บทที่ 474 ไปต่างโลก

สุดยอดชาวประมง

บทที่ 474 ไปต่างโลก

บทที่ 474 ไปต่างโลก

พวกคนชุดขาวทำได้เพียงแต่ต้องโจมตีกลับไปเท่านั้น ว่าแล้วพลังบางอย่างก็ได้ถูกพวกเขายิงออกไปปะทะกับฝนดาวตกเพลิงนั่น ทำให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่ว! ฝนดาวตกเพลิงแตกกระจายตกลงเบื้องล่างนับไม่ถ้วน ซึ่งเศษที่ตกลงมานั่นก็สร้างความลำบากให้พวกเขาทั้ง 6 อย่างมาก!

แม้ว่าเศษพวกนี้จะไม่ใหญ่ แต่มันกลับมีสะเก็ดไฟติดอยู่ด้วย! เพราะแบบนี้เศษที่ตกลงมาเต็มไปหมดเลยทำให้พวกเขายากที่จะหลบได้ เป็นผลให้เสื้อของพวกเขาไหม้จนมาโดนกับผิวหนัง!

ทว่าโชคดีที่ผ่านไปไม่นานฝนดาวตกเพลิงก็หายไป นี้ทำให้ทั้ง 6 คนถอนหายใจอย่างโล่งอก ก่อนจะนั่งหมดสภาพอยู่ตรงนั้น!

หลังผ่านการโจมตีไปแล้วครั้งหนึ่ง กิเลนตัวนี้ก็อ่อนกำลังลงไม่น้อยเช่นกัน ทว่ามันก็ยังสามารถคงสภาพอยู่ได้! ฉู่เหินคิดแล้วโบกมือหนึ่งทีเพื่อเก็บเจ้ากิเลนกลับไป! ที่ทำให้ฉู่เหินแปลกใจก็คือ หลังจากกิเลนนั้นมาอยู่ในร่างเขาแล้ว มันจะยังคงสภาพร่างกายได้อยู่ อีกทั้งยังลอยอยู่บริเวณจุดตันเถียนของตัวเอง

ฉู่เหินสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านี้ไม่ใช่กิเลนตัวจริง แต่เป็นการวิชาโจมตีแขนงหนึ่งเท่านี้ เพียงแค่วิชานี้คล้ายจะมีวิญญาณด้วย! เขาไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อน ไม่รู้ว่าอะไรคือว่าที่สามารถทำให้เกิดวิญญาณได้ แต่ฉู่เหินรู้ว่านี้จะเป็นอาวุธสังหารของตัวเองชิ้นต่อไปแน่นอน

ในวันข้างหน้า ถ้าเขาต้องการจะใช้ต่อสู้ เพียงแค่คิดกิเลนตัวนี้ก็จะออกมาช่วยเขาสู้! อีกทั้งยิ่งกิเลนตัวนี้อยู่ในร่างกายของเขานานเท่าไรมันก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น ขอเพียงเจ้ากิเลนไม่ถูกใครฆ่า มันก็จะเป็นวิชาหนึ่งที่อยู่กับตัวเองไปตลอด

หรือถ้ามันถูกคนอื่นฆ่าก็ไม่เป็นไร ฉู่เหินก็เพียงเสียเลือดไปเพียงหยดเดียวเท่านั้น เขาสามารถสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่พอคิดถึงตรงนั้นใบหน้าของฉู่เหินก็แปลกเล็กน้อย! เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์และให้เด็กไปช่วยตัวเองต่อสู้ คิดถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกแปลก ๆ แล้ว

หลังจากดึงสติกลับมาได้แล้ว ชายหนุ่มก็พลันเดินมาหยุดตรงหน้าทั้งหก “ฉันพูดคำไหนคำนั้น หนึ่งกระบวนท่าจบแล้ว ความแค้นระหว่างพวกเรา เรื่องพวกนี้ไม่ต้องไปพูดถึงอีก!” หลังฉู่เหินพูดจบก็ถอยไปยืนข้าง ๆ!

พอคนปราสาทตติยเทพเห็นฉากนั้นก็มีความคิดมากมายเกิดขึ้นในหัว พวกเขาจะไปไหนไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นอนุญาตมาก่อน อย่างไรก็ตามตอนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่แข็งแกร่งกว่า ไม่ว่าอีกฝ่ายจะว่ายังไง พวกเขาก็ต้องยอม!

ไม่ใช่แค่คนชุดขาวทั้งหก แม้แต่ผู้อาวุโสจากปราสาทตติยเทพเอง ในใจของพวกเขาก็เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเช่นกัน พวกเขากลัวว่าขนาดฉู่เหินยังมีพลังขนาดนี้ แล้วคนที่คุ้มครองเขาอยู่เบื้องหลังจะขนาดไหน! ก่อนหน้านี้เพียงลมปราณเล็กน้อยก็ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับจะระเบิดอยู่แล้ว! ถ้าต่อสู้กันจริง ๆ จัง ๆ ขึ้นมา น่ากลัวว่าพวกเขาจะถูกอีกฝ่ายฆ่าตายเสียก่อน!

อีกทั้งพวกเขายังสัมผัสได้ว่าผู้คุ้มครองเบื้องหลังชายหนุ่มคนนี้ไม่อยากจะแสดงตัวตนมากนัก และไม่อยากให้พวกเขายุ่งเรื่องของชายหนุ่ม! แต่ถ้าคนแก่อย่างพวกเขากล้าลงมือล่ะก็ ผู้คุ้มครองของเขาจะต้องสังหารพวกเขาอย่างไม่ลังเลแน่นอน!

ตอนนี้พอเห็นอีกฝ่ายปล่อยพวกเขาแล้ว ใครจะกล้าอยู่ต่ออีก พวกเขารีบพูดกล่าวลาและจากไปอย่างรวดเร็ว ฉู่เหินมองแผ่นหลังของคนเหล่านั้น พร้อมทั้งคิดในใจว่าสักวันเขาต้องไปปราสาทตติยเทพให้ได้ ! ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นเขาเองนี่แหละ ที่จะเป็นคนฆ่ามิยาโมโตะ อิจิโร่ซะ!

เมื่อเห็นคนจากปราสาทตติยเทพจากไปแล้ว ทุกคนก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก! แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็รู้ได้ถึงความน่ากลัวของฉู่เหิน โดยเฉพาะคนที่เคยแอบคิดจะแก้แค้นฉู่เหิน ตอนนี้เหงื่อแตกท่วมหัวไปแล้ว! โชคดีที่พวกเขาไม่ได้ลงมือทำอะไร ไม่งั้นดับอนาถแน่!

เหล่าผู้อาวุโสพรรคกระบี่เองก็คิดมากเช่นกัน! จนถึงตอนนี้พวกเขาเพิ่งจะเข้าใจว่าตอนนั้นพวกเขาและอีกหลายพรรคร่วมมือกัน ทำไมถึงยังไม่สามารถฆ่าอีกฝ่ายได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะชายหนุ่มคนนี้เก็บงำพลังเอาไว้นี่เอง! ต่อมาพวกเขาถึงคิดได้ว่าคนแบบนี้ ไว้ชีวิตพวกเขาก็ควรจะขอบคุณฟ้าแล้ว

ในคนเหล่านี้คนที่สงสัยที่สุดก็คือผู้เฒ่าสาม เขารู้ดีที่สุดว่าฉู่เหินไม่เคยมีอาจารย์อะไรนั้นแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะมีผู้คุ้มครองอะไร หลายปีมานี้ที่เขาสามารถมายืนตรงนี้ได้ทั้งหมดเป็นเพราะตัวเขาเองทั้งนั้น!

แต่ผู้เฒ่าสามไม่มีทางที่จะเปิดโปงเรื่องนี้ ให้ทุกคนหวาดกลัวตระกูลฉู่ไปก็ดีเหมือนกัน เพราะแบบนี้เมื่อถึงตอนที่พวกเขาไปปราสาทตติยเทพ ก็จะไม่มีใครกล้าดูถูกตระกูลฉู่ได้!

เดิมทีคัดเลือกผู้เขาแข่งขันไว้ 30 คน ตอนนี้หายไป 1 คน ดังนั้นเลยเอาคนที่อับดับลองลงมาแทนตำแหน่งที่ขาดหายไป หลังจากทุกอย่างเตรียมการเสร็จสิ้น พวกเขาก็เดินทางไปที่วงเวทย์เคลื่อนย้ายที่อยู่บนเกาะทันที! เมื่อมาถึง เหล่าผู้ยอดยุทธก็เริ่มทำการเปิดวงเวทย์เคลื่อนย้ายอย่างรวดเร็ว

หลังจากวงเวทย์เคลื่อนย้ายเปิด พวกเขาจะถูกส่งไปที่ไหนก็ไม่มีใครทราบได้! บางทีอาจจะเป็นที่ที่มีสมบัติมากมายนับไม่ถ้วน บางทีอาจจะเต็มไปด้วยอันตราย! ใครจะไปรู้ หนุ่มสาว 30 คนที่กำลังก้าวขึ้นวงเวทย์เคลื่อนย้าย ต่างก็เฝ้ารอด้วยใจที่ตื่นเต้นคาดหวังและหวาดระแวง!

แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉู่เหินจะไปทวีปลึกลับมาแล้ว แต่ก็ไปแค่วิญญาณและเข้าสิงคนอื่นเท่านั้น ร่างแท้จริงเขายังอยู่บนโลก นี้ก็ถือว่าเป็นครั้งแรกของเขาเช่นกัน ดังนั้นชายหนุ่มย่อมที่จะรู้สึกตื่นเต้นเป็นธรรมดา!

เมื่อวงเวทย์เคลื่อนย้ายเปิดเรียบร้อย เดิมทีฉู่เหินนึกว่าพริบตาเดียวพวกเขาก็มาถึงแล้ว แต่เขาไม่คิดว่ามันจะนานขนาดนี้ พวกเขารู้สึกเหมือนควันที่ล่องลอยในอากาศ! ที่นี่คล้ายกับลิฟต์เล็ก ๆ ที่มองไม่เห็นอะไรข้างนอกเลย!

ต่อมาพวกเขารู้สึกว่าร่างกายของตัวเองเหมือนจะกำลังเคลื่อนที่ด้วยความรวดเร็ว ! ตอนแรกทุกคนรู้สึกตื่นเต้นไปหมด แต่เมื่อออกสู่อวกาศแล้วก็สามารถสงบสติลงได้ ! แต่หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง จู่ ๆ ทุกคนก็รู้สึกว่าที่นี่ไม่มีอะไรเลย เหมือนเป็นเพียงห้องฝึกพลังยุทธธรรมดา!

หลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มมีความกล้าพูดคุยกัน บางคนก็ถึงกับนั่งลงบนพื้นแล้วเริ่มฝึกฝนพลัง เช่นฉู่เหินเป็นต้น!

เวทย์เคลื่อนย้ายคล้ายจะช้าเป็นพิเศษ ดูออกเลยว่าระยะทางระหว่างโลกกับอีกมิติหนึ่งไกลมาก ไม่รู้ว่าพวกเขาต้องอยู่อีกนานเท่าไร แต่ตอนนี้ฉู่เหินเริ่มจะหิวแล้ว ตามปกติแล้วคนที่ฝึกพลังวรยุทธขั้นเขาสามารถไม่กินไม่ดื่มอะไรได้ 3 เดือนด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้กลับหิวเสียแล้ว

ซึ่งนั้นก็หมายความว่าตอนนี้เวลาได้ผ่านมา 4 เดือนกว่าแล้ว ซึ่งอีกทางด้านหนึ่ง ที่เกาะตระกูลฉู่เอง พวกเขาก็กำลังยุ่งวุ่นวายอย่างหนัก ผู้คนมากมายพากันเดินเข้าเดินออกห้องหนึ่งเป็นว่าเล่น!

ในวินาทีนั้นเองที่เสียงเด็กร้องดังออกมาภายใน! ตอนนี้ฉู่เหินที่อยู่บนเวทย์เคลื่อนย้ายจู่ ๆ ก็รู้สึกใจเต้นอย่างประหลาด แต่เป็นเพราะอะไรเขาเองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน

ห่างออกไปอีกโลกใบหนึ่ง ในวังแห่งนี้มีหญิงสาวนางหนึ่งนั่งอยู่กับเด็กทารกคนหนึ่ง ชัดเจนว่าเด็กเพิ่งจะคลอด! เมื่อมองดูดี ๆ ก็พบว่าเธอคนนั้นก็คือเหวินซุ่ยเซี่ย!

“ยกเด็กคนนี้ให้ฉันเลี้ยงเถอะ ฉันรู้ว่าเธอทำใจไม่ได้! ยังไงเด็กคนนี้กับพ่อของเขาก็มีสายสัมพันธ์กัน ด้วยสายสัมพันธ์นี้ ถ้าเขายังไม่มาก็หมายความว่าเขาตายไปแล้ว! เด็กคนนี้ถ้าอยู่กับฉันมีแต่จะเป็นผลดี เพราะงั้นเพื่อเห็นแก่ลูกของเธอเอง ยอมเสียเถอะ!”