บทที่ 380 ตาย แต่ก็มิตาย

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 380 : ตาย แต่ก็มิตาย
บทที่ 380 : ตาย แต่ก็มิตาย

“วินสตัน? เขาโทรมาได้อย่างไร?”

แอนดรูว์ขมวดคิ้วแล้วหันไปมองเรซิเอล

ถึงแม้เจ้าหมอนี่จะเสียสติไปแล้ว เขาก็ยังมีความแข็งแกร่งระดับเหนือนภาอยู่ดี พลังเหนือธรรมชาติของเขามีมากพอที่จะเข้าใจข้อมูลบางอย่างที่ไม่ถูกค้นพบ

เรซิเอลดันแว่น จากนั้นก็พูดเสียงเรียบท่ามกลางเสียงระเบิดตูมตามในพื้นหลัง “ฟังที่เขาพูดก่อน…”

แอนดรูว์รับสายแล้วพูดอย่างรู้เท่าทัน “โอ้ หัวหน้าหน่วยวินสตันนี่เอง เสียงของคุณดูไม่ค่อยดีนะครับ แล้วทำไมคุณใช้อุปกรณ์สื่อสารของคนอื่นล่ะ? เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ?”

เขาพูดพลางมองไปยังหลุมยักษ์ที่ปกคลุมด้วยหมอกควันทรงร่มไกล ๆ ซึ่งสามารถปกคลุมท้องฟ้าได้

ถึงหอพิธีกรรมต้องห้ามจะตั้งข่ายมนตร์ชั้นที่สามขึ้นชั่วคราวเพื่อปิดบังหูตาของคนทั่วไป แต่ด้วยระดับของแอนดรูว์ เขาจึงยังสามารถเห็นมันได้อยู่

จากมุมมองของเขา ซอยหกสิบเจ็ดทั้งซอยที่จุดศูนย์กลางกลายเป็นซากที่ไม่เหลือชีวิตใด ๆ ไปแล้ว

ด้วยการเคลื่อนไหววงกว้างอย่างการต่อสู้จนตัวตายของระดับเหนือนภาสองคน ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าวินสตันบาดเจ็บสาหัสอยู่ที่ทัพหน้าแน่นอน…

เสียงของวินสตันเหนื่อยหอบและสั่น “อย่าพูดเรื่องไร้สาระพวกนั้นเลย…สมาคมแห่งสัจธรรมถ่วงเวลาการส่งบุคลากรมาช่วยเหลือในสนามรบ พวกคุณคิดจะตัดสัมพันธ์กับหอพิธีกรรมต้องห้ามหรืออย่างไรครับ?!”

แอนดรูว์ได้ยินความกังวลที่ซ่อนอยู่ในน้ำเสียง ก่อนจะยิ้มอย่างใจเย็น “ตอนนี้การต่อสู้ระหว่างโจเซฟกับไวลด์จบลงแล้วใช่ไหมล่ะครับ? มันเกี่ยวด้วยเหรอว่าพวกผมจะต้องส่งคนไปเก็บกวาดสนามรบช้าหรือเร็ว? ส่วนเรื่องการตัดสัมพันธ์…คุณวินสตันครับ นี่ไม่ใช่เรื่องที่คุณตัดสินใจได้ ถ้าเราตัดสัมพันธ์กันจริง ๆ คุณคิดว่าใครล่ะจะย่ำแย่กว่ากัน?”

วินสตันเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวว่า “โจเซฟจะชนะ เจ้าของร้านหลินพูดเองแบบนั้น”

แอนดรูว์ชะงักไปครู่หนึ่ง เสียงจริงจังดังต่อออกมาจากปลายสาย “คุณได้ยินถูกแล้ว ผมบอกคุณได้ว่าหอพิธีกรรมต้องห้ามส่งคนไปลองเชิงเจ้าของร้านหลินเกี่ยวกับการต่อสู้ครั้งนี้ และผมคือบุคคลที่รับหน้าที่ดูแลภารกิจนั้นเอง”

แอนดรูว์หันไปมองเรซิเอลอย่างไม่รู้ตัว ซึ่งอีกฝ่ายก็ดันแว่นพยักหน้า “เขาไม่ได้โกหก”

“ฮะ ๆ…”

เขาหัวเราะทันที “หอพิธีกรรมต้องห้ามชินกับการใช้อัศวินผู้ภักดีแบบนี้นี่ ตลกจริง ๆ นะครับ คุณคิดว่าโจเซฟจะคิดอย่างไรถ้าเขารู้ว่าเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองล่ะนี่?”

วินสตันพูดอย่างเฉยเมย “ผมไม่รู้ว่าเขาจะคิดอย่างไร แต่เขาต้องชนะ ส่วนตอนนี้ ถ้าเขาตายเพราะการละเลยหน้าที่ของสมาคมแห่งสัจธรรมล่ะก็ คุณคิดว่าจะรอดการรับผิดชอบไปได้ไหมล่ะครับ?”

“เฮอะ” แอนดรูว์ยิ้มเยาะ “เขามาจากหอพิธีกรรมต้องห้ามของคุณ ถ้าคุณไม่ช่วยกันเอง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมล่ะ?”

วินสตันแค่นเสียง “ก่อนหน้านี้ก็ไม่หรอก แต่ใครบอกให้ผมติดต่อคุณแล้วล่ะ”

“คุณว่า ถ้าเจ้าของร้านหลินรู้ว่าคุณรู้เรื่องนี้ แต่ก็ยังปฏิเสธจะส่งคนไปหาโจเซฟ เขาจะคิดอย่างไรกับคุณล่ะ?”

“…”

แอนดรูว์ต้องยอมรับว่าเขาถูกขู่แล้วจริง ๆ

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ชอบโจเซฟที่มีความคิดเห็นไม่บริสุทธิ์ต่อเจ้าของร้านหลินเอาเสียมาก ๆ จริง ๆ ก็เถอะ

ทว่า… บางทีอาจเป็นเพราะเรื่องนี้ที่ทำให้เจ้าของร้านหลินตั้งเป้าจริงจังว่าจะเปลี่ยนแปลงเขาให้ได้ พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าโจเซฟถูกชำระความไม่บริสุทธิ์ให้ผุดผ่องได้ อัศวินผู้สูงส่ง ถือตัว ตามใจตัวเอง เที่ยงตรงและเสียสละผู้นี้จะก้มหัวให้เขา กลายเป็นสาวกผู้ภักดีที่คุ้มค่าต่อการสิ้นเปลืองเวลาไปในที่สุด

นี่คงเป็นเรื่องน่าอภิรมย์มาก ๆ

สำหรับคนอย่างเจ้าของร้านหลิน การหาเรื่องน่าอภิรมย์คงเป็นเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต

บางที นี่อาจเป็นความชอบอันร้ายกาจของเจ้าของร้านหลินก็ได้ใช่ไหม?

อืม…ถึงแม้ว่าเขาจะอารมณ์เสียกับโจเซฟมาก ๆ ก็เถอะ แต่ในฐานะสาวกของพระเจ้า สิ่งที่พระเจ้าโปรดปรานคือสิ่งสำคัญสูงสุดสำหรับเขา

แอนดรูว์ถอนหายใจยาว พูดช้า ๆ ว่า “โอเค ๆ ผมจะส่งคนไปค้นสนามรบ แต่แค่ค้นหานะครับ”

วินสตันที่ปลายสายดูจะผ่อนคลายลงกะทันหัน หลังเงียบไปนาน เขาก็รีบส่งคำขอบคุณมาอย่างเก้ ๆ กัง ๆ แล้ววางสายอุปกรณ์สื่อสารไป

แอนดรูว์มองอุปกรณ์สื่อสารในมือพลางรู้สึกขนลุกไปทั่วร่างเมื่อนึกถึงสภาพชายร่างใหญ่ในชุดเกราะวินสตัน จากนั้นก็กดปิดอุปกรณ์สื่อสารด้วยสีหน้ารังเกียจ

เรซิเอลออกความเห็น “หอพิธีกรรมต้องห้ามใจกล้าเอาการ แม้กระทั่งต้นกล้าระดับเหนือนภายังทิ้งได้ แต่จากความคิดของข้าเอง ต่อให้โจเซฟยังมีชีวิต เรื่องก็อาจมิได้ดำเนินเช่นที่พวกเขาคิดก็ได้”

แอนดรูว์พยักหน้า เปิดอุปกรณ์สื่อสารขึ้นอีกครั้ง

เขาไม่สนใจหรอกว่าโจเซฟจะเป็นหรือตาย แต่ความเป็นความตายของโจเซฟเกี่ยวข้องกับอารมณ์ของเจ้าของร้านหลินในระดับหนึ่ง

เขาเลื่อนข้อมูลรายชื่อผู้ติดต่อ…

พรีม่า ซานดร้า

เด็กสาวคนนี้คือหัวหน้าแผนกเภสัชกรรมที่แอนดรูว์เลือกกับมือมาแทนที่พี่สาวของเธอซึ่งนอนเป็นผักอยู่ ในขณะเดียวกัน เธอก็ได้รับของขวัญจากเจ้าของร้านหนังสือด้วย

ไม่ว่าจะด้านความสามารถหรือฐานะต่างไม่มีทางเกิดข้อผิดพลาดใด ๆ ได้

เขากดหมายเลขติดต่อเธอทันที

พรีม่ากำลังง่วนกับการแก้ข้อผิดพลาดของยาอยู่ในห้องแล็บ

เธอจอมจมอยู่กับสัดส่วนของน้ำยา กัดปากกาแล้วทุ่มสมองคำนวณสูตรและผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดเนื่องจากคุณสมบัติของวัตถุดิบที่ใช้ สีหน้าของเธองุนงงอย่างมาก

ห้องแล็บบริเวณใกล้พื้นดินจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงสูงที่สุด นอกจากพรีม่า แอนดรูว์ และฮู้ด ก็ไม่มีใครเข้ามาใกล้ที่นี่ได้เลย

ไม่เพียงการสั่นไหวของสนามรบห่างออกไปหลายพันไมล์ไม่ได้ดึงความสนใจของเธอออกไป แต่กระทั่งการระเบิดของสังสาระจักรกลในชั้นใต้ดินจนเกิดเสียงเตือนดังลั่นในระยะสุดจะใกล้ยังไม่สามารถดึงความสนใจของเธอได้ด้วยซ้ำ จนกระทั่งอุปกรณ์สื่อสารที่วางอยู่ข้าง ๆ ส่งเสียงเรียกเข้าดังสนั่น

หลังจากได้เห็นระดับความจดจ่อของพรีม่าในห้องแล็ปเป็นครั้งแรก แอนดรูว์ก็บังคับให้เธอตั้งเสียงเรียกเข้าอุปกรณ์สื่อสารเพื่อลากเธอออกจากการทดลองอย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

“อะไรนะ?!”

พรีม่าเงยหน้าเหมือนเพิ่งตื่นกะทันหัน มือที่ถือปากกาสะดุ้งโหยง แล้วเธอก็รีบรับสาย

เธอค่อนข้างประหม่าที่ต้องรับสายหัวหน้าสายตรง จากนั้นก็รีบพูดแบบติด ๆ ขัด ๆ “ร…รองประธาน”

ท่านประธานต่างหากเฟ้ย!

แอนดรูว์แก้คำอย่างดุเดือดในใจ

ลืมไปเถอะ…ตอนนี้ไม่ใช่เวลามากังวลเรื่องนี้แล้ว

แอนดรูว์รีบพูดว่า “เลือกหมอและเภสัชกรในหมู่ลูกน้องคุณ ผมจะส่งหน่วยรบไปให้คุณบางคนด้วย พาพวกเขาไปที่สนามรบซอยหกสิบเจ็ด เพื่อหาผู้รอดชีวิตแบบปูพรม ระวังพลังจากกฎเกณฑ์ระดับเหนือนภาที่ตายแล้วกระจัดกระจายอยู่ทั่วสนามรบด้วย สวมชุดป้องกันและทำตามมาตรการป้องกันตัวเองด้วยนะ”

ถึงจะบอกว่าพวกเขาออกไปหาผู้รอดชีวิต แต่ที่จริงแล้ว ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติทั่วไปคงไม่รอดในสนามรบระดับนี้หรอก

แต่เพื่อเป็นการไว้หน้าหอพิธีกรรมต้องห้าม มันจึงเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่จะบอกว่านี่เป็นแค่ปฏิบัติการค้นหาโจเซฟ

“รับทราบ!”

พรีม่าถืออุปกรณ์สื่อสารพยักหน้าหงึกหงักพลางคิดในใจ

นี่มัน นี่มันงานอย่างเป็นทางการครั้งแรกหลังดำรงตำแหน่งของเราใช่ไหม?

จากนั้น เธอก็คิดว่าแอนดรูว์เคยขอให้ทุก ๆ คนจดจ่อสนใจเรื่องในคฤหาสน์ A16 มาก่อน แล้วความคิดแปลก ๆ ก็ไหลเข้ามาในใจ ทำให้พรีม่าถามอย่างระมัดระวัง “ภารกิจนี้เกี่ยวกับเจ้าของร้านหลินด้วยหรือเปล่าคะ?”

แอนดรูว์พูดชัดถ้อยชัดคำ “ใช่ ดังนั้นคุณต้องทำสุดฝีมือ เข้าใจไหม?”

พรีม่าตื้นตันใจ เธอหันไปมองหนังสือ ‘ตำราโอสถบรรพกาล’ ที่เจ้าของร้านหลินเคยให้เธอไว้

เจ้าของร้านหลินเคยพูดว่า เภสัชกรรมที่ว่า ก็คือการสร้างคุณค่าของตัวเอง!

เธอสูดหายใจลึก ๆ สองสามหนเพื่อปรับสภาพ…นี่ไม่ใช่แค่งานแรกในฐานะหัวหน้าแผนกเภสัชกรรมของเรา แต่ยังเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับคุณหลินผู้ยิ่งใหญ่ ผู้ช่วยชีวิตของเราด้วย

นี่คือครั้งแรกที่เธอจะได้พิสูจน์คุณค่าให้เจ้าของร้านหลินเห็น!

“ฉันจะพยายามอย่างหนักค่ะ”

พรีม่าพูด จากนั้นก็กระซิบบอกตัวเองในใจ

ในขณะเดียวกัน หลังจากแอนดรูว์วางสายสนทนา คำถามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในใจ

ว่าไปแล้ว ถึงพระเจ้าของเขาจะพิพากษาชัยชนะของโจเซฟไว้ด้วยตนเอง แต่นักเวทมนตร์ดำผู้น่าสะพรึงกลัวและแสนกลอย่างไวลด์จะตายจริง ๆ เหรอ?

เรซิเอลพูดขึ้นกะทันหัน “ตาย”

แอนดรูว์หันไป แต่ก็ได้ยินเรซิเอลพูดอีกครั้ง “แต่ก็มิตาย”

“…”

แววตาของแอนดรูว์ชั่วขณะนี้มองรูบนหัวของอีกฝ่ายอย่างซับซ้อนสุด ๆ เขาอยากรู้จริง ๆ ว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ในตอนนี้

แต่เรซิเอลไม่ได้สนใจสายตาชวนทะเลาะของแอนดรูว์เลย เขาทำเพียงมองฟ้า หรี่ตาพึมพำ “ออกัสทัส…”

“วิถีแห่งดาบอัคคีมิอาจทำให้ราชายักษ์ก้มหัวได้ ทว่ายามนี้ สิ่งใดกันที่ทำให้เจ้าต้องตอบเสียงเพรียกแห่งชะตา เดินเข้าสู่วังวนแห่งความขัดแย้ง มิช้าก็เร็ว เจ้าก็จะก้าวลงจากบัลลังก์หรือไม่?”

แอนดรูว์ไม่เข้าใจเสียงพึมพำดังกล่าว แต่ตอนนี้ แววตาของเรซิเอลไม่ได้ดูเหมือนเครื่องจักรช่างโอ่สมองกลวง ทว่าเป็น ‘ปัญญาแห่งสวรรค์’ ตัวจริงซึ่งเป็นผู้สร้างเมืองนอร์ซินทั้งเมือง

เมื่อความตายมาเยือน…

ไวลด์เอนหลังล้มลง รู้สึกเหมือนร่างของเขาถูกโยนลงไปในกองไฟที่แผดเผาทั้งเป็น ความเจ็บปวดเกือบเกินขีดจำกัดจนเขาเริ่มลืมความเจ็บปวดไป

ร่างของเขาแหลกสลายไปทีละนิดจากการโจมตีครั้งสุดท้ายของโจเซฟ ตอนนี้เขาเกือบจะหายไปหมดแล้ว

พริบตานั้น นักเวทมนตร์ดำพยายามสังเวยตัวเองให้เจ้าของร้านหลินอีกครั้ง หวังจะใช้ลูกไม้นี้เพื่อหนีรอด แต่จู่ ๆ เขาก็คิดถึงครั้งสุดท้ายที่เขาทำเช่นนั้น

การตอบสนองของเจ้าของร้านหลินต่อการสังเวยชีวิตของเขาคือ…ปฏิเสธ!

ใช่แล้ว มีเพียงการปฏิเสธที่ทำให้ชีวิตผู้สังเวยตนได้กลับสู่วัฏสงสาร คืนชีพกลับสู่โลกมนุษย์

ในขณะเดียวกัน นี่ก็หมายความว่าเจ้าของร้านหลินปฏิเสธการสังเวยตัวเองของไวลด์ และไม่ให้เขากลายเป็นสาวกในดินแดนแห่งเทพของตน ซึ่งแปลว่าความภักดีของเขามีปัญหา!

“ความ…ภักดีของเรา…เป็นไปได้อย่างไร…?!”

ไวลด์เบิกตากว้าง จู่ ๆ เสียงของเขาก็หายไป

เขามีจุดที่ไม่ภักดีพออยู่ พูดได้กระทั่งว่าจาบจ้วงสุด ๆ!

ที่จริงแล้ว การสังเวยตนเองให้เจ้าของร้านหลินมีเจตนาสูงสุดในการให้เจ้าของร้านหลินปฏิเสธเขา แล้วเอาชนะโจเซฟ

ในโลกนี้ สาวกผู้เลื่อมใสคนไหนบ้างที่จะไม่ยินยอมเข้าสู่ดินแดนแห่งเทพ แถมยังอยากให้พระเจ้าปฏิเสธตัวเองอีก?

ยังไม่รวมเรื่องที่เขาใช้สิ่งนี้เพื่อเติมเต็มความปรารถนาของตัวเองด้วย?

พระเจ้า! เขาทำอะไรลงไป?!

ไวลด์พบทางสว่างว่า ทำไมครั้งนี้เจ้าของร้านหลินจึงอยู่ข้างโจเซฟ

“ไม่! หรือจะเป็นเพราะเราอยาก…เราไม่อยาก…ไม่… หรือนี่จะเป็น…ของเจ้าของร้านหลิน…ต่อเรา…”

ไวลด์ดิ้นรนในใจอย่างสับสน เอื้อมมือออกไปไขว่ขว้าบางอย่างอย่างสุดอาวรณ์

แต่เขาไม่มีมือ!

ตามหลักวิทยาศาสตร์ เขากำลังอยู่ระหว่างการระเหิดเป็นไอ มันควรเจ็บซึ้งสุดทรวง แต่ในเมื่อกระทั่งสติของเขายังหายไป ความเจ็บปวดจึงไม่เกี่ยวข้อง

ภาพสุดท้ายที่เขาเห็นคือ โจเซฟก็ร่วงลงที่พื้นด้วย

ร่างกายของอัศวินแตกสลายเหมือนกับเขา ดวงตาคู่นั้นมีความไม่เต็มใจและโทสะ เจิดจ้าราวดาบคมกริบ แต่น่าเสียดายที่หลังจากนั้นไม่นาน คลองจักษุของเขาก็พร่ามัว เห็นอีกฝ่ายกลายเป็นเถ้าไปแค่ครึ่งตัว

“เอาเถอะ…นี่คือ…จุดจบของเราเหรอ?”

ไวลด์ไร้อำนาจเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขาค่อย ๆ ปล่อยวางทุกสิ่งอย่างไม่เต็มใจสุดซึ้ง จมตัวเองลงไปในแม่น้ำแห่งความตายอันไร้ชีวา ดวงตามืดบอด หูได้ยินเพียงความเงียบสงัด…

ทันใดนั้น…

“ไวลด์”

เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งทะลวงแม่น้ำแห่งความตายเข้าสู่หูที่จมในน้ำจากที่ไหนสักที่ ประหนึ่งหูฝาด

“ศิษย์ข้า”

ไม่ผิดแล้ว เสียงนั้นชัดเจนขึ้นอีก

มีเสียงหนึ่งที่ดูจะเดินทางผ่านแดนนิมิต ข้ามภูเขาและทะเลจนมาถึงหูไวลด์

ช่างเมตตา ช่างคุ้นเคย

ไวลด์ลืมตาโพลง เห็นเพียงสีดำมืดรอบกาย บอกทิศทางไม่ได้เลย

เขาขยับแขนขาไม่ได้และไม่รู้สึกอะไรจากพวกมันเลย มันทำให้เขาสงสัยกระทั่งว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือเปล่า

มีเพียงวงแหวนเวทมนตร์จากอักขระโบราณที่ดูเหมือนจะถูกเขียนขึ้นหวัด ๆ วงหนึ่งผ่าความมืดที่จ้องมองเขาอยู่

“อ…อาจารย์…?”

ไวลด์ หรือก็คือจิตสำนึกส่วนที่เหลืออยู่ของไวลด์เกือบจำไม่ได้ว่าใครเรียกเขา…

จักรพรรดิดำผู้อาวุโสที่สุด ราชาโบราณแห่งเสียงศักดิ์สิทธิ์ นักภาษามังกรศาสตร์ ทายาทสุดท้ายแห่งมวลยักษ์…ผู้มีพลังเหนือธรรมชาติผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าของสมญามากมาย หนังสือประวัติศาสตร์มีชีวิต และอาจารย์ผู้พร่ำสอนไวลด์ในฐานะนักเวทมนตร์ดำ

ออกัสทัส!

“อาจารย์…”

ไวลด์มองจุดแสงสีเขียวที่เรืองขึ้นไกล ๆ และสว่างขึ้นเรื่อย ๆ อย่างเหม่อลอย เขาวิ่งไปด้านหน้าอย่างไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าวิ่งอยู่นานแค่ไหน ในที่สุด เขาก็ยกมือขึ้นคว้าจดหมายฉบับหนึ่งท่ามกลางห้วงนิมิตไม่รู้จบนี้ได้

พั่บ!

มีปีกสองข้างบนจดหมายซึ่งพับเข้าหากันทันทีเหมือนพิราบส่งสาส์นเชื่อง ๆ

“วิธีส่งจดหมายแบบนี้…เป็นอาจารย์จริง ๆ ด้วย!”

ทันทีที่ไวลด์ฉุกคิดได้ ปีกทั้งสองก็หายไป จดหมายวางนิ่งบนมือของเขา ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่านั่นมือเขาจริง ๆ หรือเปล่า?

บนจดหมายมีอัญมณีสีทองรูปทรงตัวด้วงตกแต่งอยู่ชิ้นหนึ่ง

นี่มัน…แหวนบนนิ้วของอาจารย์?

ก่อนไวลด์จะทันมีปฏิกิริยา เขาก็ถูกดึงลากเข้าไปในดวงตาสีมรกตของด้วงอย่างเงียบงัน

เสียงของออกัสทัสก้องขึ้นในหูของเขา

“ไปดีมาดีนะ ศิษย์คนสุดท้ายของข้า…”