บทที่ 350 กลับบ้านเก่า

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 350 กลับบ้านเก่า

บทที่ 350 กลับบ้านเก่า

“คนในรถม้าทำไมหรือ?” หัวใจของซุนซื่อเต็มไปด้วยความโกรธ คนอยู่ในรถม้าคันนั้นช่างเย่อหยิ่งและไม่มีเหตุผลเสียจริง นางจ้องมองไปทางหมู่บ้านอย่างโกรธเคือง หากรู้ว่าเป็นผู้ใด นางจะต้องสอนบทเรียนดี ๆ ให้กับคนผู้นี้อย่างแน่นอน

การที่กู้ซินเถามีใบหน้าเคลิบเคลิ้มเช่นนี้ คนในรถม้าคันนั้นมีลักษณะเป็นอย่างไรกันแน่?

แค่ฟังประโยคเดียวก็ทำให้หลงไหลได้ หัวใจของกู้ซินเถาเต้นแรงและนางแทบรอไม่ไหวที่จะไปดูว่าคนผู้นั้นเป็นใคร

ไม่ง่ายเลยที่จะเจอสามีภรรยาที่นางรู้จักผ่านมา ชายผู้นั้นช่วยถือของที่หนักที่สุด ขณะที่ซุนซื่อถือสิ่งของอื่น ๆ และทั้งสี่คนก็เดินไปที่หมู่บ้าน

“ฮูหยินกู้ เหตุใดคราวนี้คุณชายกู้ไม่กลับมาด้วยล่ะ?” หญิงสาวผู้นั้นเอ่ยถามด้วยความเคารพ

ในหมู่บ้านมีคนเรียนหนังสือไม่มากนัก ชาวบ้านเหล่านี้จึงให้ความเคารพต่อผู้มีความรู้เป็นอย่างมาก กู้ฉวนลู่เรียนหนังสือมาบ้างและเขาก็ยังเป็นคนทำบัญชีด้วย เขาไม่ได้ทานอาหารที่มาจากพื้นดินเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงยกย่องและมีความเคารพต่อครอบครัวของกู้ฉวนลู่อย่างมาก

ซุนซื่อพยักหน้าอย่างเย่อหยิ่งและดูเหมือนจะสนุกกับการถูกผู้อื่นเรียกว่าคุณนายกู้

“ฉวนลู่มีธุระในเมือง และจะกลับมาในอีกสองสามวัน” ซุนซื่อตอบด้วยรอยยิ้ม

หญิงผู้นั้นมีท่าทีอิจฉา “ข้าได้ยินมาว่าท่านซื้อบ้านในเมืองแล้ว ทำไมถึงกลับมาช่วงปีใหม่ล่ะ?”

“ทั้งท่านพ่อและท่านแม่อยู่ที่นี่ ข้าจึงกลับมาจุดธูปบูชาอยู่เสมอ นอกจากนี้ พี่น้องของข้าก็อยู่ที่นี่ด้วย เป็นการยากที่จะพบกันตลอดทั้งปี ดังนั้นเราต้องรักษาความสัมพันธ์ให้ดีเพื่อไม่ให้เสียความสัมพันธ์ทางสายเลือดนี้ ดูสิ ข้าเอาของมาไม่น้อยเลยเพื่อให้ครอบครัวของน้องชายมีปีใหม่ที่ดี!” ซุนซื่อกล่าวอย่างมีศักดิ์ศรี แต่นางแอบพึมพำในใจว่าไม่อยากมาที่ยากจนแห่งนี้เลยจริง ๆ

มีบ้านที่ดีในเมืองแต่ไม่อยู่ กลับต้องมาอยู่บ้านที่แดดไม่ส่องตลอดปี คิดแล้วก็รู้สึกแย่ แต่ซุนซื่อคิดว่าเพราะยังมีเรื่องที่ต้องทำ หากทำเสร็จสิ้นแล้ว ปีหน้าก็ไม่ต้องกลับมาที่นี่อีกแล้ว

เมื่อเห็นความจริงใจในคำพูดของซุนซื่อ หญิงสาวผู้นั้นก็มองดูของขวัญปีใหม่ชิ้นใหญ่ที่สามีของนางกำลังถือด้วยความอิจฉา “ฮูหยินกู้ ท่านเป็นคนดีจริง ๆ! การที่เฉาซื่อมีท่านเป็นพี่สะใภ้ช่างราวกับฝัน”

ซุนซื่อส่ายศีรษะและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เราเป็นครอบครัวเดียวกัน จึงรู้ว่าต้องทำอย่างไร!”

เมื่อหญิงผู้นั้นเห็นกู้ซินเถาที่เดินอยู่เพียงลำพังด้านหน้า รูปร่างที่สง่างามและเสื้อผ้าที่พริ้วไหว และคนที่สวมชุดสีชมพูก็มีเสน่ห์

กู้ซินเถางดงามมาก! หญิงผู้นั้นพึมพำกับตัวเองแล้วกล่าวอย่างอิจฉาว่า “ไม่เจอกันเพียงปีเดียว ซินเถาก็ดูโดดเด่นเช่นนี้ เกรงว่าคนทั้งเมืองคงจะหาคนสวยเช่นซินเถาไม่ได้ ในตอนเด็กก็ว่างดงามแล้ว แต่ตอนนี้กลับงดงามกว่า ในอนาคตไม่รู้ว่ามีชายหนุ่มสักกี่คนมาหลงไหล!”

เมื่อได้ยินคนอื่นยกย่องลูกสาวของนาง ซุนซื่อก็รู้สึกภูมิใจในตัวเอง แต่นางก็ยังกล่าวอย่างสุภาพว่า “เจ้าพูดเกินไปแล้ว”

กู้ซินเถาได้ยินคำพูดของคนที่อยู่ข้างหลังก็รู้สึกภาคภูมิใจเป็นอย่างมาก

คนกลุ่มนั้นเดินเข้าไปในหมู่บ้าน และมีชายวัยกลางคนที่ขับรถม้ากำลังจะกลับ ซุนซื่อก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อหยุดเขาและกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เจ้าหยาบคายมาก ข้าเป็นเพียงคนโบกรถ เหตุใดจึงไม่พูดอะไรสักคำก็ไปเสียแล้วล่ะ!”

คนขับรถม้าก็เสียใจมากเช่นกัน “ข้าบอกแล้ว อย่าโทษข้าเลย รถม้าคันนี้เพิ่งได้รับการว่าจ้างจากสุภาพบุรุษเมื่อครู่นี้เอง เขาไม่อยากรับพวกเจ้า ข้าเลยช่วยพวกเจ้าไม่ได้!”

ชายหนุ่มผู้นั้นหล่อเหลามาก เขาโตมาขนาดนี้ยังไม่เคยเห็นผู้หญิงคนใดสวยเท่าเขาเลย เสียดายที่เย็นชาไปหน่อย เดิมทีคนขับชวนคุยเพื่อทำลายความเบื่อหน่ายของการเดินทาง แต่เขาไม่ได้คาดคิดว่าหลังจากพูดสองคำแล้ว นอกจากจะไม่มีเสียงตอบกลับ และเมื่อเขาพูดอีกครั้งก็มีเสียงเย็นชาดังมาจากข้างใน “หุบปาก!”

น้ำเสียงเย็นเยียบราวกับก้อนน้ำแข็งในฤดูหนาว โอ้ สวรรค์ เขาตกใจจนเกือบจะกลิ้งลงจากรถ แต่โชคดีที่เขาถือสายบังเหียนไว้แน่น ไม่เช่นนั้นเขาจะตงลงและถูกรถชนเป็นแน่

เขาจึงไม่ได้กล่าวอะไรอีกเลยตั้งแต่นั้นมา และเหวี่ยงบังเหียนเพื่อขับรถ

เดิมทีเขากลัวอยู่แล้ว แต่คราวนี้ซุนซื่อมากล่าวหาเขาอีกครั้ง และเขาก็ยิ่งเสียใจมากขึ้นไปอีก

ซุนซื่อยังคงต้องการจะกล่าวอะไรอีก แต่กู้ซินเถาก็ขัดจังหวะ “ขอถามท่านลุงได้หรือไม่ว่าคนที่อยู่ในรถเมื่อสักครู่เป็นผู้ใด?”

ดวงตาของนางเป็นประกายและใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้นพลางรอคำตอบจากคนขับ

เมื่อคนขับเห็นเด็กสาวสวยกำลังถามตนเอง จึงเอามือลูบหน้าผากแล้วกล่าวว่า “ข้าพาเขาไปบ้านทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน”

ทิศตะวันตกของหมู่บ้าน? คนที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านไม่ใช่ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานหรอกหรือ?

กู้ซินเถาขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่นางไม่เชื่อและถามกลับว่า “ท่านมองผิดหรือเปล่า?”

“ข้าจะมองผิดได้อย่างไร?” ลุงคนขับกล่าว “ชายหนุ่มซื้อโต๊ะมาวางไว้บนรถม้าของข้า พอไปถึงประตูบ้าน เขาก็บอกให้หยุด และข้าก็ย้ายโต๊ะลงไปให้เขา หลังจากเขาจ่ายเงิน ข้าจึงออกมา ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าเป็นคนในครอบครัวนั้นหรือเปล่า”

กู้ซินเถาพ่นลมหายใจและนางรู้แล้ว ดูเหมือนว่าคนในรถม้าคันนี้จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้เสี่ยวหวาน ไม่เช่นนั้น เขาจะไปที่บ้านของกู้เสี่ยวหวานด้วยเหตุใด

คนขับรถม้าขับออกไปแล้ว แต่กู้ซินเถายังคงมีสีหน้าครุ่นคิด ซุนซื่อจึงดึงกู้ซินเถาและเอ่ยถามด้วยเสียงต่ำว่า “ซินเถา เจ้าถามถึงคนในรถทำไมกัน!”

กู้ซินเถาเหลือบมองซุนซื่ออย่างไม่พอใจราวกับว่ามีคนมาขัดจังหวะความฝันอันแสนหวานของนาง และกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “ไม่ใช่เรื่องของท่าน!”

กล่าวเสร็จนางก็กระทืบเท้าเดินหนีไป

หญิงสาวผู้นั้นตกใจเมื่อได้เห็น แต่เพื่อไม่ให้สถานการณ์อึดอัดจึงรีบกล่าวว่า “ซินเถาน่ารักมาก!”

ซุนซื่อตอบอย่างรวดเร็ว “นั่นสิ เพียงแค่อารมณ์อ่อนไหวไปเสียหน่อยเพราะถูกข้าตามใจมากเกินไป”

“ไม่ใช่อย่างนั้น ซินเถาเป็นหญิงสาวในเมือง นางจะเปรียบเทียบกับเด็กหญิงในหมู่บ้านได้อย่างไร การที่นางมีอารมณ์ฉุนเฉียวเช่นนี้ก็เป็นเรื่องที่สมควร!”

เมื่อทุกคนกลับถึงบ้าน ทั้งคู่วางของไว้ที่ประตูบ้านเก่าของตระกูลกู้ แล้วจากไป

ซุนซื่อยืนเคาะประตูอยู่นาน แต่ไม่มีใครตอบ นางจึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “เกิดอะไรขึ้น ทุกคนไปไหนกันหมด”

หลังจากกล่าวจบ นางก็กระแทกประตูอย่างแรงอีกครั้ง ประตูก็เปิดออก แล้วเสียงของเด็กน้อยก็ดังขึ้นจากด้านในว่า “มาแล้ว มาแล้ว”