บทที่ 379 ยังเขินอายอยู่น่ะ

Lucky baby คุณพ่อ ต้องพยายามจีบแม่

บทที่379 ยังเขินอายอยู่น่ะ

ช่วงนี้เห็นเจียงหยุนเอ๋อมีชีวิตที่สงบขึ้น หลังจากเริ่มวางใจได้ ก็ตั้งใจทำงานได้มากกว่าเดิม

แต่ตอนนี้งานส่วนใหญ่เป็นงานที่ถูกดองเอาไว้ตั้งแต่เมื่อก่อน

จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้น

ลี่จุนถิงไม่ได้มอง ก่อนจะกดรับสาย พลางพูดเสียงเย็นชา: “ฮัลโหล”

“ลี่จุนถิง” ปลายสายนั้นมีเสียงอ่อนนุ่มของเจียงหยุนเอ๋อลอยมา

ลี่จุนถิงได้ฟังดังนั้น ความเย็นชาทั้งเรือนร่างของเขาก็เปลี่ยนเป็นความอบอุ่น

“อือ”

เสียงของเจียงหยุนเอ๋อนั้นมีความระมัดระวังซ่อนอยู่ เพราะกลัวว่าจะรบกวนการทำงานของลี่จุนถิง: “คุณกินข้าวหรือยัง?”

เมื่อได้ยินเจียงหยุนเอ๋อถามอย่างเป็นห่วง ลี่จุนถิงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา: “ยังไม่ได้กินเลย”

“เวลานี้แล้วทำไมยังไม่กินอีก?” น้ำเสียงของเจียงหยุนเอ๋อนั้นมีความไม่ได้ดั่งใจเล็กน้อย

ตอนนี้เที่ยงกว่าแล้ว เจียงหยุนเอ๋อเลยลองโทรมาหาเฉยๆ เพราะกลัวว่าลี่จุนถิงจะยุ่งจนลืมกินข้าว คิดไม่ถึงเลยว่าตัวเองจะได้มาเจอแบบที่คิดเอาไว้จริงๆ

เมื่อถูกภรรยาจับได้ ลี่จุนถิงเลยลูบๆ หัวด้วยความเขิน พลางพูดอย่างเขินๆ ออกไป: “ฉันยุ่งกับงานอยู่ เลยลืมเวลาไปน่ะ”

“งานสำคัญก็จริง แต่จะลืมกินข้าวไม่ได้นะ” เจียงหยุนเอ๋อพูดเหมือนแม่ที่กำลังสอนลี่จุนถิง “ร่างกายก็เป็นเครื่องมือในการทำงาน ถ้าเกิดว่าสุขภาพไม่ดีแล้ว จะมีเงินไปทำไมอีกล่ะ?ฉันไม่อยู่ข้างกายคุณ เข้มงวดกับคุณไม่ได้ก็ยิ่งต้องดูแลตัวเองหน่อยสิ”

“อือ ฉันรู้แล้วล่ะ” ลี่จุนถิงไม่ได้รู้สึกไม่พอใจอะไร แต่รู้สึกว่ามันช่างหวานหอมเสียเหลือเกิน

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะไม่ได้เจอทุกวัน แต่ว่าเจียงหยุนเอ๋อก็ยังเป็นห่วงอยู่ตลอดเวลา

ถ้าเกิดเป็นโม่เสี่ยวฮุ่ยมาพูดแบบนี้ เขาอาจจะรำคาญ แต่ในสายตาของเขา เจียงหยุนเอ๋อสอนขนาดนี้ยังดูอ่อนโยนเลย

เมื่อได้ยินเสียงสำนึกผิดของลี่จุนถิงแบบนี้ เจียงหยุนเอ๋ออยากจะพูดอะไรต่อในตอนแรก แต่ก็รีบเปลี่ยนบทสนทนา: “ช่วงนี้ถวนจื่อเป็นอย่างไรบ้าง?”

เมื่อพูดถึงลูกลี่จุนถิงก็ภูมิใจขึ้นมาทันที : “ถวนจื่อหลงใหลไปกับการคัดลายมือแล้วล่ะ วันๆ เอาแต่คิดถึงการเรียนรู้ที่จะเขียนน่ะ”

เจียงหยุนเอ๋อรู้สึกน่าตลกดี: “ดีมากเลยล่ะ มันดีกับเขาด้วย จริงสิ ช่วงนี้เขาได้กินข้าวดีๆ หรือเปล่า?อย่าให้เขาเลือกกินนะ ตอนนี้กำลังโต สำคัญมาก……”

ด้วยความที่เป็นแม่ ลูกไม่อยู่ข้างกาย ก็ต้องเป็นห่วงเป็นธรรมดา

“คุณไม่มีอะไรสำคัญจะบอกฉันงั้นเหรอ?” ลี่จุนถิงเสียใจเล็กน้อย เพราะเจียงหยุนเอ๋อเอาแต่เป็นห่วงลูกชาย

เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไป ก่อนจะขมวดคิ้วคิด: “หือ?ฉันมีเรื่องอะไรเหรอ?”

เจียงหยุนเอ๋อแค่อยากจะโทรมาถามเกี่ยวกับพวกเขาพ่อลูกเท่านั้น

“ห่างกันนานขนาดนี้ คุณไม่คิดถึงฉันเลยเหรอ?” ลี่จุนถิงพูดกล่าวโทษ

เจียงหยุนเอ๋ออึ้งไปอีก จากนั้นก็เริ่มมีสติกลับมา ลี่จุนถิงที่หึงลูกชายในตอนแรก ก็แก้มแดงขึ้นมา: “มาเทียบอะไรกับลูกเนี่ย น่าอายไหม?”

“พูดเร็วเข้า ว่าคุณคิดถึงฉันแล้ว” ลี่จุนถิงทนไม่ไหวแล้ว เลยเริ่มอ้อนออกไป

เจียงหยุนเอ๋อกลับเขินเล็กน้อย เพราะซูม่านลีเองก็อยู่ข้างๆ ตัวเอง นั่งติดกันเลยล่ะ

คำพูดเมื่อครู่ซูม่านลีเองก็ได้ยินอย่างชัดเจน

แต่ในตอนนี้เองซูม่านลียิ้มร้ายๆ พลางมองตัวเอง ถึงเจียงหยุนเอ๋อจะสนิทกับซูม่านลีมาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็เขินอยู่ดี

เจียงหยุนเอ๋อเงียบอยู่สักพัก แต่ลี่จุนถิงกลับถามอยู่ตลอด เพื่อให้เจียงหยุนเอ๋อบอกว่าคิดถึงเขา

เจียงหยุนเอ๋อหน้าแดงเป็นอย่างมาก ก่อนจะกัดฟันแล้วพูดอย่างรวดเร็วว่า: “ฉันคิดถึงคุณ”

เมื่อพูดคำนี้ออกไป ก็รีบพูดออกมาอีกว่า: “คุณอย่าลืมกินข้าวนะ ฉันมีธุระ วางสายก่อนนะ”

พูดจบก็รีบวางสายไป

ลี่จุนถิงอยากจะแซวต่อ แต่เสียงของโทรศัพท์ก็ดัง “ตู๊ดๆ” ขึ้นมาเสียก่อน

ลี่จุนถิงมองโทรศัพท์นั้น ก่อนจะหัวเราะออกมา

อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ผู้หญิงคนนี้ก็ยังเขินอยู่อีก

ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ต้องเชื่อฟังคำพูดของภรรยาหน่อย เลยรีบออกไปกินข้าวก่อนจะกลับเข้ามาทำงานต่อ

ทางฝั่งเจียงหยุนเอ๋อ

ซูม่านลีเห็นว่าลูกสาวของตัวเองเขินขนาดนั้น เลยหัวเราะออกมา: “จะเป็นแม่ลูกสองแล้ว ยังเขินขนาดนี้อีกเหรอ”

“แม่” เจียงหยุนเอ๋อจ้องซูม่านลี ตัวเองเขินขนาดนี้แล้ว ยังจะมาขำกันอีก

“เห้อ โอเคๆ ไม่ขำก็ได้” ซูม่านลีพูดออกมาด้วยความเห็นใจ “คุณดูสิ ลี่จุนถิงรักคุณขนาดนี้ ตอนแรกคุณถูกตระกูลลี่แกล้งเอา ก็รับรองได้แล้ว ว่าจริงใจกับลี่จุนถิงแค่ไหน ก็หวังว่าจากนี้พวกคุณจะอยู่กันอย่างสงบ และมีความสุขนะ”

เจียงหยุนเอ๋อพยักหน้า ทุกอย่างที่ซูม่านลีพูด เจียงหยุนเอ๋อเข้าใจดี

“โอเค ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ฉันทำขนมหวานน่ะ เดี๋ยวไปกินกันเถอะ” เจียงหยุนเอ๋อคล้องแขนซูม่านลี

“คุณยังร่างกายไม่แข็งแรงเลยไม่ต้องทำอะไรแบบนั้นหรอก” ถึงซูม่านลีจะพูดแบบนั้น แต่ก็ยังปลอบเธออยู่ในใจ ถึงแม้ว่าสามีจะไม่ได้ดั่งใจ แต่ลูกสาวก็ยังรักและดูแลเป็นอย่างดี

“แม่ คุณก็รู้ ว่าฉันท้องโตขนาดนี้ คนใช้ไม่ให้ฉันทำอะไรเลย มันน่าเบื่อ นอกจากทำขนมหวานแล้ว ก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว” เจียงหยุนเอ๋ออยากจะเพิ่มเสน่ห์ปลายจวักให้ตัวเอง

ถึงอย่างไรตัวเองทำด้วยตัวเอง มันก็เป็นไปตามต้องการได้

“ได้ แม่รู้ แต่อยากให้ดูแลร่างกายให้ดีๆ หน่อย” ซูม่านลีจูงมือของเจียงหยุนเอ๋อขึ้นมา ก่อนจะตบเบาๆ “ไปกันเถอะ เดี๋ยวฉันจะชิมฝีมือลูกสาวสักหน่อย”

แม่ลูกสองคนไปกินของหวานกัน พลางดูโทรทัศน์ที่ห้องรับแขกไปด้วย แต่ก็ไม่มีละครอะไรที่น่าสนุก เลยเปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ

ในระหว่างนั้นมีการรายงานข่าวของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปในช่วงธุรกิจ

“แม่ เดี๋ยวก่อน” เจียงหยุนเอ๋อหยุดการกระทำของซูม่านลี่กำลังจะเปลี่ยนช่อง ก่อนจะหยิบรีโมตขึ้นมา “แม่ เราดูอันนี้กันเถอะ”

ซูม่านลีเห็นชื่อของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ก็เข้าใจได้ว่าลูกสาวของตัวเองนั้นคิดถึงสามีแล้ว

“ตามการตรวจสอบ บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปในช่วงนี้ได้โปรเจคใหญ่มา เป็นการร่วมมือกับบริษัทยี่เทียน บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปขึ้นถึงจุดสูงสุดอีกครั้ง”

พิธีกรในโทรทัศน์รายงานข่าวด้วยสำเนียงชัดเจน หน้าจอนั้นก็มีใบหน้าด้านข้างของลี่จุนถิงขึ้นมา

ต่อหน้าคนอื่น ลี่จุนถิงมีแต่ใบหน้าเงียบขรึม แต่ตอนที่อยู่กับตัวเอง ใบหน้าหล่อเหลานั้น เหมือนเป็นน้ำแข็งที่ละลายออกไปเมื่อหน้าร้อนมาถึงเลยล่ะ มันอบอุ่นเป็นอย่างมาก

เจียงหยุนเอ๋อมองใบหน้าด้านข้างของลี่จุนถิงไม่ห่าง ไม่ได้เจอเพียงไม่กี่วัน คิดไม่ถึงเลยว่าจำคิดถึงขนาดนี้ มันกัดกินหัวใจของตัวเอง จนหยุดไม่อยู่เลยล่ะ

ตอนที่เจียงหยุนเอ๋อเหม่อลอยอยู่นั้น โทรทัศน์ก็เริ่มประกาศข่าวอื่น มันเกี่ยวกับบริษัทของตระกูลเจียง

เมื่อครู่ที่รายงานข่าวของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ซูม่านลีมองหน้าของลูกสาวอยู่ตลอด

แต่เมื่อมีข่าวของบริษัทเจียงซื่อกรุ๊ป ซูม่านลีขมวดคิ้วขึ้น ความสนใจก็ถูกดึงดูดเข้าไปอีก