บทที่ 351 ครอบครัวที่สามก่อปัญหา

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 351 ครอบครัวที่สามก่อปัญหา

บทที่ 351 ครอบครัวที่สามก่อปัญหา

ไม่นานประตูก็เปิดออก และเด็กท่าทางสกปรกมอมแมมก็ออกมา ซุนซื่อตกใจและก้าวถอยหลังทันทีเพราะกลัวว่าเด็กคนนี้จะทำให้เสื้อผ้าของนางเปื้อน “เจ้าเป็นใคร? มาจากไหน?”

เห็นได้ชัดว่าเด็กคนนี้รู้จักซุนซื่อและเรียกนางว่าป้า เมื่อเห็นซุนซื่อมองเขาด้วยความรังเกียจ เขาก็รู้ว่าเขาสกปรกเกินไป ซุนซื่ออาจจะจำเขาไม่ได้ จึงก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “ข้าคือซุ่นสี!”

ซุ่นสี? ซุนซื่อตกตะลึง และเมื่อมองอย่างชัดเจน นางเชื่อว่าเด็กที่อยู่ข้างหน้าเขาคือซุ่นสี แต่เด็กคนนี้สกปรกเกินไป! นางอดไม่ได้ที่จะกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “พ่อกับแม่ของเจ้าอยู่ที่ไหน? ข้าเรียกตั้งนานแล้วทำไมไม่มีใครตอบ”

เมื่อกู้ซุ่นสีได้ยินซุนซื่อกล่าวถึงพ่อแม่ของเขา เขาจึงถูจมูกและกล่าวว่า “ท่านพ่อของข้าไม่อยู่บ้าน และท่านแม่ก็ไปบ้านของท่านตาท่านยาย”

“พ่อของเจ้าไปไหน?” ซุนซื่อเอ่ยถามอีกครั้ง เมื่อกู้ซุ่นสีกล่าวอย่างคลุมเครือ

กู้ซุ่นสีส่ายศีรษะ “ข้าไม่รู้ ท่านพ่อไม่ได้กลับบ้านหลายวันแล้ว”

ไม่ได้กลับบ้านหลายวัน? ซุนซื่อขมวดคิ้ว ใกล้จะถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว แต่กู้ฉวนโซ่วกลับหายไปไหน?

เกรงว่ากู้ซุ่นสีคงไม่ได้สระผมและอาบน้ำเป็นเวลานาน และร่างกายของเขาก็มีกลิ่นเหม็นเปรี้ยว ซุนซื่อสะบัดผ้าเช็ดหน้าใส่และกล่าวด้วยความรังเกียจ “เจ้าหลบไปก่อน ข้าจะเข้าไป” หลังจากกล่าวจบ นางก็เหลือบมองกู้ซุ่นสีด้วยความรังเกียจ

กู้ซุ่นสีตอบรับ เปิดประตูและยืนอยู่ข้าง ๆ แต่กลิ่นบนร่างกายของเขาช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน กู้ซินเถารู้สึกรังเกียจ เมื่อนางเข้ามาก็เอาผ้าเช็ดหน้าปิดปากและจมูก พลางกล่าวด้วยความรังเกียจ “ซุ่นสีเจ้าไม่ได้อาบน้ำมานานเท่าไรแล้ว? ทำไมถึงมีกลิ่นแปลก ๆ มาจากร่างกายของเจ้า”

กู้ซุ่นสีกล่าวอย่างคับข้องใจ “ท่านพ่อและท่านแม่ของข้าไม่อยู่บ้าน ทั้งพี่สาวและข้าไม่สามารถอาบน้ำได้”

กู้ซินเถาเหลือบมองอย่างรังเกียจ นางไม่กล่าวอะไรต่อและเดินจากไปอย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่ากลิ่นกายของกู้ซุ่นสีจะแพร่กระจายมายังตัวเอง

ซุนซื่อถือของไปที่ประตูปีกตะวันตก มีกลิ่นเหม็นอับลอยมาเตะปลายจมูกของนาง เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เจอใยแมงมุมขนาดใหญ่อยู่เหนือประตู เมื่อมองเข้าไปข้างใน ทั้งห้องก็เต็มไปด้วยฝุ่น

ภานในบ้านไม่ได้เปิดระบายอากาศหรือทำความสะอาดเป็นเวลานาน เมื่อซุนซื่อเห็นบ้านมีสภาพเช่นนี้ นางก็ระเบิดออกมาด้วยความโกรธ

“บ้านหลังนี้สกปรกมาก คนจะอยู่ที่นี่ได้อย่างไร!” กู้ซินเถากล่าวอย่างโกรธเคือง

ซุนซื่อก่นด่าเฉาซื่อว่าขาดศีลธรรม และทำได้เพียงเริ่มทำความสะอาดบ้าน

กู้ซินเถาเป็นพวกเสื้อผ้ามาถึงจะกางแขน อาหารมาถึงจะอ้าปาก นางใช้ชีวิตอย่างคนรวย และนิ้วทั้งสิบไม่เคยสัมผัสน้ำในบ่อ*[1] ดังนั้นนางจะคิดช่วยซุนซื่อทำความสะอาดบ้านได้อย่างไร นางเหลือบมองดูด้วยความรังเกียจและออกไปสูดอากาศเย็นข้างนอก

กู้ซุ่นสียืนอยู่ที่ประตูและมองดูผู้คนที่อยู่ข้างใน เมื่อเห็นกู้ซินเถาออกมา เขาก็เอื้อมมือออกไปหานางอย่างรวดเร็วและกล่าวอย่างน่าสงสารว่า “ท่านพี่ มีอะไรให้กินหรือไม่ ข้าหิว!”

เมื่อเห็นว่ามือสกปรกของกู้ซุ่นสีกำลังจะแตะเสื้อผ้าชุดใหม่ของนาง กู้ซินเถาก็ปัดมือของกู้ซุ่นสีพลางก่นด่า “อยากตายหรือ ถ้าเสื้อผ้าข้าสกปรกจะทำอย่างไร?”

หลังจากกล่าวจบ นางก็ถอยหลังไปสองก้าวและจ้องมองกู้ซุ่นสีอย่างโกรธเคือง ร่างกายเขาเต็มไปด้วยความสกปรก ใบหน้าเล็กของเขาตอบลงไปมาก เมื่อเห็นกู้ซินเถาตีตนเอง น้ำตาก็ไหลออกมาด้วยความเสียใจ

กู้ซินเถาเหลือบมองหงุดหงิด นางไม่สนใจกู้ซุ่นสี หันหลังกลับและจากไป

กู้ซุ่นสีร้องไห้และยืนอยู่ที่ประตู จ้องมองไปโดยไม่รู้ว่ากำลังมองอะไรอยู่

ฝั่งตะวันตกมีใยแมงมุมและฝุ่นเต็มไปหมด เกรงว่าปีที่แล้วคงไม่มีใครเข้ามาหรือทำความสะอาดห้องเลย

สกปรกจนซุนซื่อขยะแขยง นางเกรงว่าจะไม่สามารถทำความสะอาดให้เสร็จได้ภายในวันเดียว นางจึงใช้เงินยี่สิบเหรียญเพื่อจ้างหญิงคนหนึ่งมาช่วยทำความสะอาด

นางแซ่เลี่ยว ผู้คนเรียกนางว่าเลี่ยวซื่อ นางเป็นคนขยันขันแข็ง และปากของนางก็ขยันมากเช่นกัน

ในวันธรรมดา นางมักจะไปนั่งนินทาผู้อื่น ข่าวลือในหมู่บ้านนี้เกิดขึ้นคงเพราะเลี่ยวซื่อเสียส่วนหนึ่ง

มือยังคงทำสิ่งต่าง ๆ และปากก็พูดไม่หยุดเช่นกัน

เมื่อมองดูสิ่งของสองชิ้นใหญ่ที่ซุนซื่อนำมา ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความอิจฉา “ฮูหยินกู้นำของปีใหม่มามากมาย เกรงว่าปีนี้ของเฉาซื่อคงจะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่ง เจ้านำของปีใหม่มาทุกปี ถ้าข้ามีญาติเช่นเจ้า ข้าก็คงมีความสุขราวกับฝัน”

ซุนซื่อยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และกล่าวอย่างนอบน้อมว่า “ที่ไหนกัน ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น!”

แล้วเลี่ยวซื่อก็กล่าวว่า “เฉาซื่อกลับไปบ้านแม่ของนางในช่วงเวลานี้ นางไปหลายวันแล้วและทิ้งลูกสองคนไว้…” หลังจากกล่าว นางก็หน้าบึ้งอย่างโกรธจัดและชี้ไปที่กู้ซุ่นสีที่ยืนอยู่ “ดูเด็กทั้งสองสิ กลายเป็นเช่นไรไปแล้ว”

“เมื่อเฉาซื่อกลับไปบ้านแม่ ทำไมนางไม่พาลูกสองคนไปด้วย” ซุนซื่อเอ่ยถามด้วยความสงสัย เด็กสองคนนี้ไม่ใช่หัวใจของนางหรอกหรือ นางจะกลับไปบ้านพ่อแม่คนเดียวได้อย่างไรโดยไม่พาพวกเขาไปด้วย ลูกสองคนนี้ยังเด็กมาก แล้วใครจะดูแลพวกเขา?

“ใครจะไปรู้!” เลี่ยวซื่อกล่าวอย่างเหยียดหยาม “เฉาซื่อไม่อยู่บ้าน กู้ฉวนโซ่วผู้นั้นก็ไม่กลับบ้านและไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน เด็กสองคนนี้ต้องวิ่งไปมาเพื่อขอข้าวกิน และยังเคยมากินข้าวที่บ้านข้าด้วย!”

เลี่ยวซื่อกล่าวอย่างเศร้าใจ แต่ไม่ได้เศร้าใจเพราะเด็กทั้งสองที่ทุกข์ทรมาน แต่เป็นเพราะข้าวต้มในครอบครัวของนางเอง ถึงจะเป็นแค่ข้าวต้ม แต่ก็ยังเป็นอาหารอยู่ดี นางรู้สึกหดหู่ใจมาก

“พวกเจ้าไม่รู้เลยหรือว่ากู้ฉวนโซ่วหายไปไหน?” ซุนซื่องุนงง ในปีนี้กู้ฉวนโซ่วเป็นอะไรไป?

“ไม่รู้สิ! มันแปลกเสียจริง ในอดีตก็ฉวนโซ่วรักเฉาซื่อเป็นอย่างมาก แต่ไม่รู้ว่าในปีนี้เขากินยาผิดอะไรไปถึงได้เพิกเฉยต่อเฉาซื่อเช่นนี้ ทั้งสอง…” เลี่ยวซื่อมองไปทางซ้ายและขวา นางลดเสียงลงแล้วกล่าวอย่างลับ ๆ ว่า “สามีและภรรยายังคงนอนแยกห้องกัน!”

“เจ้ารู้ได้อย่างไร!” ซุนซื่อเลิกคิ้วขึ้น เลี่ยวซื่อรู้เรื่องส่วนตัวเช่นนี้ได้อย่างไร? นางมองอย่างไม่เชื่อ

เมื่อเห็นซุนซื่อไม่เชื่อในตนเอง เลี่ยวซื่อจึงรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ข้าจะบอกว่ารู้ได้อย่างไร ผู้หญิงที่มีบุตรแล้วก็เหมือนกับพืชผลในทุ่งนั้น ถ้ามีน้ำก็จะมีความชุ่มชื้น ถ้าไม่มีน้ำก็จะแห้งแล้ง ดูเถิด สามีคือน้ำที่หล่อเลี้ยง ถ้าไม่มีน้ำ พืชผลในทุ่งก็จะแห้งเหี่ยวลงไปเท่านั้น!”

เมื่อเร็ว ๆ นี้เฉาซื่อเป็นเหมือนพืชผลที่แห้งเหี่ยว ด้วยท่าทางเช่นนั้นจะไปหลอกผู้ใดได้!

เลี่ยวซื่อมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในบางสิ่งที่อธิบายไม่ได้ และหลังจากกล่าวออกมาแล้ว นางก็ภูมิใจเป็นอย่างมาก