บทที่ 343 หลี่เต้าคงปะทะผานซิน ไท่กู่หยวนเฟิ่ง

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 343 หลี่เต้าคงปะทะผานซิน ไท่กู่หยวนเฟิ่ง

เมื่อเผชิญกับการรบเร้าของจิ่งเทียนกง จักรพรรดิสวรรค์ก็รู้สึกจนปัญญายิ่งนัก

เราก็อยากรู้เหมือนกันว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นใคร!

พอจิ่งเทียนกงพูดแบบนี้ เขาก็ยิ่งคลางแคลงว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการจะมีแผนร้าย

เมื่อเวลาเนิ่นนานออกไป วังเทพ สำนักพุทธ วังปีศาจรวมถึงกลุ่มอิทธิพลอื่นๆ ก็จะสงสัยในตัวเขาเช่นกัน

อีกทั้งก่อนหน้านี้เขาเคยปลุกระดมเผ่าพันธุ์อื่นให้อ้างชื่อเจ้าแดนต้องห้ามอันธการไปกระทำเรื่องราวต่างๆ แต่เจ้าแดนต้องห้ามอันธการกลับไม่รู้สึกโกรธ…

ยิ่งคิดสีหน้าจักรพรรดิสวรรค์ก็ยิ่งครึ้มลงเรื่อยๆ

จิ่งเทียนกงจ้องมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ

ผ่านไปพักใหญ่

จักรพรรดิสวรรค์ก็กล่าว “เราไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการเป็นใคร ขอบใจมากสำหรับคำเตือนของเจ้า ทำให้เราตระหนักได้ว่าเจ้าแดนต้องห้ามอันธการอาจมีความเกี่ยวข้องกับเรา”

จิ่งเทียนกงขมวดคิ้ว นี่ไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการ

“มิสู้เอาเช่นนี้เถอะ เจ้ามาช่วยเรา หากเราได้พบเจ้าแดนต้องห้ามอันธการ จะแนะนำเจ้าให้เขาแน่นอน เจ้าแดนต้องห้ามอันธการชักใยมหามรรค ผู้นำกลุ่มอิทธิพลอย่างเราติดต่อเขาได้ง่ายกว่า เจ้าน่าจะรู้กระมัง” จักรพรรดิสวรรค์เอ่ยอย่างสบายๆ

จิ่งเทียนกงขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม ด่าอยู่ในใจว่าไอ้จิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์

….

เวลาผ่านพ้นไปอีกสิบปี

หานเจวี๋ยยังคงเป็นเช่นที่ผ่านมา เมื่อว่างจากฝึกบำเพ็ญ เขาก็จะหยิบหนังสือแห่งความโชคร้ายออกมาสาปแช่งศัตรู พลางตรวจดูจดหมายไปด้วย

[หวงจี๋เฮ่าสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากเผ่าปีศาจ] x124322

[หลี่เต้าคงสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผานซินสหายของท่าน]

[จั้งกูซิงสหายของท่านหลอมรวมเข้ากับแม่น้ำมรรคกระบี่ มรรคกระบี่เพิ่มพูน]

[ยอดแม่ทัพเทพสหายของท่านได้รับกายาโชคชะตา วิญญาณเกิดความเปลี่ยนแปลง]

[เจียงอี้สหายของท่านได้รับยอดสมบัติ ดวงชะตาเพิ่มพูน]

[โจวฝานสหายของท่านผ่านการสั่งสมประสบการณ์ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[จักรพรรดิเซียนวัฏจักรสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ]

[บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์ศัตรูคู่อาฆาตของท่านสูญเสียสติสัมปชัญญะ เนื่องจากความเคียดแค้นชิงชังในตัวท่าน]

….

โอกาสวาสนามากมายนัก!

หลี่เต้าคงปะทะกับผานซินได้อย่างไร

ไม่ได้รับบาดเจ็บเลยด้วย!

คนผู้นี้พอมีฝีมืออยู่บ้าง!

หลี่เต้าคงเป็นคนหนึ่งที่บ้าระห่ำที่สุดในบรรดาสหายของหานเจวี๋ย แต่คนผู้นี้ก็เป็นเพียงคนเดียวที่ไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเลย

ดูเหมือนไม่ว่าจะปะทะกับใคร เขาก็ล้วนไม่ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น

สมกับที่เป็นศิษย์คนโตของนิกายเหริน

หานเจวี๋ยรู้สึกหวั่นไหวอยู่บ้าง

กราบหลี่เต้าคงเป็นอาจารย์ ก็ดูไม่เลวร้ายเท่าไรนัก

อย่างไรก็ตามรอให้มหาเคราะห์สิ้นสุดลงก่อนแล้วค่อยว่ากันเถอะ หากว่ามหาเคราะห์สิ้นสุดลง หลี่เต้าคงยังมีชีวิตรอด และแข็งแกร่งยิ่งกว่าหานเจวี๋ย เช่นนั้นเขาจะพิจารณาดูอีกที

บางทีเมื่อถึงเวลานั้น หานเจวี๋ยคงไม่ต้องการอาจารย์แล้ว

อีกเรื่องคือ บรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์เพิ่งสูญเสียสติสัมปชัญญะเอาตอนนี้หรือ

ก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้นกันแน่

จะอาศัยความบ้าคลั่งล้างแค้นสรรพสิ่งหรือ

หานเจวี๋ยรู้สึกว่าบรรพชนพุทธมรรคาสวรรค์อันตรายอย่างมาก หากมีโอกาสควรเล่นงานเขาให้ตายจะดีกว่า

เขาไล่อ่านลงไปเรื่อยๆ ด้านวังสวรรค์ยังอยู่ท่ามกลางสงครามอันดุเดือด มหาเคราะห์ได้เปิดฉากขึ้นระยะหนึ่งแล้ว วังสวรรค์แทบไม่เคยหยุดพักเลย

เทพเซียนก็คือเทพเซียน ช่างมีความอดทนจริงๆ

หนึ่งเดือนผ่านไป หานเจวี๋ยเก็บหนังสือแห่งความโชคร้ายและฝึกบำเพ็ญต่อ

ฝึกไปได้ไม่กี่เดือน อู้เต้าเจี้ยนก็มาหาเขา

“นายท่าน ต้นฝูซังเริ่มสั่นไหวอีกแล้ว! มันบอกว่ามันรู้สึกกลัวมาก!”

เมื่อหานเจวี๋ยได้ยินก็ตรวจสอบหาผู้แข็งแกร่งในละแวกเกาะสำนักซ่อนเร้นตามสัญชาตญาณทันที แต่กลับไม่พบศัตรูเลยสักคน

เขาลุกขึ้นก้าวออกจากถ้ำ เดินไปหยุดใต้ต้นฝูซัง ศิษย์คนอื่นๆ ต่างรวมตัวกันอยู่ที่นี่ ต่างพูดคุยและวิจารณ์กันไปต่างๆ นานา

หานเจวี๋ยมองต้นฝูซังพลางเอ่ยถาม “มีตัวตนบางอย่างกำลังจับจ้องเจ้าเช่นเดียวกับที่ผ่านมางั้นหรือ”

ต้นฝูซังสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ราวกับกำลังสั่นขวัญแขวนอยู่ พลันตอบกลับมา “ข้าก็ไม่รู้…ข้ารู้สึกหวาดกลัวอย่างไม่มีสาเหตุ ข้าควบคุมความรู้สึกหวาดกลัวนี้ไม่ได้เลย…”

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

จอมปีศาจคุกรัตติกาลก้าวออกมา เอ่ยว่า “เกรงว่าในแดนชำระบาปเก้าขุมคงมีบางสิ่งอยู่ น่าจะเกี่ยวข้องกับเผ่าพันธุ์วิหค”

ต้วนหงเฉินเองก็เอ่ยว่า “ในแดนชำระบาปเก้าขุมมีวิญญาณวิหคร้ายอยู่จริงๆ เป็นไท่กู่หยวนเฟิ่งที่น่าหวาดกลัวเป็นที่สุด หลังดับสูญในมหาเคราะห์ ก็ถูกกักขังไว้ในแดนชำระบาปเก้าขุมมาโดยตลอด หากเป็นเขา เกรงว่า…”

คำพูดส่วนหลังเขาไม่ได้เอ่ยออกมา เผ่าหงส์เพลิงที่เข้าร่วมมหาเคราะห์เป็นสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้าอยู่แล้ว ส่วนหงส์เพลิงในปัจจุบันนี้มีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย สายเลือดไม่ยิ่งใหญ่เท่าในอดีต

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ข้ามีวิธีจัดการ”

พอพูดจบ เขาก็หันหลังจากไป

ศิษย์ที่เหลือต่างวิจารณ์กันต่อ

“แดนชำระบาปเก้าขุมแห่งนี้ยังไม่ปลอดภัยอีกหรือ”

“ไม่เป็นไรหรอก ต่อให้เป็นหงส์เพลิงก็หาพวกเราไม่พบ”

“อาจารย์ปู่ยังไม่ตื่นตระหนกเลย พวกเจ้าจะกลัวกันไปไยเล่า”

“ฮ่าๆ ก็เหมือนเจ้าใหญ่เจ้ารองในอดีตอย่างไร มาแล้วอย่าคิดว่าจะหนีไปได้!”

“เจ้า หยุดเอ่ยถึงเรื่องนี้ได้หรือไม่”

“ตอนนั้นท่านไก่เกือบจะได้เขมือบพวกเจ้าแล้ว!”

….

เมื่อกลับไปถึงถ้ำเทวาฟ้าประทาน หานเจวี๋ยเมินเฉยต่ออู้เต้าเจี้ยนที่ยังคงรู้สึกเป็นกังวลยิ่งนัก และเริ่มใช้ระบบวิวัฒนาการทันที

‘ข้าอยากรู้ว่าเป็นผู้ใดกันที่ทำให้ต้นฝูซังรู้สึกกังวล’

หานเจวี๋ยคิดอย่างเงียบๆ

[จำเป็นต้องหักอายุขัยหนึ่งร้อยล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ร้อนล้านปี…

บัดซบ!

ถามแค่ฐานะตัวตนก็ราคานี้แล้วหรือ เป็นไปได้สูงยิ่งนักว่าจะเป็นผู้ยิ่งใหญ่!

หานเจวี๋ยเลือกดำเนินการต่อด้วยความรู้สึกกระสับกระส่าย

จิตรับรู้ของเขาพลันวิงเวียนพร่าเลือน

เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง เขาอยู่ในห้วงอวกาศมืดมิดแห่งหนึ่ง ที่นี่ยังคงเป็นแดนชำระบาปเก้าขุม แรงกรรมมหาศาลก่อตัวเป็นหมอกทึบแผ่ปกคลุมไปทั่ว มืดมิดยิ่งกว่าสถานที่ตั้งของเกาะสำนักซ่อนเร้นเสียอีก

หานเจวี๋ยสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่าในความมืดมิดเบื้องหน้ามีเสียงลมหายใจ

เขาหรี่ตามองเข้าไป จากนั้นก็ต้องตกใจจนสะดุ้งตัวโยน

ไม่น่าเชื่อว่านั่นจะเป็นดวงตาคู่หนึ่ง!

เพียงแค่ดวงตาก็มีขนาดใหญ่โตกว่าโลกเขย่าพิภพทั้งใบแล้ว แม้แต่จักรพรรดิเซียนแปดวัฏอย่างหานเจวี๋ยก็ยังไม่อาจมองเห็นทั่วทั้งร่างของมันได้ภายในคราวเดียว

ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ไท่กู่หยวนเฟิ่ง: ไม่ทราบตบะ เจ้าแห่งแรงกรรม อดีตผู้นำเผ่าหงส์เพลิง เข้าร่วมมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตครั้งแรก ตัวตายมรรคผลสลาย ถูกมรรคาสวรรค์สะกดวิญญาณ ภายหลังถูกบรรพชนเต๋าต้อนเข้าสู่แดนชำระบาปเก้าขุม ทนรับความทรมานจากแรงกรรมมหาศาลไร้สิ้นสุด ไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้อีกชั่วนิรันดร์]

เจ้าจักรวรรดิแห่งมหาเคราะห์ครั้งแรก!

หานเจวี๋ยมองจนหนังศีรษะรู้สึกชาหนึบ

เป็นผู้ยิ่งใหญ่จริงๆ ด้วย!

ถูกเขาจับจ้อง คงไม่ใช่เรื่องดีเป็นแน่

จิตรับรู้ของหานเจวี๋ยกลับสู่โลกแห่งความจริงอีกครั้ง

หานเจวี๋ยเอ่ยถามในใจต่อ ‘ไท่กู่หยวนเฟิ่งจะหาเกาะสำนักซ่อนเร้นพบหรือไม่’

[ไม่พบ เขาถูกแรงกรรมพัวพันกาย ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ อาณาเขตเต๋าปิดกั้นพลังจิตของเขา ต้นฝูซังมิได้มีแรงดึงดูดต่อเขามากนัก]

หานเจวี๋ยรู้สึกโล่งอกแล้ว

ก็จริง

แม้ต้นฝูซังจะเป็นต้นไม้เทพ แต่ในสายตาของผู้ทรงพลัง ไม่แน่ว่าจะมีแรงดึงดูดมากพอ

สาเหตุที่ต้นฝูซังรู้สึกหวาดกลัว คงเป็นเพราะสัญชาตญาณกระมัง

พอผ่านไปสักระยะหนึ่ง หลังจากมันปรับตัวได้ก็คงดีขึ้น

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยพลันนึกไปว่าในแดนชำระบาปเก้าขุมสะกดจองจำผู้พ่ายแพ้ในมหาเคราะห์ไร้ขอบเขตเอาไว้ หากเป็นเช่นนั้นแล้วจะมีตัวละครในเทวตำนานจีนอยู่หรือไม่

แล้วไปเถอะ!

เกี่ยวอะไรกับข้าเล่า

ข้าจะทำตัวเป็นเด็กๆ ไม่ได้ เดี๋ยวจะตายได้ง่ายๆ

หานเจวี๋ยรีบเตือนสติตัวเอง เขาจะเอาความทรงจำในชาติก่อนมาวิเคราะห์เทวตำนานไม่ได้

ท้ายที่สุดแล้วตำนานก็มีไว้ให้ปุถุชนอ่านเท่านั้น เพิ่มเติมเสริมแต่งแฝงจุดประสงค์ไว้สารพัด ไม่อาจเชื่อถือได้ทั้งหมด

หานเจวี๋ยมองอู้เต้าเจี้ยน พลางเอ่ย “ไม่เป็นไร ข้าทำนายดูแล้ว ไม่มีทางเกิดอันตรายขึ้น หลังจากต้นฝูซังปรับตัวได้ก็จะดีขึ้นเอง”

อู้เต้าเจี้ยนได้ฟังก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที

นางรีบลุกขึ้นวิ่งออกไป นำข่าวนี้ไปประกาศด้านนอก

ชาวสำนักซ่อนเร้นต่างเชื่อมั่นไม่คลางแคลงในตัวหานเจวี๋ยเลยแม้แต่น้อย หากเขาบอกว่าไม่อันตราย ก็ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน

หลังจากต้นฝูซังรได้ฟังดังนั้น อาการสั่นเทาก็ลดน้อยลงมาก

หานเจวี๋ยเองก็ไม่คิดมากอีก ตั้งใจฝึกบำเพ็ญต่อ

ต้องมีสักวันที่เขาจะก้าวข้ามไท่กู่หยวนเฟิ่งไปได้

ไม่แน่ว่าหลังจากเขาดูดซับแดนชำระบาปเก้าขุมจนหมดเกลี้ยง ไท่กู่หยวนเฟิ่งอาจจะรู้สึกตื้นตันในตัวเขาอย่างมาก จนถึงขั้นยอมก้มหัวเป็นบริวารของเขาเลยก็เป็นได้!

แค่คิดก็รู้สึกว่าช่างเป็นฉากที่งดงามอย่างยิ่งแล้ว!

………………………………………………………………