ตอนที่ 425 พบโค้ชแต่ละท่าน

อัจฉริยะหญิงเทพสมุนไพร

ตอนที่ 425 พบโค้ชแต่ละท่าน

กินข้าวกลางวันที่บ้านตระกูลเซี่ยเสร็จคนตระกูลตี้ก็กลับวัง

มู่เถาเยาพาพ่อแม่กับโค้ชเถียนไปหอน้ำชาที่นัดพวกโค้ชไว้

นัดไว้ตอนบ่ายสามโมง พวกเขามาเร็วไปหน่อย ยังไม่มีใครมา

สั่งน้ำชาเสร็จมู่เถาเยาก็ให้นักชงชาออกไปจากห้อง จากนั้นเธอก็ลงมือชงชาให้ผู้ใหญ่ทั้งสามคนด้วยตัวเอง

โค้ชเถียนมองมู่เถาเยาชงชาแบบที่ตาไม่กะพริบ เขาอดชมไม่ได้ “หนุ่มสาวสมัยนี้มีความสามารถมากเลยนะครับ! โดยเฉพาะเสี่ยวเยาเยา! ไม่ใช่แค่สมองดี รูปร่างสูงสง่า…นึกไม่ถึงว่าแม้แต่เรื่องเล็กน้อยอย่างชงชาก็ทำออกมาได้งดงามขนาดนี้…” บลาๆๆ

เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีพยักหน้าถี่ๆ โดยไม่รู้สึกเขินอายเลยสักนิด

ลูกสาวของพวกเขาเก่งอยู่แล้ว!

พวกเขาชอบฟังเวลาคนอื่นชมลูกสาวสุดที่รัก!

มู่เถาเยายิ้ม

อืม ชินแล้ว

ใครก็ตามที่คุ้นเคยกับเธอก็จะชมเธอแบบหยุดไม่ได้!

เธอฟังเงียบๆ ก็พอ เพราะพวกเขาไม่ยินดีรับคำคัดค้าน!

ดื่มชากันไปสักพักโค้ชทั้งห้าคนก็ทยอยมาถึง

“คุณเย่ว์ คุณนาย เสี่ยวเยาเยา ผมขอแนะนำให้รู้จักนะครับ ท่านนี้คือคุณหลี่เทียนเหยียน เป็นโค้ชยกน้ำหนักหญิง เธอเป็น…” พอได้เอ่ยก็มีแต่ผลงานอันทรงเกียรติ

พวกเขาทักทายกัน

โค้ชหลี่ที่รูปร่างใหญ่ถามด้วยความลังเล “เหล่าเถียน นี่เหรอเด็กสาวที่บอกว่าจะร่วมแข่งขัน”

เธอสงสัยว่าเด็กสาวที่ดูอ้อนแอ้นคนนี้จะยกถังแก็ซไหวหรือเปล่าเหอะ รู้หรือเปล่าว่ายกน้ำหนักคืออะไร

มู่เถาเยายิ้มพูด “โค้ชหลี่วางใจได้ค่ะ หนูยกของที่หนักไม่เกินสองร้อยกิโลไหว”

ลดจากห้าร้อยกิโลกรัมเป็นสองร้อยกิโลกรัมให้โดยอัตโนมัติ กลัวคนอื่นจะช็อก

โค้ชหลี่ “!”

โค้ชคนอื่นๆ ก็มีสีหน้าไม่เชื่อ

ก็ดูรูปร่างเด็กคนนี้สิ ตัวสูงอยู่หรอก แต่ผอมบางเหลือเกิน พวกเขาสงสัยกันหมดว่าแบกกระสอบข้าวไหวหรือเปล่า

แอบรู้สึกผิดหวัง

มู่เถาเยามองสีหน้าสงสัยของพวกโค้ช เธอไม่ได้โกรธ “โค้ชหลี่คะ หนูไม่เคยโกหก ไว้วันไหนลองทดสอบได้ค่ะ”

พูดออกไปพวกเขาก็อาจไม่เชื่อว่าเธอใช้มือเดียวยกได้ถึงสองร้อยกิโลกรัม!

โค้ชเถียนตบบ่าโค้ชหลี่ “ต่อให้คุณไม่เชื่อเสี่ยวเยาเยาก็ควรเชื่อผม ผมจะเอาการแข่งระดับนานาชาติมาล้อเล่นได้เลยเหรอ!”

อธิการบดีเจียงเพื่อนเก่าของเขาบอกมาว่าเสี่ยวเยาเยาไม่ได้ยกได้แค่สองร้อยกิโลกรัม

หลี่เทียนเหยียนคิดๆ แล้วก็รู้สึกว่าจริง เธอเชื่อใจเหล่าเถียนได้

แต่ก็ยังคงมีท่าทีเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

โค้ชเถียนหันไปแนะนำอีกคน “คุณเย่ว์ คุณนาย เสี่ยวเยาเยา ท่านนี้คือโค้ชจางเฉินเย่ว์ เป็นโค้ชหญิงธนูหญิง…” จากนั้นก็บรรยายเกียรติประวัติ

โค้ชจางอายุสี่สิบปี หน้าตางดงามแบบที่มองได้ไม่เบื่อ ดูอ่อนโยนเข้าถึงง่ายกว่าเมื่อเทียบกับโค้ชหลี่

“สวัสดีค่ะโค้ชจาง”

โค้ชจางฉีกยิ้มแล้วถาม “เมื่อก่อนเคยเล่นยิงธนูมาก่อนหรือเปล่าจ๊ะ”

“เคยค่ะ”

โค้ชจางเลิกคิ้วเล็กน้อย “งั้นพรุ่งนี้โค้ชพาไปเล่นหน่อยดีไหม”

มู่เถาเยายิ้มบาง “วันมะรืนหนูจะเปิดเทอมแล้วค่ะ พรุ่งนี้ช่วงเช้าต้องย้ายที่อยู่ ช่วงบ่ายไปเยี่ยมน้องๆ ที่ค่ายทหาร ตอนเย็นถึงจะว่างค่ะ”

“เห็นเหล่าเถียนบอกว่าหนูเรียนปริญญาเอกใบที่สองที่มหาวิทยาลัยวิศวกรรมสารสนเทศเหยียนหวงเหรอจ๊ะ” น้ำเสียงดูชื่นชม

มู่เถาเยาพยักหน้า “ใช่ค่ะ”

“หวังว่าพละกำลังด้านกีฬาของหนูจะไม่แพ้สมองนะ”

“ไม่ทำให้โค้ชจางผิดหวังแน่นอนค่ะ”

“จ้ะ ฉันจะรอเซอร์ไพรส์จากหนูนะ” โค้ชจางไม่ได้สงสัยในฝีมือของมู่เถาเยา

ดูสุขุมขนาดนี้ ไม่เหมือนคนโกหก ก็แค่ไม่รู้ว่าฝีมือระดับไหน

อืม ชักคาดหวังแล้วสิ

โค้ชเถียนพูดอย่างอารมณ์ดี “ผมขอพูดไว้ก่อนเลยนะ พวกคุณอย่ามาแย่งคนกับผมล่ะ เสี่ยวเยาเยาต้องลงแข่งขันหกรายการ เวลาฝึกซ้อมต้องแบ่งให้ยุติธรรมด้วย”

โค้ชจางพยักหน้า “ไว้พวกเราดูเวลาของเสี่ยวเยาเยาแล้วค่อยปรึกษากัน”

“ได้ มา เหล่ากง[1]…”

อุ๊บ…

คนที่อยู่ตรงนั้นพากันหัวเราะ แม้แต่มู่เถาเยาก็อดขำไม่ได้

เหล่ากงที่รูปร่างเตี้ยและหน้าตาธรรมดามองค้อนใส่โค้ชเถียน “นายเรียกซะฉันไม่กล้าขานรับเลย”

“ขนาดฉันยังไม่กลัวแล้วนายจะกลัวอะไร ดูสภาพนายสิ ตัวก็เล็ก หน้าตาก็งั้นๆ นอกจากเมียนายก็มีแค่ฉันที่แหละที่ไม่ถือสาเรียกนายว่าเหล่ากง” โค้ชเถียนพูดจบก็หัวเราะเสียงดัง

“ฉันล่ะขอบใจ!”

“ไม่เป็นไร! ฮ่าๆ…” โค้ชเถียนหัวเราะอยู่สักพักก็แนะนำให้ทั้งสามคนรู้จัก “คุณเย่ว์ คุณนาย เสี่ยวเยาเยา นี่กงปิน โค้ชยิงปืนครับ”

กงปินยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยาน่าจะเคยยิงปืนใช่ไหม”

“ค่ะ พี่ชายเคยสอนค่ะ”

“ดี ไว้วันไหนว่างๆ ไปลองดูฝีมือหน่อย”

มู่เถาเยาพยักหน้า

“…คนนี้หร่วนหางโค้ชเรือใบ…คนนี้โค้ชกรีฑาอันเฟยอวี่…”

หลังจากทำความรู้จักกันแล้วทุกคนก็นั่งลง

มู่เถาเยาเปลี่ยนใบชาใหม่ ชงน้ำชาอีกครั้ง

ดื่มไปหนึ่งถ้วยโค้ชกรีฑาก็เอ่ยชม “ชาดี!”

มู่เถาเยากลั้นยิ้ม

ปกติคนที่พูดแบบนี้มักเป็นคนที่ดื่มชาไม่เป็น ไม่ว่าจะใบชาอะไร ดีหรือไม่ดีก็จะชมว่า ‘ชาดี’

โค้ชเรือใบยิ้มถาม “เหล่าอัน ชานี้ดีตรงไหนเหรอ”

โค้ชกรีฑาครุ่นคิดแล้วตอบ “หอม!”

ทุกคนพากันหัวเราะ

โค้ชเถียนพูดด้วยความลังเล “คุณเย่ว์คุณนายครับ เสี่ยวเยาเยาต้องเรียน ต้องฝึก วันหน้าคงมีเวลากลับบ้านน้อยลง…”

บลาๆๆ เพราะอยากให้คนเป็นพ่อแม่เตรียมใจไว้หน่อย

ช่วงเช้าอยู่บ้านตระกูลเซี่ย เขาได้รู้สถานะคนตระกูลเย่ว์ จึงกังวลว่าพ่อแม่ที่สูงศักดิ์คู่นี้จะไม่ยินดีให้ลูกสาวเป็นตัวแทนประเทศเหยียนหวงลงแข่งขัน หรือไม่ก็สงสารลูกสาว กลัวลูกเหนื่อย ไม่อยากให้มาฝึก

เย่ว์หลั่งกับเป่ยซีมองลูกสาวสุดที่รักที่กำลังชงน้ำชาให้ทุกคนอย่างเงียบๆ จากนั้นก็หันกลับไปมองโค้ชเถียนแล้วยิ้มตอบ “อะไรที่เสี่ยวเยาเยาชอบพวกเราก็สนับสนุนเต็มที่ ถ้าไม่มีเวลากลับบ้านพวกเรามาหาก็ได้”

โค้ชเถียนดีใจ ตอนนี้เขาวางใจแล้ว

โค้ชคนอื่นๆ แอบสงสัย

การได้เป็นตัวแทนประเทศลงแข่งขันเป็นเรื่องที่ออกจะน่าภูมิใจ ทำไมเหล่าเถียนต้องทำเหมือนกลัวพ่อแม่เด็กคนนี้จะไม่ยินยอมด้วยล่ะ

โค้ชยกน้ำหนักยิ้มถาม “เสี่ยวเยาเยาสนใจรายการไหนเป็นพิเศษเหรอ หรือถนัดกีฬาอะไรที่สุด”

“ชอบศิลปะบังคับม้า เรือใบ ยิงปืน ยิงธนู แต่ก็วิ่งได้เร็ว ยกน้ำหนักได้ค่ะ”

ถึงแม้กีฬาชนิดอื่นก็เล่นได้ ไม่มีปัญหาด้านพละกำลัง แต่หลายรายการดำเนินการแข่งขันพร้อมกัน เธอไม่มีวิชาแยกร่าง

โค้ชยิงธนูถามต่อ “งั้นในบรรดารายการพวกนี้เล่นอันไหนน้อยที่สุดจ๊ะ”

“เรือใบค่ะ หนูเป็นคนกังตู เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยแพทย์เย่ว์ตู แถวนั้นไม่มีทะเลเลยไม่ค่อยได้เล่นค่ะ”

“แล้วหนูเคยเล่นตอนไหน”

“ช่วงอายุสิบหกสิบเจ็ดสองปีนี้ค่ะ”

โค้ชเรือใบชักใจคอไม่ดีขึ้นมาทันที หันไปส่ง ‘สายตาอาฆาต’ ให้โค้ชเถียน

โค้ชเถียนผายมือออก “อันที่จริงฉันก็ไม่รู้ แต่เสี่ยวเยาเยาบอกอยากเล่น แถมรับรองว่าเล่นได้ดีด้วย!”

โค้ชเรือใบ “!”

อยากเล่นก็เล่นได้ดีงั้นเหรอ งั้นจะเอาโค้ชไปทำไม

คิดว่าการแข่งขันเหมือนการละเล่นของเด็กเหรอ

เขาขอหายตัวไปจากตรงนี้เลยได้ไหม!

โค้ชหร่วนทำหน้าเศร้า

มู่เถาเยารู้สึกขำ เธอพูด “การเล่นเรือใบแท้จริงแล้วก็คือการที่มนุษย์ต่อสู้กับธรรมชาติ…”

มู่เถาเยาไล่เรียงตั้งแต่ประวัติเรือใบ การสร้าง วิธีเล่น ไปจนถึงกติกาการแข่งขัน ประมาณครึ่งชั่วโมงโค้ชหร่วนก็เปลี่ยนสีหน้า

โค้ชคนอื่นๆ ฟังแล้วก็มีความมั่นใจ

อย่างน้อยเด็กสาวคนนี้ก็ไม่ได้ไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับกีฬา อีกทั้งไม่มีการล้อเล่นเลยสักนิด

[1] พ้องเสียงกับคำว่าสามี