เมื่อได้ยินว่าคุณหนูสี่อยากพบ เซียวมาหม่าก็หัวใจกระตุกวูบขึ้นมา ไม่กล้าพูดอะไรตอบ แล้วเดินตามอาหมานไปที่เรือนไห่ถังอย่างเชื่อฟัง
“คุณหนู เซียวมาหม่ามาแล้วเจ้าค่ะ”
พอได้ยินอาหมานรายงาน เจียงซื่อก็วางแก้วชาในมือลง “ให้นางเข้ามา”
เซียวมาหม่าก้มหน้าเดินเข้ามาอย่างเจียมตัว แล้วย่อตัวเคารพเจียงซื่อ “คุณหนูสี่ บ่าวมาแล้วเจ้าค่ะ”
ไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ อยู่ครู่หนึ่ง
เซียวมาหม่ารู้สึกกังวลอยู่ในใจ ทว่ายังคงรักษาท่วงท่าการเคารพไว้ ไม่ขยับเขยื้อน
ไม่นาน น้ำเสียงอ่อนโยนแต่ในขณะเดียวกันก็เยือกเย็นดังขึ้น “ไม่จำเป็นต้องพิธีรีตอง”
เซียวมาหม่าถอนหายใจอย่างโล่งอก พลางลุกขึ้นยืน
“เซียวมาหม่า”
“เจ้าค่ะ ไม่ทราบว่าคุณหนูสี่มีอะไรจะรับสั่งบ่าวหรือเจ้าคะ”
เจียงซื่อมองเซียวมาหม่า ได้แต่รู้สึกน่าขัน
ในอดีตท่าทางอ่อนน้อมถ่อมตนเช่นนี้เคยปรากฏออกมาจากมาหม่าคนสนิทของเอ้อร์ไท่ไท่เมื่อไรกัน มิน่าล่ะใครๆ ถึงล้วนอยากขึ้นไปอยู่ที่สูง
มองสำรวจอยู่พักหนึ่ง เจียงซื่อก็เอ่ยพูดออกไปอย่างตรงไปตรงมา “เซียวมาหม่า ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะวางแผนอะไรอยู่ เพียงแต่มีเรื่องหนึ่งที่ต้องเตือนเจ้า อย่าได้ยื่นมือเข้ามายุ่งในเรือนใหญ่”
เซียวมาหม่าตกใจขวัญกระเจิง มองไปที่เจียงซื่ออย่างตะลึงงัน
ใบหน้าของหญิงสาวไม่แสดงความรู้สึกออกมามากนัก มีเพียงแค่ดวงตาสีนิลคู่นั้นจ้องมองจนเย็นเยือกเข้ากระดูก
เซียวมาหม่าตัวสั่นเทา
“คุณหนูสี่ บ่าว…”
เจียงซื่อเอ่ยตัดคำพูดเซียวมาหม่าอย่างเย็นชา “เจ้าไม่พอใจกับการตายของหงเย่ว์ ”
เซียวมาหม่าจ้องเจียงซื่อราวกับเห็นผี ความรู้สึกในใจกระเพื่อมขึ้นมา
คุณหนูสี่รู้ได้อย่างไร!
พวกเจ้านายในจวนต่างไม่มีผู้ใดรู้ว่านางรู้ความจริงของเหตุการตายของลูกสาวมานานแล้ว นางปิดบังไว้อย่างดีเมื่ออยู่ต่อหน้าเซียวซื่อ จึงได้รับความเชื่อใจจากเซียวซื่ออีกครั้ง และถึงได้คอยผสมโรงจนคุณหนูสองเดินมาถึงทางตัน เช่นนั้นเหตุใดคุณหนูสี่ที่อยู่ตั้งไกลในเรือนไห่ถังถึงรู้ความคิดของนางได้
เซียวมาหม่าได้แต่รู้สึกว่าสตรีอันงดงามตรงหน้าทั้งลึกลับและน่ากลัว ทำให้ผู้คนหวาดกลัว
เจียงซื่อเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้ ยิ้มเหมือนไม่ยิ้มแล้วพูดออกมา “เซียวมาหม่าไม่จำเป็นต้องประหลาดใจไปว่าทำไมข้าถึงรู้ความคิดของเจ้า ก็เหมือนกับที่ข้าไม่ประหลาดใจว่าเหตุใดเจียงเชี่ยนถึงได้ทำร้ายข้าอย่างไร้สติ เจ้าจำไว้แค่ว่า เรือนใหญ่ไม่ใช่ที่ที่เจ้าควรจะยื่นมือเข้ามายุ่ง หากไม่ทำตามที่ข้าพูด เช่นนั้นข้าจะถอดเขี้ยวเล็บของเจ้าออกซะ เข้าใจใช่รึไม่”
เซียวมาหม่าเซถอยหลัง สีหน้าย่ำแย่ลงไปอีก ในใจได้แต่กู่ร้องตะโกนออกมา คุณหนูสี่รู้เรื่องที่นางเป็นคนเสี้ยมคุณหนูรอง! คุณหนูสี่รู้เรื่องหมดทุกอย่าง!
คุณหนูสี่รู้ได้อย่างไรกัน
สุดท้ายนางก็ไม่ได้เอ่ยปากถามอะไรออกไป แล้วคุกเข่าลงเอาหัวแนบพื้น “คุณหนูสี่วางใจได้เลยเจ้าค่ะ บ่าวเป็นคนรักษาสัญญา”
เจียงซื่อยิ้มออกมา “เช่นนั้นก็ดี เซียวมาหม่ากลับไปได้แล้ว”
คนเลวย่อมได้รับผลกรรมที่ตนเองก่อไว้ นางจะรอดูว่าเซียวมาหม่าจะจัดการเอ้อร์ไท่ไท่อย่างไร
เซียวมาหม่าตะเกียกตะกายลุกขึ้น แทบจะหนีเตลิดออกไป
จวนตงผิงปั๋วครึกครื้นดูมีชีวิตชีวา ทว่าบรรยากาศในวังกลับเคร่งเครียดเป็นอย่างมาก
ไทเฮาทรงพระประชวรมาหลายวันแล้ว
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลงจากพระราชบัลลังก์แล้วรีบเข้าไปเยี่ยมไทเฮาที่พระตำหนักฉือหนิง
บรรยากาศภายในพระตำหนักฉือหนิงอบอวลไปด้วยกลิ่นยา จิ่งหมิงฮ่องเต้สูดลมหายใจเบาๆ รู้สึกกังวลเล็กน้อย
ไทเฮาคล้ายกับกำลังโกรธ
“มีเรื่องมากมายที่ฝ่าบาทต้องทำ เหตุใดถึงได้มาเยี่ยมอีก” ไทเฮาเอนกายพักผ่อนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นจิ่งหมิงฮ่องเต้เข้ามาจึงรีบลุกขึ้น
จิ่งหมิงฮ่องเต้รีบเดินไปประคองไทเฮา “เสด็จแม่นอนลงเถิด วันนี้พระอาการดีขึ้นหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
ไทเฮายังคงดึงดันลุกขึ้นมานั่งตัวตรงพร้อมกับรอยยิ้ม “เดิมข้าก็ไม่เป็นอะไรหรอก ฝ่าบาทอย่าได้ทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมไป”
จิ่งหมิ่งฮ่องเต้รีบเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรก็ดี ช่วงนี้อากาศเดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว ไทเฮาต้องรักษาสุขภาพให้ดี ลูกถึงจะได้สบายใจ”
ไทเฮาชราภาพมากแล้ว เรื่องเล็กๆ น้อยๆ อาจรับไว้ไม่ไหว
พอคิดถึงตรงนี้ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็รู้สึกกลุ้มใจมาก
ผู้ใดเป็นคนคาบข่าวเรื่องการเลือกพระชายาให้องค์ชายมาพูดให้ไทเฮาได้ยินกัน อย่าให้รู้นะว่าเป็นใคร เขาจะจับคนผู้นั้นมาถลกหนังแน่นอน
เมื่อเห็นความเป็นห่วงเป็นใยในสายตาจิ่งหมิงฮ่องเต้ ในที่สุดไทเฮาก็เอ่ยปากพูดเรื่องที่คับข้องใจ “ฝ่าบาท การเลือกพระชายาให้องค์ชายเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เหตุใดถึงได้รีบร้อนตัดสินใจนัก”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ลูบจมูก พูดขึ้นอย่างไม่รู้สึกผิด “รีบร้อนงั้นหรือ ลูกคิดไตร่ตรองอยู่ทั้งคืนแหน่ะ”
ไทเฮาอยากจะกลอกตาใส่ แต่ด้วยอายุที่มากแล้วจึงขี้เกียจขยับ แล้วเอ่ยพูดหน้าตาเคร่งขรึม “ไตร่ตรองอยู่ทั้งคืน แล้วตัดสินใจเลือกคุณหนูจากจวนตงผิงปั๋วให้เจ้าเจ็ดงั้นหรือ ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูท่านนั้นเคยถูกยกเลิกการหมั้น”
ตำแหน่งนั้นมันควรจะเป็นของลูกสาวซูเคอต่างหาก!
สตรีที่หน้าตาสวยสดงดงาม จนถึงบัดนี้ไทเฮายังคงจำได้ไม่ลืม
“เสด็จแม่รู้แม้กระทั่งว่าภรรยาของเจ้าเจ็ดเคยถูกยกเลิกการหมั้นงั้นหรือ เสด็จแม่ฉลาดยิ่งนัก”
“ข้าอายุปูนนี้แล้ว อย่าได้มาพูดเล่นเช่นนี้กับแม่เลย” ไทเฮาชำเลืองมองจิ่งหมิงฮ่องเต้ ตรัสออกไปด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “สตรีบนโลกนี้มีมากนัก ไม่ว่าอย่างไรก็มิควรที่จะเลือกหญิงสาวที่มลทินขึ้นมาเป็นพระชายาอ๋อง”
“เสด็จแม่ทรงวางพระทัยเถิด วันนั้นลูกเห็นพระชายาของเจ้าเจ็ดแล้ว เป็นสตรีที่หน้าตาสะสวย เพียบพร้อม มีมารยาทนัก”
อืม เย็นชา ทะนงตัว วาจาไม่มากความ ตรัสว่าหน้าตาสะสวยเพียบพร้อมมีมารยาทก็น่าจะได้อยู่
ไทเฮาขมวดคิ้วแน่นยิ่งขึ้น “คำก็พระชายาเจ้าเจ็ด สองคำก็พระชายาเจ้าเจ็ด นางยังไม่ได้เข้าวังเลย ฝ่าบาทตรัสว่าพระชายาเจ้าเจ็ดเช่นนี้เหมาะสมแล้วหรือ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้ทุ่มสุดตัว โดยไม่สนใจอะไรแล้ว “ลูกประทานการสมรสออกไปแล้ว ครานี้พวกเขามิอาจยกเลิกการหมั้นได้”
“…”
ไทเฮาแทบจะสำลักตายอยู่แล้ว…
เมื่อได้ยินน้ำเสียงการพูดของฝ่าบาท ยังคงรู้สึกว่าถูกเอาเปรียบทางด้านความรู้สึก
“เอาล่ะ ข้าเหนื่อยแล้ว ฝ่าบาทกลับไปเถอะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้รู้สึกว่าเหล่าไท่ไท่น่าจะเข้าใจได้คร่าวๆ จึงยิ้มเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นเสด็จแม่พักผ่อนเถิด ลูกขอตัวกลับก่อน วันพรุ่งนี้จะมาเยี่ยมใหม่”
“ไม่ต้องหรอก” ไทเฮาหลับตาลง ทุกข์ใจยิ่งกว่าเดิม
จิ่งหมิงฮ่องเต้จึงพูดเกลี้ยกล่อมออกไปอีกครั้ง “เสด็จแม่อย่าได้กังวลเรื่องพวกลูกๆ หลานๆ ไปเลย หลานก็ต้องมีความสุขของตัวเอง จะผ่านไปได้ด้วยดีหรือไม่สุดท้ายก็อยู่ที่ตัวพวกเขา หากไม่รู้จักคิด แม้จะแต่งงานกับเทพธิดามันก็คงวุ่นวายเช่นเดิม”
พอพูดถึงตรงนี้จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็รู้สึกหงุดหงิดองค์รัชทายาทขึ้นมา
เจ้าคนที่ไม่มีความพยายามผู้นั้น ถึงแม้เต๋อหรงเหยียนชายาเอกจะไม่ได้เยี่ยมยอดที่สุด ทว่าทักษะด้านอื่นๆ นั้นถือว่าไม่เลวเลย แล้วเหตุใดนางถึงถูกทอดทิ้งอย่างเย็นชาทุกวัน
ในครอบครัวธรรมดาสามัญการรักและทะนุถนอมอนุแต่ละทิ้งภรรยาเอกนั้นอาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในครอบครัวได้ แต่หากเป็นพระราชวัง โดยเฉพาะองค์รัชทายาท ไม่แน่มันอาจนำหายนะมาสู่บ้านเมืองได้
เมื่อเดินออกไปจากพระตำหนักฉือหนิง จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็ตรัสเรียกองค์รัชทายาทมาอบรมสั่งสอนด้วยความดุดันอยู่ครู่หนึ่ง
องค์รัชทายาทได้แต่งงงวย
เขาทำอะไรผิดหรือ
เสด็จพ่อเข้มงวดเกินไปหน่อยหรือไม่ เพียงแค่เขาไม่สนใจพระชายาเอกถึงกับต้องเรียมมาอบรมสั่งสอนเลยรึ
พอกลับถึงที่ประทับ องค์รัชทายาทคว่ำโต้ะด้วยความพิโรธ
เขาได้ยินมาหมดแล้วว่าภรรยาของเจ้าเจ็ดหน้าตาสะสวยเสียยิ่งกว่าเทพธิดา ตอนแรกหากเลือกพระชายาเอกให้เขาได้เช่นนี้ เขาก็คงไม่หงุดหงิดถึงเพียงนี้หรอก!
เห็นได้ชัดว่าเสด็จพ่อไม่เอาใจใส่เขา แล้วเอาแต่จ้องจะจับผิดเขาแทน!
องค์รัชทายาทยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่ยุติธรรม จู่ๆ ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ เสด็จแม่ไปนานขนาดนี้ เสด็จพ่อคงไม่เชื่อฟังคำเป่าหูของพวกพระสนมชั่วร้ายพวกนั้นจนคิดอยากจะถอดเขาออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทหรอกใช่หรือไม่
ณ ห้องทรงพระอักษร พานไห่พูดเกลี้ยกล่อมอย่างระมัดระวัง “ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกริ้วไปเลยพ่ะย่ะค่ะ ภายหน้าไท่จื่อจะเข้าใจความเอาใจใส่ของพระองค์ได้อย่างแน่นอน”
“ภายหน้าจะเข้าใจได้งั้นรึ ข้าว่าเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ในตำแหน่งอะไร!”
เห็นท่าทีขององค์รัชทายาทเช่นนี้ ในอนาคตเขาจะวางใจฝากบ้านเมืองไว้กับเจ้าบ้านี่ได้อย่างไร