บทที่ 348 หญิงชราปากแข็ง (2)

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 348 หญิงชราปากแข็ง (2)

บทที่ 348 หญิงชราปากแข็ง (2)

คุณย่าซูไม่เข้าใจและคิดว่ามันไม่จำเป็น ในความคิดของเธอ การทำร้านอาหารก็ควรจะเป็นการทำอาหารอยู่ในครัว ส่วนตาเฒ่ามีหน้าที่ปอกหัวหอม ปอกกระเทียม และล้างผัก ส่วนเหลียงซิ่วก็เสิร์ฟอาหาร ล้างจาน ทำความสะอาดโต๊ะ

อืม ถ้าเป็นแบบนี้ บ้านเราก็ยุ่งจนหัวหมุนมาก

แล้วตอนนี้ทำไมกลายเป็นแบบนี้ไปเสียแล้ว

สุดท้ายทุกคนก็ปรึกษากันว่าจะพาคุณย่าซูไปกินเป็ดย่าง พอได้มาเห็นกับตา เธอก็ต้องรู้สึกตกใจจนแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

มันมีร้านอาหารแบบที่ทุกคนบอกจริง ๆ

เธอยอมรับอย่างช่วยไม่ได้ และทำตามความปรารถนาของคนอื่น ๆ ด้วยการจ้างพนักงานหุ่นสูงผอมเพรียวมาหลายคน

อวี่รุ่ยหยวนคอยฝึกพวกเขา และตอนนี้พนักงานพวกนี้ก็ต่างไปจากตอนแรกโดยสิ้นเชิง ทั้งภาพลักษณ์และกลิ่นอายรอบตัวก็ดีขึ้น

เหล่าพนักงานสวมเสื้อเชิ้ตและกระโปรงตัวสั้นที่เถาฮวาเป็นคนตัดเย็บเองกับมือ

เถาฮวาฝีมือดีมาก เสี่ยวเถียนแค่เอ่ยสิ่งที่ออกแบบเอาไว้แค่หน่อยเดียว ป้าก็ทำออกมาได้จริง ๆ

แต่คุณย่ากลับค้าน

หญิงสาวหน้าตาดีใส่กระโปรงสั้นโชว์ต้นขามันเหมือนอะไรกัน?

แต่ครั้งนี้เธอไม่ได้เอ่ยต่อหน้าทุกคน แต่เรียกหลานสาวไปคุยเป็นการส่วนตัว

“เสี่ยวเถียนเอ้ย เสื้อผ้าที่หลานออกแบบไม่ค่อยดีเลยนะ เราทำธุรกิจค้าขายปกติ คนอื่นมาเห็นจะคิดว่าเราเปิดร้านอะไรถึงขายเนื้อ!”

เสี่ยวเถียนได้ยินถึงกับสำลัก

ย่าบอกว่าขายเนื้ออะไรนะ?

ทันใดนั้น เธอก็เข้าใจความหมาย

“คุณย่า เสื้อผ้าเราก็ธรรมดามากนะคะ”

กระโปรงไม่ได้สั้น ถึงจะสั้น แต่ความยาวอยู่ตรงเข่า

“ปกติที่ไหน หลานเคยเห็นผู้หญิงจากบ้านคนมีฐานะแต่งตัวแบบนี้หรือไง?” คุณย่าซูพูดด้วยควารังเกียจ

ถ้าไม่ได้เป็นเสื้อผ้าที่หลานออกแบบ หญิงชราคงจะด่ากราดไปแล้ว

จู่ ๆ เสี่ยวเถียนก็รู้สึกว่าตั้งแต่มาเมืองหลวง ทำไมการคุยกับย่าถึงกลายเป็นปัญหาแบบนี้ล่ะ?

“คุณย่า เราเห็นคนใส่กระโปรงเดินบนถนนเยอะไม่ใช่หรือคะ?”

“มันไม่เหมือนกัน อีกอย่างนะ คนใส่กระโปรงตามท้องถนนกับใส่ในร้านเราที่เปิดเป็นธุรกิจมันกันเหมือนที่ไหนล่ะ”

คุณย่าซูยังคงดื้อรั้น

เสี่ยวเถียนบากบั่นออกแบบเสื้อเพื่อให้แน่ใจว่าคนอื่นมาเห็นจะไม่รู้สึกว่าร้านเราทำเป็นผิดกฎหมาย

คุณย่าซูรักหลานสาวมาก และตอนเผชิญหน้ากับกัน เธอทำได้แค่ประนีประนอมไปทุก ๆ ครั้ง

แต่คราวนี้มันไม่เหมือนกัน

ตอนนั้นที่เสี่ยวเถียนตระหนักว่าจะต้องเปลี่ยนความคิดของคุณย่าให้ได้ เธอเริ่มหาวิธีที่จะให้หญิงชรามองในมุมที่ต่างไป

และในขณะเดียวกัน เสี่ยวเถียนก็บอกผู้เป็นย่าเรื่องอาหารที่ได้รู้มากจาก ‘ความวิจิตรบรรจงของคนบนเขา’ เพื่อให้คุณย่าลองทำดู

คุณย่าซูเป็นคนมีพรสวรรค์ในการทำอาหารจริง ๆ ด้วยกรรมวิธีที่เสี่ยวเถียนได้เขียนเอาไว้ หลังจากลองอยู่สามสี่รอบ อาหารจานอร่อยก็พร้อมสมบูรณ์

“คุณย่าสุดยอด เพราะอยู่หงซินก็เลยฉุดรั้งให้คุณย่าอยู่รั้งท้ายคนอื่น!” เสี่ยวเถียนเอ่ยชม

หญิงชรามองหลานสาวด้วยสายตาตำหนิ

“เด็กคนนี้ เป็นพวกชอบประจบประแจงตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย!”

“คุณย่า หนูพูดจริงนะ งั้นคุณย่าบอกมาว่าฝีมือของย่าดีกว่าร้านเป็ดย่างหรือเปล่า?”

ตอนไปร้านเป็ดย่าง เราสั่งอาหารมาหลายอย่าง และตอนกลับถึงบ้าน หญิงชราก็บอกว่าอาหารร้านนั้นรสชาติดี

เพรางั้นเสี่ยวเถียนเลยเอ่ยขึ้นมาในตอนนี้

คุณย่าซูตอบอย่างมั่นใจ “อาหารพวกนั้นย่าเคยทำแล้ว ถ้าทำให้มันง่ายขึ้น รสชาติน่าจะดีกว่าเยอะ”

“งั้นย่าบอกได้ไหมคะว่าทำไมถึงทำอาหารเก่งแบบนี้?” เสี่ยวเถียนกระตือรือร้นถาม

หญิงชราเงียบไปครู่หนึ่ง “ตอนที่ย่ายังเด็ก พ่อของย่าสอนให้ทำ พอย่าดูก็เลยลองทำบ้าง พ่อเขายังบอกด้วยนะว่าย่ามีพรสวรรค์ ถ้าเกิดไม่ได้มีอะไร ย่าอนาคตไกลแน่นอน”

นี่เป็นครั้งแรกที่คุณย่าซูพูดถึงเรื่องของตัวเอง

ใช้ชีวิตมาหลายปี คุณย่าดูเหมือนคนไม่มีญาติมิตร ตอนบอกแบบนี้ เสี่ยวเถียนก็นึกได้ว่าไม่เคยเห็นญาติของคุณย่าเลย

“คุณย่า แล้วคุณปู่ทวดเป็นคนแบบไหนคะ?” เธอถามด้วยความสงสัย

“ย่าก็ไม่รู้หรอก ตั้งแต่ที่แกเสียไป ย่ายังอายุไม่กี่สิบขวบเอง จากนั้นก็มาอยู่หงซิน ไม่สิ ตอนนั้นมันเรียกว่าเวิ้งน้ำตระกูลซู ตอนย่ามาอยู่ที่นี่ แกก็ป่วยแล้ว ไม่รู้ว่าเขาไปปรึกษากับพ่อของปู่ของหลานยังไง พอเขาจากไปย่าก็ต้องอยู่นี่ หลังจากนั้นก็แต่งกับปู่ของหลาน อยู่กินมาครึ่งชีวิตแล้วล่ะ!”

คุณย่าซูพอจำได้นิดหน่อย และมันไม่ได้ละเอียดขนาดนั้น

เสี่ยวเถียนไม่คิดเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย คุณย่าไม่ใช่คนในพื้นที่และคุณปู่ทวดก็มีฝีมือการทำอาหาร

ไม่น่าแปลกใจที่ฝีมือการทำอาหารของคุณย่าจะดีขนาดนี้

“คุณย่า คุณปู่ทวดไม่ได้ให้สูตรอาหารเอาไว้หรือคะ?” เสี่ยวเถียนถามอีกครั้ง

ถ้าฝีมือการทำอาหารตกทอดมา มันน่าจะมีสูตรลับการทำอาหารบ้างหรือเปล่า?

คุณย่าซูยิ้มตำหนิ “เด็กคนนี้คิดอะไรอยู่เนี่ย? มันจะไปมีของแบบนั้นได้ยังไง? ที่ย่ายังจำได้เพราะตอนเด็กพ่อของย่าบอกไว้ว่า สูตรอาหารบนโลกใบนี้มันไม่ได้ถูกจำกัดเอาไว้ ต้องมีสถานการณ์ที่เหมาะสม ต้องจับคู่อาหารยังไงมันถึงกระตุ้นรสชาติอันดั้งเดิมของวัตถุดิบออกมาได้ และสิ่งนั้นก็ขึ้นอยู่กับคนทำด้วย”

เธอพยักหน้า “คุณปู่ทวดบอกว่าถึงอาหารจะใช้สูตรเดียวกันทำ แต่รสชาติที่แต่ละคนทำก็จะแตกต่างกัน!”

“เพราะหลายปีที่ผ่านมาบ้านเรากินไม่เคยอิ่ม ย่าเลยไม่คิดจะทำอะไรอร่อย ๆ เลย แต่โชคดีที่สองปีมานี้ชีวิตเราดีขึ้น ไม่งั้นฝีมือการทำอาหารของย่าก็เสียเปล่า!”

เหลียงซิ่วกำลังฟังอยู่

เธอจมลึกอยู่กับความมั่นใจอันน้อยนิดของตัวเอง

แม่สามีความสามารถ ลูกสาวของเธอก็ฉลาด ส่วนเธออยู่ตรงหน้ารู้สึกไร้ประโยชน์นัก!

ช่างเถอะ เหมือนที่ลูกว่า ถ้าขยันทำงานก็ชดเชยกันได้ ต่อให้เราไม่ได้ฉลาด แต่ถ้าตั้งใจแบบที่แม่สามีว่าก็หมดปัญหาแล้ว

เหลียงซิ่วไม่มีพรสวรรค์ในการทำอาหาร แต่โชคดีที่เธอขยันและมีแรงใจในการเรียนรู้

เพราะช่วงนี้อยู่กับแม่สามีตลอด เลยได้เรียนรู้วิธีการทำอาหารหลายอย่างเลย

เสี่ยวเถียนไม่รู้ว่าย่าทำอาหารแบบไหน แต่มันอร่อยมาก แค่นี้ก็พอสำหรับเธอแล้ว

พริบตาเดียวก็ถึงวันที่ร้านอาหารหออีหมิงของเขาเปิดตัว

ตอนแรกสุดวางแผนไว้ว่าวันเปิดร้านจะเป็นวันเดียวกับที่เด็ก ๆ เปิดเรียน

แต่หลังจากนั้นก็ไปหาอาจารย์มาเป็นการส่วนตัว ซึ่งอาจารย์บอกไว้ว่าถ้าเปิดก่อนสามวัน มันจะเป็นวันมงคล หรือจะหลังจากเปิดเทอมเจ็ดวันก็ได้ เป็นวันดีเหมือนกัน

สุดท้ายทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี งานที่เตรียมเอาไว้เสร็จก่อนกำหนดการไปเสียส่วนใหญ่แล้ว ทุกคนในบ้านปรึกษากันเรื่องหาวันเปิดร้าน

คุณย่าซูเสียใจที่ลูกชายคนโตกับคนรองไม่ได้มาร่วมงานฉลองเปิดร้านอาหารที่เมืองหลวงด้วย

แต่โชคดีที่มีเด็ก ๆ จากทั้งสองบ้านอยู่ด้วย เลยทำให้แกรู้สึกดีขึ้นมาก

คุณย่าซูรักเสี่ยวเถียนก็จริง แต่มันก็แค่เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่สุดคือแกเป็นหญิงชราที่จัดแจงเรื่องต่าง ๆ ได้ดี และจะไม่ทำในสิ่งที่อยุติธรรมด้วย

เพราะนิสัยของแก บ้านเราถึงได้รักใคร่กลมเกลียวกันเสมอมา