บทที่ 353 เดิมทีเป็นคนยากจน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 353 เดิมทีเป็นคนยากจน

บทที่ 353 เดิมทีเป็นคนยากจน

กู้ซินเถาเม้มริมฝีปากของเธอ ความรู้สึกในใจเพิ่งโลดแล่นไม่ทันไรก็สลายหายไปเสียแล้ว

เดิมทีคนผู้นี้เป็นเพียงคนมาขออาหาร ในใจของกู้ซินเถารู้สึกขยะแขยงในใจ นางไม่เคยคาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้มาก่อน นางพ่นลมอย่างเย็นชา โบกผ้าเช็ดหน้า แล้วหันหลังกลับ

หญิงสาวที่อยู่ข้างหลังนางยังคงพึมพำเบา ๆ “แต่คนผู้นั้นดูดีมาก หล่อเหลาราวกับเทพเซียนบนสวรรค์!”

กู้ซินเถาก้าวเดินอย่างรีบร้อนเพราะกลัวว่าจะถูกคนเหล่านั้นตามมาวุ่นวาย ดังนั้นนางจึงไม่ได้ยินคำพูดของหญิงสาวผู้นั้นเลย

ครั้นฉินเย่จือย้ายโต๊ะเข้ามาในบ้าน เขาก็จัดโต๊ะอีกครั้ง

โต๊ะนี้ทำจากไม้ฮวาย มีขนาดใหญ่เป็นสองเท่าของโต๊ะตัวเก่า และมันทำให้กู้เสี่ยวหวานมีความสุขยิ่งนัก

หลังจากจัดโต๊ะเรียบร้อยแล้ว กู้หนิงผิงก็จัดเก้าอี้ทีละตัว ครั้นมองดูโต๊ะที่กว้างขวางและใหม่เอี่ยมนี้ ในใจของกู้เสี่ยวหวานก็รู้สึกตื่นเต้น

“โต๊ะนี้มีขนาดใหญ่ ในอนาคตเราจะไม่ต้องนั่งเบียดกันเพื่อกินข้าวอีกแล้ว” กู้เสี่ยวหวานปรบมือและคลี่ยิ้มกว้าง

“สามารถวางอาหารเพิ่มได้หลายอย่างด้วย!” กู้หนิงผิงกล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าที่โลภราวกับว่าเขากำลังความคาดหวังกับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

“ราคาเท่าไร?” กู้เสี่ยวหวานหันศีรษะไปเอ่ยถามฉินเย่จือ

“วันนี้ข้าใช้เงินไปทั้งหมดห้าตำลึงเงิน” ฉินเย่จือกล่าวด้วยรอยยิ้ม เงินทั้งหมดที่เขาเอามาจากอาโม่ถูกใช้ไปหมดเกลี้ยงแล้ว

เดิมทีเขาเล็งโต๊ะไม้พะยูงเอาไว้ แต่โต๊ะนั้นมาราคาหลายสิบตำลึงเงิน และตัวเขาไม่มีเงินถึงขนาดนั้น ดังนั้นเขาจึงต้องยอมแพ้และซื้อโต๊ะที่ใช้งานได้จริงที่บ้าน

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและกล่าวติดตลก “ถ้าอย่างนั้นเงินที่ข้าให้ท่านไปในวันนั้น ท่านก็ใช้หมดแล้วหรือ?”

ฉินเย่จือพยักหน้าและกล่าวว่า “ใช่แล้ว!”

อาโม่ผู้อยู่ไม่ไกล มีใบหน้ายบึ้งตึงและรู้สึกเศ้ราใจยิ่งนัก

นายท่าน นั่นมันเงินของข้าชัด ๆ!

กู้เสี่ยวหวานยิ้มและหยิบเงินห้าตำลึงเงินจากเสื้อของนางแล้วยื่นให้ฉินเย่จือ “นี่ สำหรับท่าน!”

ฉินเย่จือตกตะลึง “นี่คือ…”

“เงินค่าโต๊ะ ข้าให้ท่าน!” กู้เสี่ยวหวานยื่นเงินไปข้างหน้าอีกครั้ง

“ข้าไม่ต้องการ ข้าเป็นคนทุบโต๊ะตัวเก่าพังเองนะ” ฉินเย่จือกล่าวอย่างเกรงใจ “ข้าแรงเยอะไปหน่อยจึงทำให้มันพังไป เช่นนั้นข้าจึงต้องชดใช้ให้เจ้า”

“เดิมทีข้าอยากเปลี่ยนโต๊ะตัวนั้นมานานแล้ว แต่ข้าก็คิดเสมอว่ามันยังใช้ได้อยู่ คราวนี้ก็ดีแล้วที่ท่านเปลี่ยนมัน ข้าคิดว่าการเปลี่ยนโต๊ะใหม่ทำให้บ้านหลังนี้รู้สึกแตกต่างออกไป ดูเหมือนว่าผู้คนจะชอบของใหม่และเกลียดของเก่า ถ้าวันไหนว่าง พวกเราก็ไปเปลี่ยนตู้นั้นกันเถอะ!” ปีใหม่ก็ต้องเปลี่ยนบรรยากาศใหม่ กู้เสี่ยวหวานคิด ตอนนี้ครอบครัวก็มีเงินแล้ว พวกเขาควรจะใช้ประโยชน์จากเงินนั้นบ้าง

ฉินเย่จือตอบรับ แต่เขาก็ไม่รับเงินไว้ “รอวันที่ข้าต้องใช้ ข้าจะมาบอกเจ้าแล้วกัน!”

เมื่อได้ยินสิ่งที่เขาพูด กู้เสี่ยวหวานก็ตอบรับและเก็บเงินกลับไป “ย่อมได้ ถ้าต้องการใช้มันก็มาบอกข้าแล้วกัน!”

อย่างไรก็ตาม คงจะไม่มีวันที่รอนั้นแน่

เมื่อถึงวันนั้น เขาจะมอบเงินจำนวนมากให้แก่กู้เสี่ยวหวานอย่างแน่นอน

แต่แน่นอนว่านั้นคือเรื่องในอนาคต

เมื่อที่บ้านมีการเปลี่ยนโต๊ะใหม่ ทุกคนจึงอยากทานอาหารที่โต๊ะ เมื่อก่อนขาโต๊ะหักจึงทำให้ไม่กล้าทำให้โต๊ะกระทบกระเทือนมากนัก แต่คราวนี้โต๊ะเป็นไม้ฮวายที่แข็งแรง ขาโต๊ะหนาเท่าแขนคน ดังนั้นจึงไม่ต้องกังวลว่าโต๊ะจะโยกเยก

ทุกคนกินอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย หลังจากมื้ออาหาร พวกเขาก็พูดคุยกันที่โต๊ะ ไม่ต้องบรรยายเลยว่าพวกเขามีความสุขเพียงใด

ฉินเย่จือก็หัวเราะเป็นครั้งคราว

เมื่อเห็นว่ากู้เสี่ยวหวานมีความสุข ในใจของเขาก็มีความสุขมากเช่นกัน

ทุกคนนั่งล้อมโต๊ะ แม้ว่าจะเป็นอาหารพื้นบ้านและไม่มีคนรับใช้อยู่รอบ ๆ แต่เพราะเหตุผลเช่นนี้ ภายในห้องจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัว ฉินเย่จือมองไปที่กู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ ที่กำลังหัวเราะอย่างมีความสุข ความรู้สึกมีความสุขที่ไม่เคยมีมาก่อนท่วมท้นหัวใจ และไม่อาจลืมเลือนไปชั่วชีวิต

อาโม่มองดูภาพเช่นนั้น เขาติดตามเคียงข้างนายท่านมานาน แต่ก็ไม่เคยเห็นนายท่านมีความสุขขนาดนี้มาก่อน

เมื่อกู้ซินเถากลับถึงบ้าน ซุนซื่อก็ทำอาหารไว้เรียบร้อยแล้ว สองแม่ลูกมาที่โต๊ะอาหารและเตรียมกินข้าว

ทันใดนั้น ซุนซื่อก็รู้สึกถึงบางอย่าง นางเห็นกู้ซู่นสีกำลังนั่งยอง ๆ อยู่ในลานพลางมองดูพวกเขาตาปริบ ๆ

ดวงตาของเขาเป็นประกาย และคาดว่าเขาคงจะหิวมากจริง ๆ

กู้ซินเถาก็เห็นเช่นกัน กู้ซุ่นสีเนื้อตัวสกปรก ไม่รู้ว่าเขาไม่ได้อาบน้ำมานานแค่ไหน เมื่อนางเห็นเช่นนั้นก็รู้สึกไม่อยากอาหาร เด็กหญิงลุกขึ้นและปิดประตูให้แน่นเพื่อไม่ให้เด็กข้างนอกมองเห็น เมื่อปิดประตูแล้วนางก็รู้สึกดีขึ้น

นางก่นด่า “ท่านแม่ เด็กคนนี้ตัวเหม็นเสียจริง!”

ซุนซื่อพยักหน้าเห็นด้วย

“เฉาซินเหลียนหายไปไหนกัน? เด็กที่อยู่บ้านพวกนี้ช่างน่าสงสาร ทำไมถึงยังไม่กลับมาอีก หรือว่าจะทิ้งเด็กเหล่านี้ให้ดูแลตัวเอง?” กู้ซินเถากล่าว

“ใครจะไปรู้ ข้าได้ยินมาจากคนในหมู่บ้านว่าเฉาซื่อออกไปกว่าสิบวันแล้ว” ซุนซื่อเคี้ยวข้าวอย่างระมัดระวัง

“แล้วอาสามอยู่ที่ใด? เหตุใดถึงยังไม่กลับมา?”

เมื่อได้ยินกู้ซินเถาพูดถึงกู้ฉวนโซ่ว ซุนซื่อก็จำคำพูดของเลี่ยวซื่อได้

กู้ฉวนโซ่วไปหอนางโลม! ซุนซื่อส่ายส่ายศีรษะและคิดอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะให้กู้ซินเถาไม่รู้เรื่องสกปรกนี้ไม่ได้

กู้ซินเถาเอ่ยถามอย่างขอไปทีและไม่รอให้ซุนซื่อตอบกลับ นางจึงไม่สนใจและกล่าวเรื่องใหม่ “ท่านแม่ ครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานรับคนมาอยู่ด้วย”

“ไปรับผู้ใดมาอีก?” ซุนซื่อตะลึง เหตุใดนางไม่ได้ยินเลี่ยวซื่อพูดถึงเรื่องนี้

“ข้าได้ยินคนเขาพูดกันว่าคนผู้นั้นครอบครัวแตกแยก และเขาก็เร่ร่อนขออาหารมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงที่นี่ กู้เสี่ยวหวานจึงให้อาหารแก่เขา จากนั้นคนผู้นั้นก็พักอยู่ที่บ้านขอกู้เสี่ยวหวาน” กู้ซินเถากล่าว “ไม่รู้ว่าเขาน่าขยะแขยงแค่ไหน กู้เสี่ยวหวานถึงรับมาอยู่ด้วย”

ขออาหาร? ร่างกายคงสกปรกน่าดู อาศัยอยู่กับขอทานตลอดทั้งวัน แค่คิดก็รู้สึกขยะแขยง เมื่อคิดถึงใบหน้าของขอทานที่มีตุ่มหรือหนอง เมื่อความคิดนั้นปรากฏขึ้นก็รู้สึกขยะแขยงจนแทบทนไม่ไหว

กู้ซินเถาไม่คิดเลยว่าตนเองจะหลงใหลไปกับเสียงของขอทานเช่นนี้ เมื่อคิดแล้วกู้ซินเถาก็รู้สึกกลัว ไม่เป็นไร ๆ นางยังไม่ได้เจอเขา ถ้าเกิดนางเจอกับขอทานเข้า ไม่แน่เขาอาจจะมาตามติดบ้านของตนเองเป็นแน่

ครอบครัวของตัวนางรวยกว่าครอบครัวของกู้เสี่ยวหวานมาก ขอทานผู้นั้นไม่ใช่ว่าบ้านไหนมีเงินก็ไปบ้านนั้นหรอกหรือ! กู้ซินเถารู้สึกกลัวเล็กน้อย นางอยากจะไปบ้านของกู้เสี่ยวหวานเพื่อดูใบหน้าของขอทานคนนั้น แต่นางก็กลัว