ตอนที่ 233 มาถึงแล้ว (1)
ท้องฟ้าสูง ยามเช้าสดใส ท่ามกลางสายลมเย็นและแสงแดดจ้า
ในขณะนี้ ที่ประตูสำนักตู้เซียน หลี่ฉางโซ่วซึ่งสวมชุดผ้าไหมสีเขียว กำลังขับเคลื่อนเมฆบินไปช้าๆ ในระดับความสูงที่ไม่สูงหรือต่ำเกินไป
เสื้อคลุมนักพรตเต๋าที่หอไป่ฝานเตรียมไว้ให้บรรดาศิษย์ มีสามประเภท หนึ่งคือ ชุดฝึก และอีกชุดหนึ่ง คือชุดของนักพรตเต๋าธรรมดาที่หลี่ฉางโซ่วมักสวมใส่บ่อยๆ ซึ่งสามารถหยิบขึ้นมาสวมได้ตามต้องการ หลิงเอ๋อร์มักจะเย็บเสื้อคลุมนักพรตเต๋าให้ศิษย์พี่ด้วยตัวนางเอง ซึ่งมักจะเป็นประเภทที่สองและนางจะเพิ่มสองสาม… สิบกระเป๋าเล็ก ๆ ให้กับเสื้อคลุมนักพรตเต๋าตามคำขอของศิษย์พี่ของนาง
ส่วนประเภทที่สามจะเป็นแบบที่หลี่ฉางโซ่วสวมใส่อยู่ในขณะนี้ มันให้ผลการป้องกันบางอย่างและดูเหมือนว่าจะมีค่าเท่ากับศิลาวิญญาณสองสามก้อน มันเป็นชุดผ้าไหมสีครามซึ่งถือได้ว่าเป็นเครื่องมือเวทสายป้องกันอย่างหนึ่ง
วันนี้ หลี่ฉางโซ่วได้เปลี่ยนเป็นเสื้อคลุมนักพรตเต๋าที่เขาไม่เคยสวมใส่มาก่อนและดูสะดุดตากว่าปกติ เขาไม่มีทางเลือก เพราะวันนี้ถือว่าพิเศษอยู่สักหน่อยเมื่อรองเจ้าสำนักเทพทะเลกำลังจะพาคู่หมั้นของเขามาเยี่ยม
รองเจ้าสำนักเทพทะเลซึ่งกำลังจะพาคู่บำเพ็ญเต๋าของเขามาเยี่ยมเยือนที่สำนักตู้เซียน
หลี่ฉางโซ่วคิดถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบ และรู้สึกว่าเขาควรใส่ใจให้มากกว่านี้ เขาคิดว่าควรจะให้เกียรติรองเจ้าสำนักต่อหน้าคู่หมั้นของเขา จึงไม่ควรปรากฏกายอย่างธรรมดาจนเกินไป
อาจถือได้ว่าเป็นการตอบแทน
เพราะท้ายที่สุด หัวใจของเขาก็กำลังเผาไหม้ เพราะเขามีส่วนทำให้เกิดการแต่งงานครั้งนี้ขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจ
เมื่อเขาไปถึงหน้าสำนักเซียน หลี่ฉางโซ่วก็โค้งคำนับให้ผู้อาวุโสเซียนและนักพรตที่เฝ้าประตูสองสามคน
เขากล่าวว่า “ข้า หลี่ฉางโซ่ว ศิษย์แห่งยอดเขาหยกน้อยมาที่นี่เพื่อรอรับสหายของข้าที่มาเยี่ยม เป็นใบอนุญาตที่ได้รับจากหอไป่ฝาน ขอท่านได้โปรดดูขอรับ”
เซียนผู้พิทักษ์ประตูหยิบแผ่นหยกและดูข้อความบนนั้นก่อนจะพยักหน้าอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยรอยยิ้มและชี้แนะว่า “ฉางโซ่ว ดีแล้วที่เจ้ายังผูกมิตรกับผู้ฝึกบำเพ็ญแห่งเกาะเต่าทอง และองค์ชายรองแห่งวังมังกรทะเลบูรพา ระวังอย่าได้เสียมารยาทในภายหลังจนกลายเป็นที่ขบขันให้ผู้อื่นหัวเราะเยาะได้”
“ศิษย์เข้าใจแล้วขอรับ”
ทันใดนั้น เซียนทั้งสองก็เปิด “ม่านประตูค่ายกลเวทออกทันที จากนั้น หลี่ฉางโซ่วก็เดินออกจากสำนักแล้วขี่เมฆลอยขึ้นไปในอากาศในขณะที่เฝ้ารออย่างเงียบ ๆ
ไม่นานหลังจากนั้น ก็มีจุดสีดำปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า และขยายตัวอย่างรวดเร็วพร้อมกับได้ยินเสียงลมลมกระโชกแรงพัดมาจากระยะไกลนับพันลี้
เมื่อพวกมันเข้ามาใกล้อีกเล็กน้อย ก็เห็นเป็นมังกรวารีเพลิงแดงเกล็ดดำสามตัวบินขึ้นลง แต่ละตัวล้วนมีโซ่สีดำอยู่ในปากซึ่งติดอยู่กับรถม้างดงาม
มังกรวารีทั้งสามนี้ล้วนอยู่ในขอบเขตเซียนเสิ่น พวกมันดูดุร้ายและทรงพลัง คล้ายกับทหารเซียนมังกรวารีแห่งเผ่ามังกร
หลี่ฉางโซ่วจ้องมองไปที่มังกรทั้งสามและครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะเล็กน้อย
ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นย่อมมีการต่อต้าน และหลักการนี้ย่อมสมเหตุสมผลแม้แต่ในโลกบรรพกาลที่กว้างใหญ่
ทว่าวันนี้ไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องนี้
หลี่ฉางโซ่วเริ่มเตรียมตัวต้อนรับพวกเขา เมื่อรถม้ามังกรหยุดห่างออกไปสิบลี้ ประตูก็เปิดออกและอ๋าวอี่ก็บินออกมาพร้อมกับเด็กสาวที่มีเส้นผมยาวสีน้ำเงินเข้ม และตามหลังด้วยผู้อาวุโสหัวมังกรอีกสองคน
“พี่ฉางโซ่ว!”
อ๋าวอี่ส่งเสียงร้องเรียกออกมาเมื่ออยู่ห่างออกไปได้สิบลี้ ใบหน้าของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้มขณะที่โบกมือให้หลี่ฉางโซ่ว
หลี่ฉางโซ่วยืนยิ้มและพยักหน้าให้อย่างเงียบ ๆ
สตรีน้อยแสนงามจากเผ่าทะเลข้างๆ อ่าวยี่อดจะแอบมองเขาอย่างระมัดระวังไม่ได้…
นี่คือ พี่ฉางโซ่วที่อี่อี่พูดถึงอยู่เสมอหรือ?
เมื่อร่างเหล่านั้นลอยมาอยู่ตรงหน้าหลี่ฉางโซ่ว หลี่ฉางโซ่วก็ยิ้มและโค้งคำนับให้ในขณะที่อ๋าวอี่และหญิงสาวข้างกายเขารีบโค้งคำนับกลับให้ทันที ส่วนผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสองเพียงพยักหน้าให้โดยไม่ได้เคลื่อนไหวอะไรเพิ่มเติม เจ้าสำนักและรองเจ้าสำนักเทพทะเลทักษิณต่างก็มองกันและกัน และโดยที่หลี่ฉางโซ่วไม่ทันได้เตือนอะไร จู่ๆ อ๋าวอี่ก็กล่าวเสียงดังชัดเจนว่า “พี่ฉางโซ่ว ผ่านไปหลายสิบปีแล้วนับจากที่เราพบกันครั้งล่าสุด ท่านเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงข้า พี่อี่โปรดอย่ากังวล ข้าฝึกบำเพ็ญอยู่บนภูเขา ทุกอย่างปกติเรียบร้อยดี นี่คือ…”
“โอ้ ข้ามาที่นี่เพื่อแนะนำพี่ฉางโซ่ว!”
อ๋าวอี่เม้มปากพลาง รู้สึกเขินอายเล็กน้อย แต่ก็ยังคงแสดงความรับผิดชอบในฐานะมังกรเพศผู้ที่เจริญวัยเต็มที่
เขาเอื้อมมือออกไปจับมือขององค์หญิงเงือกและเชิญนางออกมาจากด้านหลังของเขา
นางเงือกมีเอวเพรียว รูปร่างผอมบาง และน้ำเสียงอ่อนโยน นางมีชื่อเสียงลือเลื่องในด้านความงามและน้ำเสียงไพเราะในหมู่ชาวเผ่าทะเล
องค์หญิงแห่งเผ่าเงือกนี้วางตัวได้อย่างสมบูรณ์แบบ นางดูอ่อนหวาน น่ารัก ฉลาดเฉลียว และคล่องแคล่วเล็กน้อย นางยืนอยู่ข้างอ๋าวอี่เหมือนเป็นพี่สาวของเขา คู่มังกรและปลาก็เข้ากันได้ดียิ่ง
นางก้มศีรษะและโค้งคำนับ แล้วเปิดปากสีแดงอ่อนนุ่มของนางกล่าวออกมาเบา ๆ ว่า “ซือซือขอน้อมพบพี่ฉางโซ่วเจ้าค่ะ”
น้ำเสียงของนางแผ่วเบา แม้หลี่ฉางโซ่วไม่ได้ประทับใจนางมากนัก แต่เขาก็อดรู้สึกไม่ได้ว่า นางดูสง่างามและเป็นมิตร
อ๋าวอี่รีบกล่าวจากด้านข้างว่า “พี่ฉางโซ่ว นี่คือ คู่หมั้นของข้า เราตกลงจะแต่งงานกันแล้ว นางมีนามว่า เจียงซื่อเอ๋อร์”
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “เช่นนั้น ข้าต้องเรียกเจ้าว่าน้องสะใภ้ พี่อี่ เจ้าโชคดีจริงๆ”
“ฮิฮิ” อ๋าวอี่เกาศีรษะและยิ้มขัดเขิน
หลี่ฉางโซ่วหันกลับมาและผายมือเชิญ แต่อ๋าวอี่รีบกล่าวว่า “พี่ฉางโซ่ว โปรดรอสักครู่ก่อน ข้ามีของขวัญเล็กน้อยบางอย่างที่นำมามอบให้ท่านขอรับ”
“พี่อี่ เจ้ามาเยี่ยมข้า แล้วไยถึงนำ…”
อา…
ทันใดนั้น ก็มีเสียงมังกรคำรามมาจากท้องฟ้า แล้วรถม้ามังกรสามคันที่เต็มไปด้วยหีบสมบัติก็บินลงมาจากฟากฟ้า
อ๋าวอี่ยิ้มและกล่าวว่า “ข้าหวังว่า พี่ฉางโซ่วจะยินดียอมรับของขวัญเล็กน้อยเหล่านี้”
หลี่ฉางโซ่วเงียบงันทันที …
ขอโทษเถิดนะ แล้วเจ้าชี้แจงอย่างไรกับวังมังกรเมื่อขอสมบัติมากมายเพื่อมอบให้กับศิษย์หนุ่มของสำนักตู้เซียน?
หลี่ฉางโซ่วกระตุกมุมปากเล็กน้อย ชั่วขณะหนึ่งนั้น เขาไม่อาจเอ่ยอันใดได้และทำได้เพียงยิ้มและพยักหน้าให้อ๋าวอี่
“พี่อี่มากพิธีเกินไปแล้ว”
“พี่ฉางโซ่ว สำหรับข้า อ๋าวอี่ ท่านเป็นยิ่งกว่าสหายสนิทของข้า! แล้วไยต้องกังวลกับของขวัญเพียงเล็กน้อยเท่านั้นขอรับ?”
เจียงซื่อเอ๋อร์ องค์หญิงแห่งเผ่าเงือกอดจะกะพริบตาไม่ได้
หลี่ฉางโซ่วสังเกตรายละเอียดนั้นเป็นอย่างดีและอดจะถอนหายใจไม่ได้
รองเจ้าสำนักยังคงประมาทเกินไป
ดังนั้น หลี่ฉางโซวจึงได้ใส่หีบสมบัติทั้งหมดเก้าสิบเก้าหีบเอาไว้ในคลังเวทจัดเก็บเจ็ดหรือแปดชิ้นภายใต้สายตาจ้องมองที่สับสนของชายชราผู้พิทักษ์ประตูสองสามคน
ในเวลานั้น สีหน้าของเซียนผู้พิทักษ์ประตู… ดูซับซ้อนมาก
แม้พวกเขาจะไม่รู้ว่ามีสมบัติอะไรอยู่ในหีบสมบัติ แต่เพียงแค่หีบสมบัติหยกเคลือบทองอย่างเดียวนี้ ก็ทำจากวัสดุยอดเยี่ยมมากแล้ว!
อ๋าวอี่กล่าวอีกครั้งอย่างคาดไม่ถึงว่า “รบกวนท่านลุงทั้งสองโปรดรอที่นี่ด้วยนะขอรับ”
“โปรดวางพระทัย ฝ่าบาท” ผู้อาวุโสหัวมังกรทั้งสองโค้งคำนับและกล่าวว่า “พวกเราจะอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องค่ายกลเวทพิทักษ์ขุนเขาที่นี่ ฝ่าบาท หากท่านต้องการสิ่งใด โปรดเรียกพวกเราได้ทุกเมื่อ”
เซียนเสิ่นชราผู้พิทักษ์ประตูลังเลที่จะกล่าวบางอย่างเล็กน้อย เขาจะปล่อยให้ปรมาจารย์เผ่ามังกรรออยู่นอกประตูสำนักเช่นนั้นได้อย่างไร? มันไร้มารยาทเกินไป
ทว่าหลี่ฉางโซ่วก็ผายมือเชิญแล้วนำอ๋าวอี่และเจียงซื่อเอ๋อร์ไปยังสำนัก
……………………………………………………………………..