บทที่ 477 ชายหนุ่มที่น่าสงสาร
บทที่ 477 ชายหนุ่มที่น่าสงสาร
หลังจากเห็นชายหนุ่มเดินทางไปไกลแล้ว หญิงชราก็พึมพำออกมา “นายไม่น่าจะปรากฏตัวที่นี่เลย แต่ในเมื่อนายออกมาแล้ว งั้นก็จงแบกรับภาระนี้ไว้ซะ! หวังว่านายจะสามารถหาวิธีทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นได้นะ! อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ” ฉู่เหินไหนเลยจะรู้ว่าการที่เขาปรากฏตัวที่นี่ มันกลับทำให้เขาต้องแบกรับภาระเอาไว้เยอะมากขนาดไหน!
ฉู่เหินขี่หมาป่ามาด้วยความเร็วราวกับบินได้! ที่ทำให้ชายหนุ่มคิดไม่ถึงก็คือหมาป่าที่ไม่ได้สะดุดตาอะไร มันกลับวิ่งได้เร็วขนาดนี้! เพียงชั่วพริบตาเขาก็จากมาไกลมากแล้ว ถ้าที่โลกเดิมความเร็วเท่านี้ไม่เท่าไรหรอก แต่ที่โลกนี่ไม่เหมือนกันทั้งพลังและแรงโน้มถ่วงที่ต่างกันมาก
ตอนนี้ฉู่เหินได้พัฒนาวิชาก้าวนภาไปมา แต่ทว่าเขากลับสามารถเคลื่อนย้ายได้ไม่เกิน 10 กว่าเมตรเท่านั้น ซึ่งเทียบความเร็วของหมาป่าตัวนี้ไม่ได้เลย! ในมือชายหนุ่มถือแผนที่ไว้ ดังนั้นเขาจึงไม่กลัวว่าจะหลงทาง! อีกก็เพราะแผนที่นี้บอกอย่างละเอียดมาก ขอแค่เดินตามแผนที่ก็พอแล้ว
เขาพุ่งรวดเดียวก็ออกมาจากหมู่บ้านเล็ก ๆ ได้แล้ว เวลาไม่นานก็เข้าสู่ส่วนลึกของหุบเขา! หมาป่าที่เดิมวิ่งมาอย่างรวดเร็วจู่ ๆ ก็หยุดฝีเท้า! ทำให้ฉู่เหินที่อยู่บนหลังกลิ้งลงไปกับพื้น ก่อนจะกระแทกต้นไม้เข้าอย่างจัง
ฉู่เหินรีบลุกขึ้นยืน ก่อนจะหายร่างไม่กี่ครั้งมายืนที่ข้างหมาป่า หลังเดินมาใกล้ถึงได้พบว่าเท้าข้างหนึ่งของหมาป่าถูกอะไรบางอย่างหนีบอยู่ อีกทั้งตัวที่หนีบที่ว่ายังมีฟันเลื่อยอีกด้วย ความคมของฟันเลื่อยนั้นสามารถแทงเข้ากระดูกได้เลย! ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เจ้าหมาป่าบาดเจ็บจนเลือดไหลออกมา!
ถ้าเป็นคนธรรมดาคงทิ้งหมาป่าตัวนี้ไปแล้ว เพราะมันไม่สามารถใช้งานได้อีก ขืนเอามันไปด้วยก็คงจะกลายเป็นภาระ แต่ฉู่เหินรู้สึกว่านี้เป็นของที่หญิงชราให้ตัวเองเป็นของขวัญ ถ้าเขาทิ้งมันไว้ที่นี่ก็เหมือนเป็นการไม่ไว้หน้าเธอนัก
ดังนั้นชายหนุ่มเลยเปิดกับดักฟันเลื่อยอย่างไม่คิดอะไร หลังจากนั้นก็หยิบยารักษาบาดแผลออกมาจากแหวนมิติของตัวเองให้กับหมาป่าตัวนี้กิน! จากเดิมหมาป่ามันเชื่อฟังฉู่เหินเพราะเชือกเส้นนั้น ทว่าตอนนี้สายตาที่มันมองฉู่เหินได้เปลี่ยนไปแล้ว!
ฉู่เหินที่ไม่รู้ว่าสายตาที่หมาป่ามองตัวเองได้เปลี่ยนไปแล้ว หลังเขารักษาอาการบาดเจ็บให้เสร็จก็ประคองหมาป่าให้ลุกขึ้น! ต่อมาก็เห็นชายหนุ่มก้มตัวลงแบกหมาป่าขึ้นหลัง!
หมาป่าตัวนี้เดิมคิดว่าที่อีกฝ่ายรักษาแผลให้มันก็ดีใจมาก ๆ แล้ว แต่มันคิดไม่ถึงเลยว่าอีกฝ่ายจะไม่เพียงรักษาแผลให้ กลับไม่ทิ้งมันแล้วยังแบกมันขึ้นหลังเดินอีก เมื่อเห็นแบบนี้หมาป่าก็รู้สึกซาบซึ้งใจสุด ๆ!
ฉู่เหินแบกหมาป่าตัวใหญ่ขึ้นหลังเดินทางต่อไป! หลายคนที่มองเห็นฉากนี้เข้า พวกเขาก็พากันอ้าปากค้างอย่างตกตะลึง
“พี่ชาย คนอื่นเขาขี่หมาป่ากัน แต่ทำไมนี่กลายเป็นหมาป่าขี่คนไปได้!” เสียงที่ลอยมาฉู่เหินไม่ได้สนใจ เขายังคงวิ่งต่อไป! ส่วนผู้คนที่พบเห็นโดยรอบต่างก็พากันพูดเรื่องฉู่เหินไม่หยุด!
เดิมทีหมาป่าที่ถูกฉู่เหินแบก สายตาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แต่เมื่อได้ยินเสียงเมื่อกี้ สายตาที่อ่อนโยนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชาพร้อมฆ่าคน! รังสีสังหารทำให้บรรยากาศที่นี่ดูหนาวขึ้นทันตา!
หลังจากนั้นก็เห็นหมาป่าหันร่างกลับ มองคนเหล่านั้นรอบหนึ่ง พวกนั้นไหนเลยจะรู้ว่าพวกเขาได้ถูกกำหนดจุดจบเอาไว้แล้ว! ถ้าพวกเขารู้ว่าหมาป่าตัวนี้คิดอะไรอยู่ เกรงว่าคงไม่กล้าปากมากอีก!
วันที่ 2 ของการเดินทาง ในที่สุดฉู่เหินก็มาถึงสถานที่สมัคร หลังจากต่อแถวด้านนอกสักพักก็ถึงตาของเขา! ตอนที่ฉู่เหินหยิบตรานั้นขึ้นมา และพูดว่าตัวเองต้องการสมัคร คนที่รับผิดชอบเรื่องนี้เมื่อเห็นป้ายก็อดส่ายหน้าไปมาไม่ได้
“อาโยว ช่างเป็นเด็กที่น่าสงสารจริง ๆ!” เมื่อพูดจบเขาก็เขียนชื่อฉู่เหินลงไปและประทับตรานิ้วโป้ง ก่อนจะบอกให้ฉู่เหินรอตรงนี้ ชายหนุ่มที่ได้ยินคำพูดดังกล่าว เขาก็พลันรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง!
อีกทางด้านหนึ่ง หลังจากหญิงชราฝึกฝนเสร็จ เธอก็พลันบิดกายไปมาเพื่อไล่ความเหนื่อยล้า! อีกทั้งรอยยับบนใบหน้าก็ค่อย ๆ หายไป!
“เมื่อไรคำสาปน่าตายนี้จะหายไปสักที ไม่รู้ว่าต้องทนอีกกี่เดือนกี่ปีกัน!” หลังจากนั้นก็ถอนหายใจอย่างจนปัญญา พอดีกับที่หญิงชราคนนั้นเดินเข้าไปในห้อง! และมองไปที่กล่องนั่น เธอทำท่าเหมือนจะนึกอะไรได้ เลยรีบเดินตรงเข้าไป
เธอเปิดกล่องด้วยความเร็วแสง ก่อนจะพบว่ามีป้ายอันหนึ่งนอนอยู่ในนั้น เธอรีบหยิบขึ้นมาและพลิกดูด้านหลังก่อนที่ใบหน้าของเธอจะเผยถึงความกลัดกลุ้มใจ
“คิดไม่ถึงว่าเด็กคนนั้นจะหยิบป้ายอันนั้นไป แบบนี้เกรงว่าชะตาชีวิตเขาคงขาดเสียแล้ว แต่มาคิดอีกที หมอนั้นก็มีภรรยาตั้ง 3-4 คนแล้ว น่าจะไม่ถือว่าแย่ที่ถูกทำความสะอาดร่างกายให้เป็นขันทีหรอกนะ!”
เมื่อพูดจบเธอก็เดินไปที่คอกด้านหลังเพื่อดูว่าฉู่เหินเลือกสัตว์ตัวไหนไป พอเธอเห็นว่าหมาป่าหายไปตัวหนึ่ง มุมปากก็เผยรอยยิ้ม “ราชาหมาป่าจะได้ออกไปดูโลกแล้ว! ดูเหมือนว่าใต้หล้าจะพบเจอความลำบากเสียแล้วสิ!”
ฉู่เหินไม่รู้ยังว่าที่เขาหยิบขึ้นมาสองป้าย ป้ายหนึ่งใช้คัดเลือกสามี อีกป้ายหนึ่งเอาไว้ใช้เลือกขันที! ถ้าฉู่เหินรู้ว่าตัวเองต้องไปเป็นขันทีในวัง ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกยังไง
ฉู่เหินนั่งอยู่บนรถม้าที่ไม่ถือว่าหรูหราอะไรคันหนึ่ง ซึ่งเมื่อเขาวางหมาป่าบนรถม้าเสร็จ ชายหนุ่มก็พลันถอนหายใจออกมา! นี่มันเป็นการเดินทางที่เหนื่อยสุด ๆ! หลังจากนั้นเขานั่งลงไปกับพื้น และหอบอยู่อย่างงั้น!
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พบว่าในที่สุดการสมัครก็สิ้นสุดลงแล้ว และเกี๊ยวที่วางอยู่สองข้างทางก็มุ่งสู่ทิศทางหนึ่ง! ฉู่เหินเข้าใจว่านี้ต้องเป็นทางเข้าวัง! ในใจเขาอดคาดหวังไม่ได้ว่าถ้าได้ฝึกฝนพลังในวังแล้ว พลังวรยุทธ์ตัวเองจะพัฒนารวดเร็วขนาดไหน!
แต่ตอนที่เขานั่งอยู่บนรถ ชายหนุ่มกลับได้ยินเสียงร้องไห้มาจากด้านข้างรถ เมื่อตั้งใจฟังดี ๆ เสียงร้องไห้นั้นเป็นเสียงของผู้ชายคนหนึ่ง ก่อนที่จะตามมาด้วยเสียงของชายอีกคนในรถม้าเดียวกัน ซึ่งเมื่อลองฟังดี ๆ คำพูดของอีกฝ่ายก็ทำให้เขาอดที่จะรู้สึกขนลุกไม่ได้
“ซานจืออย่าร้องอีกเลย สามารถเทียบกับรถอีกคันได้เหรอ คนอื่นเข้าวังเป็นพระสวามี ส่วนพวกเราเข้าวังไปเป็นขันที อย่าคิดมากเลย ใครใช้ให้พวกเราเกิดมาจนล่ะ ถ้านายได้เป็นขันที อย่างน้อยมันก็สามารถเปลี่ยนชีวิตของครอบครัวนายได้เลยนะ”
ได้ยินดังนั้นชายหนุ่มก็เหมือนจะทนรับไม่ได้! ต้องเข้าใจว่าเขาเป็นผู้ชายอยู่ดี ๆ ทำไมถึงต้องกลายเป็นขันทีกัน!
“ฉู่เอ้อ ฉันไม่ได้ร้องเพราะเรื่องนั้น ฉันคิดถึงผู้อาวุโสที่บ้านที่ให้ป้ายนี้มาทำไมถึงกลายเป็นป้ายขันทีไปได้ ด้านหลังป้ายเขียนคำ ๆ หนึ่งไว้ ฉันยังนึกว่าเข้าคัดเลือกสวามีซะอีก ไม่สู้ให้ฉันนั่งร้องไห้กับโอกาสนี้ในบ้านดีกว่า! ตอนนี้จากคัดเลือกสวามีทำไมถึงกลายเป็นขันทีไปได้!”