บทที่ 342 แผนของจักรพรรดิเซียนวัฏจักร ความหมกมุ่นของจิ่งเทียนกง
สิบปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หานเจวี๋ยหยิบป้ายคำสั่งมรรคาสวรรค์ออกมา เริ่มติดต่อจักรพรรดิสวรรค์
จักรพรรดิสวรรค์ตอบกลับมาเร็วยิ่ง “มีเรื่องใดหรือ”
“ฝ่าบาท เกิดเรื่องขึ้นกับเฮ่าเอ๋อร์กระมัง”
“หืม เจ้าก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกันหรือ”
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าทำนายได้ว่าเฮ่าเอ๋อร์คล้ายจะตกอยู่ในอันตรายยิ่ง สภาพอารมณ์เขาดูหวาดผวานัก”
“เราเข้าใจแล้ว เราจะไปหาเขาเดี๋ยวนี้”
บทสนทนาสิ้นสุดลง
หานเจวี๋ยถอนหายใจ เขาเบาใจลงแล้ว จึงฝึกบำเพ็ญต่อ
สิบปีมานี้ ไม่มีจดหมายแจ้งว่าหลงเฮ่าถูกยึดร่างอีก รูปประจำตัวของหลงเฮ่าในจอค่าความสัมพันธ์ก็ยังอยู่
คาดว่าเฮ่าเทียนก็คงไม่กล้าทำร้ายหลงเฮ่าเช่นกัน มิเช่นนั้นเฮ่าเทียนคงไม่เก็บวิญญาณของหลงเฮ่าไว้จนกระทั่งมหาเคราะห์สิ้นสุดลง
….
ท่ามกลางทิวเขา ฟางเหลียงนอนอยู่บนพื้นท่ามกลางเศษหิน ป่าเขาในรัศมีหมื่นลี้ราวกับเคยถูกระเบิด ในอากาศเต็มไปด้วยควันหนาจนมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เมฆมืดมิดบดบังสุริยัน บนนภาสูงมีร่างสองร่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด พลังวิเศษแลบออกมาจากมือของแต่ละคน มีพายุโหมกรรโชกและฟ้าผ่าลงมาเป็นระยะ ถาโถมใส่ฟ้าดิน
หนึ่งในสองคนนั้นคือจี้เซียนเสิน
จี้เซียนเสินที่ครอบครองหมื่นอัสนีคำรณถูกการโจมตีสะกดเอาไว้ คู่ต่อสู้ของเขาคือปีศาจหัววัวตัวหนึ่ง ร่างกายห่อหุ้มด้วยเกราะเหล็กหนาหนัก มือถือขวานยักษ์เล่มหนึ่ง แกว่งไกวฉวัดเฉวียน ซัดทีกวาดไปหมื่นลี้พันลี้ ไม่อาจป้องกันได้
ฟางเหลียงกุมหน้าอก ลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก
แม้อาการบาดเจ็บของเขาจะดูไม่หนักหนา แต่แท้จริงแล้วพลังเวทหมดเกลี้ยง
“เจ้าตัวนี้อย่างน้อยๆ คงเป็นจักรพรรดิเซียนสองวัฏ!”
ฟางเหลียงกัดฟันพึมพำกับตัวเอง ดวงตาของเขาวาวโรจน์
เขาและจี้เซียนเสินต่างเป็นเซียนทองไท่อี่ ต่อสู้กับจักรพรรดิเซียนสักยกก็เต็มกลืนแล้ว
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเขาจะตายกันหมด
ฟางเหลียงพลันนึกถึงวิชาอัญเชิญเทพ
เมื่อความคิดนี้ผุดขึ้นมาก็ถูกเขาปัดทิ้งไปทันที เขาไม่อาจปล่อยให้เดือดร้อนไปถึงอาจารย์ปู่ได้อีก
อาจารย์ปู่ช่วยเขามาสองครั้งแล้ว ถ้ามีครั้งที่สามอีก เช่นนั้นเขาก็ผิดต่อท่านเกินไปแล้ว
ฟางเหลียงกัดฟัน คิดจะเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง
“เซียนทองไท่อี่กลับมีความสามารถถึงเพียงนี้ได้ พวกเจ้าทั้งสองนับเป็นบุตรแห่งสวรรค์โดยแท้ แต่น่าเสียดาย พวกเจ้าล้วนต้องตาย!”
จักรพรรดิเซียนปีศาจวัวเอ่ยเยาะเย้ย เขาหัวเราะดังลั่น เสียงหัวเราะก้องสะท้อนไปทั่วทุกทิศทาง
จี้เซียนเสินผมเผ้าหลุดลุ่ยเอ่ยด้วยรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม “คำพูดเช่นนี้ข้าได้ยินคนเอ่ยมานักต่อนักแล้ว! แต่ข้าไม่ตาย! พวกเขาต่างหากที่ตาย!”
เขายกสองมือขึ้นมา กระตุ้นอัสนีสวรรค์อันเจิดจ้า โจมตีสังหารด้วยพลังทำลายล้างโลกา
….
นับตั้งแต่ติดต่อกับจักรพรรดิสวรรค์ เวลาก็ผ่านพ้นไปอีกเจ็ดปี
จู่ๆ หานเจวี๋ยก็ลืมตาขึ้น จิตใจเขากระวนกระวายอย่างน่าประหลาด
หรือจะเกิดเรื่องใดขึ้น
ด้วยตบะระดับเขา สัญชาตญาณจะแม่นยำยิ่ง มรรคจิตหนักแน่นมั่นคง ตามปกติไม่มีทางที่จะจิตใจกระวนกระวายอย่างไร้สาเหตุ
หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมาตรวจดู ไล่อ่านลงไป เขาสังเกตเห็นจดหมายสองฉบับ
[จี้เซียนเสินสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ โชคร้ายล่วงลับ โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]
[ฟางเหลียงศิษย์หลานของท่านเผชิญกับการโจมตีจากจักรพรรดิเซียนเผ่าปีศาจ โชคร้ายล่วงลับ โชคดีมีผู้ทรงพลังช่วยเหลือ]
สองคนนี้ผูกพันกันจริงๆ เหมือนโจวฝานกับโม่ฟู่โฉวไม่มีผิด
น่าอนาถเหลือเกิน
หานเจวี๋ยตรวจดูค่าความสัมพันธ์ พบว่ารูปประจำตัวของคนทั้งสองยังอยู่ เช่นนั้นก็คงไม่เป็นไร
‘ยุ่งยากจริงๆ มหาเคราะห์มาแล้วยังจะหาเรื่องวุ่นวาย ตายอยู่ข้างนอกก็สมควรแล้ว!’
หานเจวี๋ยฮึดฮัด รู้สึกไม่พอใจฟางเหลียงอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตามเขายังคงใช้ระบบวิวัฒนาการ ทำนายว่าเป็นผู้ใดที่ช่วยพวกฟางเหลียงทั้งสองคนไว้
ไม่น่าเชื่อเลยว่าต้องถูกหักอายุขัยถึงแปดสิบล้านปี
หานเจวี๋ยอยากจะกระอักเลือดออกมานัก
ทว่าเขายังคงเลือกดำเนินการต่อ
หลังจากนั้น เขาก็รู้สึกพร่าเบลอ พลันมาปรากฏตัวขึ้นในอารามเต๋าแห่งหนึ่ง
วิญญาณของจี้เซียนเสินและฟางเหลียงลอยอยู่ในกระถางสำริดใบใหญ่ ภายในกระถางมีน้ำยาเดือดพล่าน ควันลอยโขมง
เงาร่างหนึ่งนั่งอยู่หน้ากระถางสำริด เมื่อหานเจวี๋ยเห็นชัดๆ ก็อดเบิกตากว้างไม่ได้
ตี้ไท่ไป๋!
ไม่สิ!
จักรพรรดิเซียนวัฏจักร!
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรรูปร่างหน้าตาเหมือนตี้ไท่ไป๋ สวมชุดนักพรตสีดำ ในดวงตามีตาดำสองคู่ จ้องมองพวกฟางเหลียงทั้งสองด้วยสีหน้าเฉยชา
“ตี้ไท่ไป๋ เหตุใดถึงเป็นเจ้า”
จี้เซียนเสินเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ ตี้ไท่ไป๋มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าเซียนฝ่ายบุ๋นของวังสวรรค์ ในวังสวรรค์เรียกได้ว่าไม่มีผู้ใดไม่รู้จักเขา
ฟางเหลียงก็รู้สึกแปลกใจมากเช่นกัน
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรเอ่ยอย่างสงบ “ข้ามิใช่ตี้ไท่ไป๋ แต่เป็นจักรพรรดิเซียนวัฏจักร”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรหรือ
ทั้งสองผงะไป เห็นได้ชัดว่ามิเคยได้ยินนามนี้มาก่อน
“อยากมีชัย ได้ครอบครองโชคชะตาอันยิ่งใหญ่ ได้รับคุณสมบัติมรรคผลแห่งต้าหลัวหรือไม่” จักรพรรดิเซียนวัฏจักรถามด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
มรรคผลแห่งต้าหลัว!
วาจาช่างโอหังนัก!
จี้เซียนเสินเอ่ยถาม “เจ้าต้องการอะไร”
จักรพรรดิเซียนวัฏจักรกล่าวตอบ “สิ่งที่ข้าต้องการไม่มีในปัจจุบัน แต่อยู่ในอนาคตหลังจากมหาเคราะห์อีกหลายครั้งถัดไป”
“อนาคตอันใด”
“พวกเจ้าไม่ต้องสนใจหรอก พวกเจ้ารู้ไว้เพียงว่า ข้าช่วยให้พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้นได้ ขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้วว่าจะกล้าเข้าสู่เคราะห์หรือไม่”
จี้เซียนเสินและฟางเหลียงสบตากันแวบหนึ่ง
ทั้งสองต่างมองเห็นความไม่ยอมแพ้ในดวงตาของอีกฝ่าย
พวกเขาตอบอย่างพร้อมเพรียง “กล้า!”
ฉากสถานการณ์พังทลายลง
หานเจวี๋ยกลับสู่ถ้ำเทวาฟ้าประทาน
เขาขมวดคิ้วแน่น จักรพรรดิเซียนวัฏจักรคิดจะทำอะไร
ถึงแม้จักรพรรดิเซียนวัฏจักรจะมีความประทับใจต่อเขา แต่เขายังคงหวาดระแวงในตัวของจักรพรรดิเซียนวัฏจักรเสมอมา
คนผู้นี้กล้าปลอมตัวไปอยู่ข้างกายจักรพรรดิสวรรค์ได้ ต้องมีใจทะเยอะทะยานยิ่งนักเป็นแน่!
หานเจวี๋ยทำนายต่อ ‘ข้าอยากรู้ว่าจักรพรรดิเซียนวัฏจักรช่วยพวกเขาเพราะเหตุใด!’
[ไม่สามารถวิวัฒนาการปัจจัยด้านจิตใจได้]
หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว
กล่าวอีกอย่างคือ จักรพรรดิเซียนวัฏจักรไม่ได้เปิดเผยเหตุผล
หานเจวี๋ยเปลี่ยนวิธีการถาม ‘พุ่งเป้ามาที่ข้าหรือไม่’
[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าสิบล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]
ดำเนินการต่อ!
[พุ่งเป้าไปที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ อีกตัวตนหนึ่งของท่าน]
ใบหน้าของหานเจวี๋ยเต็มไปด้วยความมึนงง
เจ้าแดนต้องห้ามอันธการเคยไปล่วงเกินจักรพรรดิเซียนวัฏจักรหรือ
หานเจวี๋ยจำไม่ได้เลยว่าตนเคยไปสาปแช่งจักรพรรดิเซียนวัฏจักรด้วย
คนผู้นี้คิดจะมาหาเรื่องงั้นหรือ
ในเมื่อพุ่งเป้าไปที่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการ เช่นนั้นก็ไม่เกี่ยวข้องกับหานเจวี๋ยแล้ว
หานเจวี๋ยรู้สึกกระดากใจที่จะสาปแช่งจักรพรรดิเซียนวัฏจักร ถึงอย่างไรเขาก็รับสืบทอดมรดกของจักรพรรดิเซียนวัฏจักร ทั้งแต่ก่อนตอนที่เป็นตี้ไท่ไป๋ อีกฝ่ายยังเคยช่วยเหลือเขาไว้มากมายอีกด้วย
เขาส่ายหน้า ไม่คิดมากอีก ฝึกบำเพ็ญต่อ
สถานการณ์วุ่นวายขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เขาต้องรีบไปให้ถึงระดับเทพในเร็ววัน มิเช่นนั้นจะปกป้องตัวเองไม่ได้
หลังจากยกระดับอาณาเขตเต๋า ผนวกกับความเร็วในการดูดซับแรงกรรมเพิ่มมากขึ้น ระดับความเร็วในการบำเพ็ญของหานเจวี๋ยมีอัตราความก้าวหน้ารวดเร็วยิ่ง
อาจจะบรรลุระดับจักรพรรดิเซียนเก้าวัฏได้ในอีกไม่ช้า
….
ณ วังสวรรค์
ภายในอุทยานหลวง จักรพรรดิสวรรค์นั่งร่ำสุราอยู่ภายในศาลาหิน ผู้ที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเขาคือจิ่งเทียนกงจากนิกายเจี๋ย
“เจ้าแดนต้องห้ามอันธการหรือ เราไม่รู้จักหรอก เราก็มีเรื่องอยากรบกวนเขาเช่นกัน”
จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยอย่างไม่อนาทรร้อนใจ น้ำเสียงเอื่อยเฉื่อยสบายใจ
จิ่งเทียนกงเปิดปากกล่าว “เป็นไปไม่ได้กระมัง บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เข้ารีตมาร จักรพรรดิปีศาจอารมณ์แปรปรวน วังเทพเปลี่ยนนาย ในสี่กลุ่มมหาอิทธิพลมีเพียงฝ่าบาทที่รุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ เจ้าแดนต้องห้ามอันธการต้องมีความเกี่ยวข้องกับฝ่าบาทอย่างแน่นอน วางใจเถิด ข้ามิได้มาหาเรื่องเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ ข้าอยากย้ายไปอยู่ฝ่ายเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ”
“ฝ่าบาท ท่านซุ่มวางกลยุทธ์ในกระโจม[1] หากว่ามีความเกี่ยวข้องกับเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ โปรดแนะนำข้าสักหน่อยได้หรือไม่ ข้ามีจิตศรัทธาเลื่อมใสในตัวผู้อาวุโส ยินดีบุกน้ำลุยไฟเพื่อท่านผู้อาวุโส”
จักรพรรดิสวรรค์มีสีหน้านิ่งเฉย ทว่าครุ่นคิดอยู่ภายในใจ
จากที่กล่าวมาคล้ายว่าจะเป็นความจริง
แม้เจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะเคยสาปแช่งเขา แต่ก็ไม่เจ็บไม่คันเลยแม้แต่น้อย
หรือเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะเกี่ยวข้องกับวังสวรรค์จริงๆ?
หรือว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการคิดจะป้ายความผิดให้วังสวรรค์กันแน่?
จักรพรรดิสวรรค์ส่ายหน้า “เราไม่รู้จริงๆ”
จิ่งเทียนกงกัดฟันกล่าวว่า “ขอเพียงฝ่าบาทยอมช่วยแนะนำ มหาเคราะห์ครานี้ นิกายเจี๋ยย่อมให้ความช่วยเหลือวังสวรรค์อย่างแน่นอน!”
…………………………………………
[1] ซุ่มวางกลยุทธ์ในกระโจม ความหมายคือ หากวางแผนมาดี ต่อให้ผู้วางแผนไม่ได้อยู่กำกับดูแลก็สามารถเอาชนะศัตรูได้อยู่ดี