บทที่377 ใส่ใจเป็นอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของซูม่านลี ท่าทีของหมอก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที พลางลงไปด้านล่างพร้อมกับซูม่านลี ก่อนจะเริ่มตรวจร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
หลังจากที่ตรวจร่างกายอย่างละเอียดแล้ว หมอพบว่าอันที่จริงเธอไม่ได้มีปัญหาอะไรมาก เลยให้ยาแก้ปวดกับเจียงหยุนเอ๋อเพื่อให้เธอรู้สึกเจ็บปวดน้อยลง
“หมอ เจียงหยุนเอ๋อเป็นอะไรกันแน่นะ?” ซูม่านลีถามด้วยความร้อนใจ
หมอหันมามองเธออีกสักหน่อย ก่อนจะยกมือขึ้นดันแว่นของตัวเอง: “ไม่มีอะไรมากหรอก เพียงแค่ก่อนหน้านี้เจอเรื่องราวอะไรที่น่าตกใจมามาก แถมช่วงนี้ก็ไม่ได้พักผ่อนให้เพียงพอด้วย เลยเกิดอาการแบบนี้น่ะ”
ซูม่านลีวางใจลงได้นิดหน่อย ก่อนจะถามต่อ: “งั้น……จะมีผลอะไรกับลูกหรือเปล่า?”
เจียงหยุนเอ๋อนั้นเห็นเด็กสำคัญยิ่งกว่าอะไร ซูม่านลีเองก็หวังว่าจะไม่เกิดอะไรไม่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน
“วางใจเถอะ ไม่เป็นอันตรายหรอก” หมอยิ้มขึ้นก่อนจะพูดออกมา
หลังจากที่กินยาเข้าไปแล้ว เจียงหยุนเอ๋อก็รู้สึกดีขึ้นไม่น้อยเลย ซูม่านลีช่วยเช็ดเหงื่อให้เธอ พลางรู้สึกไร้ทางเลือกขึ้นในจิตใจ
ลูกสาวของตัวเองทำอะไรผิดไปกันแน่นะ?ทำไมจะต้องเจอเรื่องแย่ๆ อยู่เรื่องเลย?
ซูม่านลีคิดไม่ออกเลยจริงๆ
เจียงหยุนเอ๋อหลับไปหลังจากนั้นไม่นาน จากนั้นเพียงแวบเดียว สุดท้ายลี่จุนถิงกับถวนจื่อที่เพิ่งมาถึงก็รู้สึกแปลกใจ เมื่อเห็นว่าเจียงหยุนเอ๋อไม่ได้ออกมาต้อนรับตัวเอง
“เจียงหยุนเอ๋อล่ะ?” ลี่จุนถิงหันมาถามคนใช้ที่ยืนอยู่ในห้องรับแขก
“เมื่อครู่คุณหญิงอาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้เลยกลับไปพักที่ห้องแล้ว” คนใช้ตอบอย่างซื่อสัตย์
เมื่อได้ยินดังนั้น ลี่จุนถิงก็ขมวดคิ้วเป็นปมขึ้นมาทันที: “ร่างกายไม่ค่อยสบายงั้นเหรอ?เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ?”
คนใช้เองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าท่าทีของลี่จุนถิงจะเป็นเอามากขนาดนี้ ก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่รู้ว่าต้องทำอะไรก่อนว่า: “นี่……คือพวกเราเองก็ไม่รู้อะไรแน่ชัดเหมือนกัน แต่เมื่อครู่แม่ของคุณหญิงไปเรียกหมอมาแล้ว หมอน่าจะเข้าใจดีกว่านะ”
เมื่อได้ยินคนใช้พูดแบบนี้ ลี่จุนถิงก็รีบขึ้นไปหาเจียงหยุนเอ๋อที่ห้อง ก่อนจะเห็นว่าซูม่านลีกับหมอเองก็อยู่ข้างในนั้นเหมือนกัน เหมือนจะมีเสียงคุยกันเบาๆ ด้วย
ลี่จุนถิงเดินเข้าไปใกล้กว่าเดิม ก่อนจะเห็นเจียงหยุนเอ๋อที่นอนอยู่บนเตียง
เธอป่วยแล้วจริงๆ ถึงจะนอนหลับสนิทแล้ว แต่สีหน้าก็ยังซีดเซียวอยู่มาก มันทำให้ลี่จุนถิงทำได้แค่มองตาปริบๆ ด้วยความสงสาร
“มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่เนี่ย?” ลี่จุนถิงเดินเข้าไป ด้วยสีหน้านิ่งและเย็นชา
เพราะว่าเจียงหยุนเอ๋อเคยพูดก่อนหน้านี้แล้วว่าลี่จุนถิงกับถวนจื่อจะมาตอนกลางคืน ตอนที่ซูม่านลีหันมา เลยไม่ได้รู้สึกแปลกใจเท่าไหร่ เพียงแต่ขมวดคิ้วเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า: “ร่างกายของเจียงหยุนเอ๋อไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เมื่อครู่ไม่ค่อยสบายตัว แต่กินยาเข้าไปแล้วเลยหลับน่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้น สีหน้าของลี่จุนถิงก็ดูไม่ดีเข้าไปใหญ่: “อาการหนักมากไหม?”
“ไม่มีปัญหาอะไรมากหรอก เพียงแค่ก่อนหน้านี้เจอเรื่องที่ทำให้เสียขวัญไปมาก ตอนนี้เลยยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ไงล่ะ” หมอรีบพูดขึ้น
ถึงจะเป็นแบบนี้ ลี่จุนถิงเองก็ไม่ได้วางใจสักเท่าไหร่ พลางเอาแต่มองเจียงหยุนเอ๋อ โดยไม่ละสายตา
หลายวันจากนั้น ลี่จุนถิงก็อยู่ข้างกายเจียงหยุนเอ๋อไม่ห่าง พลางกำชับพวกคนใช้ให้ทำซุปมาให้เจียงหยุนเอ๋อ เพราะอยากให้เจียงหยุนเอ๋อได้บำรุงร่างกาย เพื่อจะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก
ส้งหวั่นหวั่นยังไม่ได้ข่าวอะไรเลยแม้แต่น้อย เลยอดไม่ได้ที่จะร้อนใจขึ้นมา
เพราะว่าเธอรู้ว่าถวนจื่อจะไปแข่งอะไรสักอย่าง ก่อนหน้านี้ลูกน้องของส้งหวั่นหวั่นก็ตามไปเหมือนกัน เมื่อเห็นการชื่นชมจากอาจารย์ท่านหนึ่ง ถวนจื่อก็ได้เข้าไปในบ้านของอาจารย์คนนั้น
จากนั้น อันที่จริงลี่จุนถิงแอบออกมาจากบ้านพร้อมกับถวนจื่อ แต่ลูกน้องของส้งหวั่นหวั่นนั้น กลับไม่รู้เรื่องนี้
ถึงอย่างไร เพียงแค่ลี่จุนถิงอยากจะปิดบังเรื่องนี้ มันก็ยากที่จะถูกคนอื่นพบได้
“คุณหนู ตอนนี้ลี่จุนถิงกับเด็กคนนั้นพักอยู่ที่บ้านของอาจารย์คนหนึ่ง น่าจะสอนการเขียนอะไรสักอย่าง”
“สอนการคัดลายมืองั้นเหรอ?” ส้งหวั่นหวั่นเลิกคิ้วขึ้น เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ไม่เข้าใจสักที
ถึงอย่างไร เธอก็คิดว่าลี่จุนถิงออกไปในครั้งนี้ น่าจะเพราะอยากเจอเจียงหยุนเอ๋อใจจะขาด ทำไมต้องไปที่อื่นให้เสียเวลาด้วยนะ?
“รู้แล้วล่ะ คุณตามดูต่อไปเถอะ” ส้งหวั่นหวั่นโบกมืออย่างหงุดหงิดใจ ก่อนจะเริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา
เธออยากจะรู้ว่าเจียงหยุนเอ๋ออยู่ที่ไหนเต็มทนแล้ว แต่ลี่จุนถิงเหมือนจะรู้ความคิดของตัวเอง ก็เลยไม่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ
ท่าทีร้อนใจของส้งหวั่นหวั่น Anthonyเห็นอยู่ในสายตาตลอด ถึงแม้ว่าจะรู้ว่าส้งหวั่นหวั่นนั้นร้อนใจเป็นอย่างมาก แต่ว่าถึงอย่างไรเรื่องแบบนี้รีบไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
“หวั่นหวั่น คุณไม่ต้องร้อนใจไปหรอก เจียงหยุนเอ๋อก็เป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวเอง พวกเราต้องมีโอกาสในการกำจัดเธอได้อยู่แล้ว ในเมื่อตอนนี้หาที่อยู่ของเธอไม่เจอ งั้นพวกเราก็เริ่มลงมือจากบริษัทของลี่จุนถิงสิ”
เมื่อได้ยินAnthonyพูดแบบนั้น ส้งหวั่นหวั่นก็คิดขึ้นมาได้ทันที ว่าก่อนหน้านี้พวกเขาเคยคุยกันมาก่อน ว่าอยากจะกำจัดธุรกิจย่อยของลี่จุนถิง แล้วก็ค่อยๆ กัดกินเข้าไปเรื่อยๆ
“อือ ก่อนหน้านี้คุณเคยพูดแล้วไม่ใช่เหรอ?ลงมือตอนนี้เลยดีไหมล่ะ?” ท่าทางของส้งหวั่นหวั่นนั้นดูเหมือนจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่มีแค่เธอเองที่รู้ ว่าในใจนั้นสนใจมันมากขนาดไหน
Anthonyหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า: “มันจะราบรื่นมากเลย เพราะบริษัทย่อยของพวกเขาหลายโปรเจคต่างถูกพวกเราแอบขัดขวางเอาไว้แล้ว”
เมื่อได้ยินดังนั้น ในที่สุดส้งหวั่นหวั่นก็เผยรอยยิ้มออกมา พลางรู้สึกดีขึ้นในใจไม่น้อยเลย
ตอนที่ลี่จุนถิงกลับมาจากบ้านของเจียงหยุนเอ๋อ ซู่จี้งยี้ก็รายงานสิ่งที่เพิ่งตรวจสอบเจอให้กับเขา
“คุณชายลี่ ที่เคยพูดก่อนหน้านี้ อันกื๋อเอ๋อคนนั้นเขาแค่เปลี่ยนชื่อ จริงๆ มีคนอื่นอีกด้วย แต่พวกเรายังหาคนที่อยู่เบื้องหลังไม่เจอ กำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบ” ซู่จี้งยี้พูดขึ้น
ลี่จุนถิงพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า: “อือ รู้แล้วล่ะ”
“แต่……คนนั้นก็ร้ายไม่เบาเลยนะ ก่อนหน้านี้พวกเราคุยกันเรื่องธุรกิจเอาไว้แล้ว แต่สุดท้ายกลับโดนแย่งไป คุณชายลี่ แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี?” ซู่จี้งยี้ถามด้วยความไม่สบายใจ
ถึงอย่างไร ไม่ว่าใครที่รู้ว่าโดนแย่งไป ในใจก็ต้องรู้สึกไม่ดีอยู่แล้ว
ลี่จุนถิงหรี่ตาลเบาๆ พลางรู้สึกทุกข์ขึ้นมาในใจ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า: “ถ้าขโมยได้หลายโปรเจคภายในครั้งเดียว การเงินของพวกเขาจะต้องถูกโยกย้ายอย่างหนัก คุณก็ใช้เบาะแสนั้นในการสังเกตไปก่อน ต้องสังเกตไม่ให้คลาดสายตา จะได้รู้ว่าใครเป็นคนทำ”
ซู่จี้งยี้เบิกตาโพลงด้วยความคาดไม่ถึง ภายในใจก็รู้สึกเทิดทูนลี่จุนถิงเป็นอย่างมาก
“ได้ครับ คุณชายลี่