพร้อมกับเริ่มพูด

“นี่เป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของสถานที่ทั้งหมด เราครอบคลุมทั้งโลก!” 

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ผมก็ไม่แปลกใจเลยที่สภาสงครามนั้นมีอยู่ทั่วโลก มันใหญ่และสมบูรณ์แบบพอที่จะรองรับและบ่มเพาะผู้ทรงพลังหลายคนในขณะที่รักษาความสงบสุขของโลก 

ในความเป็นจริงยังมีขุมพลังอื่นๆ อีกมาก เช่น ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงที่แท้จริงซ่อนตัวอยู่ในโลกนี้ที่อาศัยอยู่ห่างไกล พยายามอย่างเต็มที่เพื่อบุกเข้าไปในอาณาจักรแห่งเทพเจ้าในตำนาน

แต่ก็นั่นแหละนะ พวกเขามันก็แค่อก แต่ไม่เท่าไหล่เลยสำหรับผมที่มี 2 โบสถ์คอยเป็นแบ็คให้ การมีอยู่ของโบสถ์มากเกินพอที่จะทำให้หมาป่าผู้หิวโหยเหล่านี้กลายเป็นแกะที่เชื่อฟัง ไม่ว่าพวกเขาจะเติบโตอย่างเย่อหยิ่งหรือทรงพลังเพียงใด พวกเขาก็รู้ว่าโบสถ์จะไม่มีวันไปยุ่งวุ่นวาย โบสถ์เองก็มีอำนาจมหาศาล ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมได้มาจากการเรียนรู้และประสบด้วยตัวเอง

เราเดินผ่านโถงทางเดินไปเรื่อยๆ จนไม่นานก็เริ่มพบกับผู้คนที่เดินอยู่รอบๆ มากขึ้น พวกเขาแต่ละคนมีตราสัญลักษณ์ของตัวเองและเครื่องหมายของพวกเขาซึ่งบ่งบอกถึงตำแหน่งของพวกเขาในสภาสงครามนี้ 

ผมมองพวกเขาทั้งหมดด้วยความสนใจ ในขณะที่พวกเขามองกลุ่มของผมด้วยความไม่ชอบ

‘ดูเหมือนว่าจะต้องตบหน้าคนเยอะมาก’ 

ผมคิดกับตัวเอง ไม่ใช่ว่าผมไม่มีเหตุผลนะ ที่จริงแล้วการมาช้าและสร้างปัญหาก็เพื่อจะผลักดันแผนที่ผมคิดไว้สำหรับองค์กรเหล่านี้เท่านั้น

‘ขุมกำลังอันน่าสะพรึงกลัว’ 

ผมสรุปได้เมื่อสัมผัสได้ถึงผู้คนทั้งหมดที่เคลื่อนไหวไปมาที่นี่ พวกเขาทั้งหมดมีระดับพลังที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย ซึ่งแต่ละคนเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งสูงกว่ามาตรฐานภายในโลกภายนอก แต่ที่นี่พวกเขาอยู่ที่ด้านล่างของถัง สิ่งที่น่าสนใจก็คือความจริงที่ว่าผมยังคงรู้สึกถึงการแบ่งแยกระหว่างเผ่าพันธุ์ต่างๆ เช่นเดียวกับภายนอกอยู่ มันเป็นชั้นเล็กๆ ของความแตกต่างระหว่างกันซึ่งยากจะมองข้าม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมพัฒนาขึ้นอย่างมากในระหว่างการโจมตีดินแดนที่ซ่อนเร้น

“พวกเรามาถึงแล้ว!” 

เรนาร์โด้พูด ทำให้ผมหลุดออกจากความคิดขณะที่เราเดินผ่านประตูบานใหญ่ที่ดูมืดมน แต่ทันทีที่เราเดินผ่านมา พื้นที่นั้นก็พังทลายลงรอบตัวผมก่อนที่ครู่ต่อมาผมจะลืมตาขึ้นพบว่าตัวเองอยู่ในสมรภูมิขนาดใหญ่ที่มีเรนาร์โด้ยืนอยู่ตรงข้ามกับตัวเองแล้ว

“ละเลงเลือดให้เราดูซะ!”

“สั่งสอนคนโง่เย่อหยิ่งพวกนั้นซะ!”

“เอาเลือดหัวมันออกมา!”

“เล่นมันเลย!” 

เสียงตะโกนของผู้ชมดังก้องอยู่ในหูของผม ทำให้ผมหันไปมองพวกเขา 

ผมจ้องมองไป 360 องศาก่อนจะเห็นผู้คนหลายพันคนที่นั่งซึ่งอยู่บนอากาศ สายตาอันทรงพลังของพวกเขาจับจ้องมาที่ผมและปรารถนาที่จะเห็นผมเลือดออก

‘พวกนั้นวางแผนไว้แล้วสินะ’ 

ผมคิดพร้อมกับยิ้ม เป็นไปไม่ได้ที่คนกลุ่มนี้จะมารวมตัวกันเร็วขนาดนี้ เว้นแต่จะมีการวางแผนการเล่นตลกนี้ไว้ล่วงหน้า มันเพียงแปลเป็นความจริงที่ว่าพวกเขากำลังวางแผนที่จะทำลายล้างสมาชิกคนใดคนหนึ่งจากดาร์กไนท์โดยใช้เหตุผลใดก็ตามที่เป็นไปได้

‘แบบนี้ก็เข้าทางเลยสิ….’

‘นายท่าน ฉันขอฆ่าพวกมันทั้งหมดเลยได้ไหมคะ?’ 

ฟาร์ร่าถามผมอีกครั้งโดยขออนุญาตจากผมเพื่อฆ่าพวกเขาทั้งหมด

‘ไม่ได้หรอก ฟาร์ร่าน้อยของฉัน ฉันจะสอนวิธีจัดการกับไอ้สารเลวที่เย่อหยิ่งพวกนี้เอง อย่ากระพริบตาหล่ะ’

ผมตอบ

“ค่ะนายท่าย” 

ฟาร์ร่าตอบรับ โดยควบคุมความโกรธของเธอไว้

“กลัวงั้นเหรอ?” 

เรนาร์โด้ถามด้วยรอยยิ้มเยือกเย็นขณะยืนอยู่ตรงหน้าผม

“ปล่าวครับ แค่คิดว่าที่นี่ห่วยดีหน่ะ” 

ผมพูด ทำให้เรนาร์โด้ขมวดคิ้ว

“เดี๋ยวแกจะได้รู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยมาก่อน” 

เขาพูดด้วยน้ำเสียงน่าขนลุก ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย

ผมได้พบกับคนแบบเขามากมายระหว่างการเดินทางในตอนที่ผมไม่ได้ใช้สถานะขุนนาง ผมจัดการกับเรื่องไร้สาระมามากพอแล้วตลอดชีวิต มันทำให้ผมสงสัยว่าตัวละครเอกเหล่านั้นใช้ชีวิตอยู่กับมันได้อย่างไร ขณะที่ผมเริ่มลืมเรื่องไร้สาระของเรนาร์โด้ก็มีร่างหนึ่งปรากฏขึ้นระหว่างเรา เป็นผู้ชายคนเดียวกับที่อยู่กับเรนาร์โด้

“ตอนนี้ฉันจะพูดถึงกฎกัน” 

เขาพูด และทั้งสนามก็เงียบไป

“การต่อสู้จะจบลงก็ต่อเมื่อนักสู้คนใดคนหนึ่งไม่สามารถสู้ต่อได้ จะไม่มีการยอมจำนนและไม่มีการยอมแพ้ใดๆ ทั้งสิ้น” 

เขากล่าว

ผมยิ้มเมื่อได้ยินกฎ ชายคนนั้นที่ตอนนี้เป็นกรรมการก็หันมามองผม ซึ่งผมก็พยักหน้าแล้วตอบกลับไป 

“ไม่มีปัญหา”

เรนาร์โด้เองก็พยักหน้าเห็นด้วยเช่นกัน

ชายคนนั้นที่ยืนอยู่ระหว่างเรา 2 คนพูดขึ้นมา 

“เริ่มได้!”

หลังจากที่เขาพูดจบก็หายไป ทิ้งเราสองคนไว้ตามลำพัง 

เรนาร์โด้ยิ้มพร้อมกับมานาแห่งความมืดของเขาที่พลุ่งพล่านออกมา ซึ่งเป็นแบบพิเศษที่ผมเคยเห็นในมนุษย์ 

เขาเริ่มหัวเราะเบาๆ ขณะที่พูด 

“ข้าจะสนุก-”

ก่อนที่เขาจะพูดจบประโยค ผมก็ปรากฏตัวต่อหน้าเขาและชกหน้าเขาอย่างแรงด้วยหมัด ภาพที่ผมเห็นนั้นคือภาพการเคลื่อนไหวช้าๆ จากแก้มของเขาที่กระเพื่อมพร้อมกับฟันที่ปลิวว่อนขณะที่ร่างของเขาปลิวไปกระแทกพื้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

ความเงียบอันน่าตื่นตะลึงปกคลุมไปทั่วสถานที่ แต่ก็อยู่ได้ไม่นานเท่ากับแรงกดดันมหาศาลที่ปล่อยออกมาจากพื้นดินที่เรนาร์โด้นอนอยู่ ใบหน้าครึ่งซีกที่ผมโจมตีดูบวม ในขณะที่ ‘ท้องฟ้า’ ข้างบนผมมืดลง บรรยากาศเหมือนยาพิษปกคลุมรอบตัวเขา

‘หืมม…ช่างเป็นกระสอบทรายที่ทนทานจริงๆ’ 

ผมคิดขณะมองเรนาร์โด้ที่ยืนขึ้นมา

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต