เซียวมาหม่าเอาปิ่นปักผมทองด้ามหนึ่งยัดใส่มือสาวรับใช้ที่เฝ้าประตูถึงจะเข้ามาในห้องได้
ภายในห้องไม่ได้เปิดหน้าต่าง มีผ้าม่านหนาห้อยลงมา แสงมืดสลัวช่างน่าอึดอัดใจยิ่งนัก
เจียงเชี่ยนนั่งอยู่ริมขอบเตียง ผมเผ้าก็ไม่ได้หวี เสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยน ไร้ซึ่งความสดใสงดงามเหมือนแต่ก่อน
ดูๆ แล้วนี่มันผู้หญิงเสียสติชัดๆ
เซียวมาหม่าจ้องมองเจียงเชี่ยนอยู่เงียบๆ พร้อมกับอมยิ้มมุมปาก
ยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง นางถึงได้เอ่ยปากออกไป “เอ้อร์กูไหน่ไน”
เจียงเชี่ยนก้มหน้าอยู่เลยไม่ได้มีปฏิกิริยาโต้ตอบกลับมาทันที
เซียวมาหม่าก็ไม่ได้รีบร้อน จึงเอ่ยปากเรียกออกไปอีกที “คุณหนูรอง”
เจียงเชี่ยนเงยหน้าขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เหมือนกับว่าพอเห็นเซียวมาหม่า ความโกรธ ความเสียใจ ความน้อยใจอารมณ์ทุกอย่างคุกกรุ่นขึ้นมานัยน์ตา
แต่ว่านางพูดไม่ได้ ทำได้เพียงแต่ส่งเสียงร้องอู้อี้ แลดูน่าเวทนาอย่างยิ่ง
ภายในใจของเจียงเชี่ยน เซียวมาหม่าคือตัวแทนความอ่อนโยนเดียวที่หลงเหลืออยู่จากท่านแม่
เหตุใดท่านแม่ถึงไม่มา แม้แต่ท่านแม่ก็ทอดทิ้งนางแล้วงั้นหรือ
ไม่ เซี่ยวมาหม่าบอกไว้ว่า ท่านแม่ถูกท่านย่ายึดอำนาจการดูแลจวน แล้วบังคับให้สงบจิตสงบใจอยู่เงียบๆ อันที่จริงมันก็คือการกักบริเวณเลยมาหานางไม่ได้
เหตุใดพวกนางสองแม่ลูกถึงน่าเวทนาเช่นนี้
เจียงเชี่ยนรู้สึกเจ็บปวดทุกข์ทรมานอย่างมาก จึงออกแรงดึงมือของเซียวมาหม่าแล้วร้องอู้อี้ออกมาไม่หยุด
เซียวมาหม่ามองเจียงเชี่ยน จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา
การที่นางหัวเราะออกมาเช่นนี้ ทำให้เจียงเชี่ยนตะลึงงันไปชั่วขณะ
เจียงเชี่ยนพูดไม่ออก ทำได้เพียงส่งสายตางงงวยออกไป
เซียวมาหม่ายิ่งหัวเราะเสียงดังออกมาอย่างไม่เกรงใจ
ฮือๆๆ… เจียงเชี่ยนเบิกตาโต
นี่นางเสียสติ หรือว่าคนอื่นเสียสติกัน ทำไมทุกคนถึงแปลกประหลาดเช่นนี้ ไม่เหมือนที่นางคิดไว้เลย
เซียวมาหม่าก้าวมาข้างหน้า กดเสียงพูดต่ำลง “คุณหนูรองคงจะรู้สึกประหลาดใจมากแน่ๆ ว่าข้ากำลังหัวเราะเรื่องอะไร”
เจียงเชี่ยนพยักหน้า
ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่ไม่สามารถเอ่ยพูดออกมาได้ทำให้นางใบหน้าบิดเบี้ยว
เซียวมาหม่ากลับไม่มีท่าทีรู้สึกเกรงกลัวเลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังพูดออกไปด้วยน้ำเสียงชัดเจน “ก็เพราะในที่สุดข้าก็ล้างแค้นให้กับหงเย่ว์ได้! ลูกสาวของข้าตายอยู่ในสถานที่อันโหดเหี้ยมอำมหิตเช่นนี้ก็เป็นเพราะเอ้อร์ไท่ไท่ แล้วเวลานี้ลูกสาวของเอ้อร์ไท่ไท่กลายเป็นใบ้ นี่มันก็ยุติธรรมดีแล้วไม่ใช่หรือ…”
ทีแรกเจียงเชี่ยนก็รู้สึกงงงวย แต่หลังจากนั้นก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเซียวมาหม่า
เซียวมาหม่าปล่อยให้นางคว้าไว้ แล้วแค่นเสียงหัวเราะอย่างเย็นชาพลางพูดออกไป “คุณหนูรองเจ้าคะ รสชาติของการเป็นคนใบ้นั้นคงอึดอัดมากสิท่า ทว่าหงเย่ว์ของข้าไม่ได้เป็นใบ้ แต่กลับถูกคนใจดำอย่างพวกเจ้าจับปิดปากแล้วกดลงไปในบ่อน้ำ นางเพิ่งจะสิบหกปีเอง ยังไม่ได้ออกเรือนเลยด้วยซ้ำ!”
พอพูดถึงตรงนี้นางก็ออกแรงกำมือเจียงเชี่ยนไว้แน่น พูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำ “คุณหนูรองเคยแต่งงานมาแล้ว ดีกว่าหงเย่ว์ของข้าซะอีก เช่นนั้นนี่มันยังไม่จบหรอก ตอนนี้เป็นคุณหนูรอง ต่อไปก็ถึงคราของไท่ไท่…”
ฮือฮือ… เจียงเชี่ยนพุ่งไปคว้าตัวเซียวมาหม่าด้วยแรงทั้งหมดที่มี
เสียดายที่เวลานี้นางจะไปเอาแรงจากที่ไหนมา เซียวมาหม่าเพียงแค่ออกแรงผลัก ก็ทำให้นางเซถลาล้มลงบนเตียง
เซียวมาหม่าเหลือบมองเจียงเชี่ยน แล้วหันหลังเดินออกไป
เจียงเชี่ยนพุ่งตัวตามมา สาวรับใช้เฝ้าประตูเห็นเข้าจึงรีบปิดประตูทันที ปล่อยให้ประตูห้องถูกทุบจนเกิดเสียงดังลั่น
“เซียวมาหม่ารีบไปเถอะ หากมีคนรู้ว่าข้าปล่อยเจ้าเข้าไป คงไม่ดีแน่”
หากเป็นเมื่อก่อน เซียวมาหม่าไปไหนมาไหนล้วนไม่มีผู้ใดมาขัดขวาง แต่เนื่องจากเวลานี้เอ้อร์ไท่ไท่ไร้ซึ่งอำนาจ คนรอบกายเอ้อร์ไท่ไท่ก็พลอยตกต่ำลงไปด้วย
เซียวมาหม่าไม่ได้สนใจเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว จึงกล่าวขอบคุณสาวรับใช้ แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ยังคงมีเสียงทุบประประตูไม้ดังขึ้น สาวรับใช้ถอนหายใจออกมาเบาๆ
เอ้อร์กูไหน่ไนที่เคยเฉิดฉายไร้ที่ติเสียสติไปแล้วจริงๆ หรือ ช่างน่าสงสารเสียจริง
ตอนที่เจียงเชี่ยนถูกส่งตัวออกไป นายท่านเจียงเอ้อร์ไม่ได้โผล่หน้ามา มีเพียงพี่ชายฝาแฝดเจียงชังที่ตามมาส่ง เขาพูดทั้งน้ำตาพร้อมกับมองไปยังน้องสาวที่ดูแทบไม่ออกว่าเป็นน้องสาว “น้องรอง เจ้ารอข้าหน่อยนะ สักวันหนึ่งพี่ชายคนนี้จะมารับเจ้ากลับไปแน่นอน…”
เจียงเชี่ยนร้องตะโกนเสียงอู้อี้อยากจะเตือนพี่ชายให้ระวังเซียวมาหม่า แต่กลับถูกมาหม่าสองคนที่ส่งนางไปยังหมู่บ้านฉุดกระชากลากถูขึ้นรถม้า
เมื่อเห็นรถม้าเคลื่อนตัวออกไปไกล เจียงชังเดินกลับไปด้วยความรู้สึกทุกข์ใจ เมื่อเดินผ่านประตูเย่ว์ต้งก็เห็นนายท่านเจียงเอ้อร์ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ท่านพ่อ” เจียงชังตะโกนเรียกด้วยความหมดอาลัยตายอยาก ในใจรู้สึกอึดอัด
เขาไม่โทษที่บิดาไม่ขัดขวางการส่งตัวน้องรองออกไป แต่ว่าตอนที่น้องรองจะไปท่านพ่อกลับไม่ปรากฏตัวออกมา แถมยังขังท่านแม่ไว้ ช่างน่าผิดหวังเสียจริง
นายท่านเจียงเอ้อร์มองเจียงชังด้วยความรู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
ความหวังอันสูงส่งที่มอบให้กับลูกชายคนโตที่ล้มเหลวจนไม่อาจลุกขึ้นมาได้อีก นี่จะไม่ให้เรือนรองได้กลับมาลืมตาอ้าปากอีกครั้งเลยหรือ
“ชังเอ๋อร์อีกสองปีข้างหน้าจะมีการจัดสอบขุนนางขึ้นอีกครั้ง หากเจ้ามีอนาคตไกล น้องสาวของเจ้าก็จะได้กลับจวน”
เจียงชังสั่นเทิ้มไปทั้งร่าง พยักหน้าลงอย่างแรง “ลูกจะพยายาม ลูกจะไม่ยอมให้น้องรองต้องทนลำบากอยู่ข้างนอกเป็นแน่”
พวกผู้อาวุโสบอกว่าน้องรองป่วยเป็นโรคร้าย จำเป็นต้องออกจากจวนไปเพื่อสงบจิตใจที่หมู่บ้าน ทว่าสุดท้ายคงเป็นเพราะน้องรองทำให้น้องสี่ไม่พอใจ กลัวว่าจะเกะกะสายตาน้องสี่จึงได้ทำเช่นนี้
น้องรองผู้น่าสงสารได้รับความกระทบกระเทือนจิตใจอย่างรุนแรงจนพูดไม่ได้ แถมยังไม่มีคนสนิทคอยดูแลอยู่ข้างกายเลยแม้แต่คนเดียว
นายท่านเจียงเอ้อร์เห็นท่าทีเช่นนี้ของเจียงชังก็รู้สึกพอใจไม่น้อย
แม้ว่าลูกสาวแท้ๆ ที่ตั้งใจอบรมเลี้ยงดูมาจะไร้ประโยชน์ แต่สามารถใช้กระตุ้นให้ลูกชายคนโตก้าวต่อไปข้างหน้าได้ก็ถือว่ามีประโยชน์เล็กน้อย
นายท่านเจียงเอ้อร์ยกมือขึ้นมาตบลงที่บ่าของเจียงชัง “เอาล่ะ กลับไปอ่านตำราเถอะ ที่น้องรองของเจ้าเป็นเช่นนี้ข้าก็เสียใจเช่นกัน แต่ว่าบางครั้งแม้จะเสียใจก็ต้องอดทน สนใจในสถานการณ์ที่ควบคุมได้จะดีกว่านะ”
“ลูกเข้าใจแล้ว ขอตัวลาก่อนขอรับ” เจียงชังเดินแยกออกไปจากนายท่านเจียงเอ้อร์ แล้วไปที่เรือน
“เซียวมาหม่า เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไรกัน” เมื่อเดินมาถึงเรือน เจียงชังก็เห็นเซียวมาหม่าซ่อนตัวอยู่จึงต้องหยุดฝีเท้าลง
เซียวมาหม่าเดินออกมา มองซ้ายมองขวา เอ่ยพูดเสียงเบา “คุณชายใหญ่ ข้าน้อยมีเรื่องอยากจะพูดกับท่านเจ้าค่ะ”
“เซียวมาหม่าเชิญทางนี้”
ต้นไผ่ในสวนงอกใบใหม่ออกมาแล้ว มันเขียวชอุ่มราวกับเพิ่งถูกชะล้าง
เจียงชังยืนอยู่ที่นั่น แล้วเอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เซียวมาหม่ามีเรื่องอะไรก็พูดมาเถิด”
เซียวมาหม่าคุกเข่าทรุดลงไปพร้อมกับร้องไห้ “คุณชายใหญ่ ต้องช่วยเอ้อร์กูไหน่ไนนะเจ้าคะ!”
“เซียวมาหม่ามีอะไรก็ลุกขึ้นมาพูดเถิด หากมีใครเห็นเข้าจะเอาไปนินทาได้”
เซียวมาหม่าลุกยืนขึ้น พลางเช็ดน้ำตา “คุณชายใหญ่ ท่านรู้หรือไม่ว่า เดิมทีเอ้อร์กูไหน่ไนไม่ได้พูดไม่ได้ เพราะป่วย แต่เพราะถูกพิษต่างหาก!”
“อะไรนะ” เจียงชังรู้สึกเหมือนกับถูกไม้ฟาดหัวจนตาลาย
เซียวมาหม่ากดเสียงเบาลง “วันนั้นข้าน้อยแอบไปเยี่ยมเอ้อร์กูไหน่ไน พบว่าประตูปิดสนิท ไม่มีบ่าวรับใช้เลยแม้แต่คนเดียว รู้สึกว่ามันผิดปกติจึงเดินอ้อมไปข้างหลังแล้วแอบมองผ่านช่องหน้าต่าง คาดไม่ถึงเลยว่าจะเห็นเฝิงมาหม่าจากเรือนฉือซินพาสาวรับใช้อีกสองคนมารินยาให้เอ้อร์กูไหน่ไนกิน จากนั้นเอ้อร์กูไหน่ไนก็ป่วยจนพูดไม่ได้…”
“นี่เจ้าพูดจริงรึ”
เซียวมาหม่าเช็ดน้ำตาไม่หยุด “เรื่องเช่นนี้ข้าน้อยจะพูดมั่วซั่วได้อย่างไรกัน เวลานี้เอ้อร์ไท่ไท่สงบจิตใจอยู่ เหล่าฮูหยินรับสั่งอย่างเข้มงวดว่าห้ามเอ่ยถึงเรื่องเอ้อร์กูไหน่ไนให้ไท่ไท่ได้ยิน ข้าน้อยไม่กล้าขัดคำสั่ง ทว่าก็รู้สึกน้อยใจแทนเอ้อร์กูไหน่ไน จึงทำได้เพียงมาบอกคุณชายใหญ่”
เจียงชังสีหน้าเปลี่ยน สุดท้ายก็สงบลง เอ่ยเสียงเรียบ “ข้ารู้แล้ว เซียวมาหม่าไม่ต้องพูดเรื่องนี้กับผู้ใดอีก เจ้ารีบกลับไปที่เรือนหยาซินเถอะ”
“เจ้าค่ะ” เซียวมาหม่าย่อตัวเคารพเจียงชัง เมื่อเดินพ้นประตูเรือนก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
ระหว่างทางกลับ อาหมานเข้ามาขวางทางเซียวมาหม่าไว้ พลางเชิดหน้าขึ้นพูด “เซียวมาหม่า คุณหนูของพวกเราอยากเจอเจ้า”