บทที่ 395 ช่วยชีวิตนางติง

จวนสกุลเจิ้ง

ภายในห้องที่ถูกลงกลอนอย่างแน่นหนา เจิ้งจู่เหวินนั่งอยู่ในห้องนั้น ที่ด้านข้างของเขามีคนผู้หนึ่งยืนอยู่อย่างเคารพนอบน้อม เขาพยักหน้าก่อนจะโค้งคำนับให้เจิ้งจู่เหวิน

“เจ้าเป็นหัวหน้าที่คุมนักโทษประหารใช่ไหม? เจ้าแน่ใจหรือว่าจะพานางติงออกมาได้?” เจิ้งจู่เหวินถาม

“ใต้เท้า แดนประหารอยู่ในความดูแลของข้า ยากนักที่จะมีใครจับได้” ชายคนนั้นตอบอย่างรวดเร็ว

“คนอื่นจะไม่รู้หรือ?” เจิ้งจู่เหวินยังซักถามต่อ

สิ่งที่เจิ้งจู่เหวินกังวลที่สุดคือคนแซ่อู่ที่กำลังเป็นปรปักษ์กับเขา หลังจากที่เรื่องนี้จบลงเขาจะต้องหาทางขับไล่ชายคนนี้ออกจากกรมอาญาให้ได้!

“อย่ากังวลเลยขอรับ ไม่มีใครรู้แน่นอน” ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ

ที่จริงแล้วเขาควรฆ่าปิดปากนางติงเสีย นั่นจะเป็นการดีที่สุด แต่…

เจิ้งจู่เหวินหยิบจดหมายที่นางติงส่งถึงเขาขึ้นมาอ่านอีกครั้ง มันระบุไว้อย่างชัดเจนว่าหากนางตายล่ะก็ ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะถึงหูภรรยาของเจิ้งจู่เหวินทันที

หากภรรยาของเขารู้เข้า เขาได้ตายแน่ๆ….

หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนดีแล้ว เจิ้งจู่เหวินจึงตัดสินใจที่จะช่วยเหลือนางติง เขาเผาจดหมายทิ้งไป

“ข้าจะให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ หากทุกอย่างเรียบร้อยข้าจะไม่ลืมเจ้าแน่นอน” เจิ้งจู่เหวินกล่าว ชายผู้นั้นมีทีท่าดีใจขึ้นมา

“อย่ากังวลขอรับ ข้าต้องทำให้มันสำเร็จอย่างแน่นอนขอรับ!”

ปัง ปัง ปัง

ทันใดนั้นเองเสียงเคาะประดูก็ดังขึ้น

“เจิ้งจู่เหวินเจ้าอยู่ข้างในหรือเปล่า กลางวันแสกๆ เช่นนี้เจ้ามัวทำอะไรอยู่ในห้อง?” น้ำเสียงดุร้ายดังขึ้น

เจิ้งจู่เหวินตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว เขาตกใจจนมือแทบไหม้ จดหมายในมือถูกเผาอย่างรวดเร็วก่อนเขาจะตบขี้เถ้าและรีบลุกไปเปิดประตู

คนที่ยืนอยู่ข้างนอกเป็นสตรีรูปร่างอ้วน นางมีขนาดตัวใหญ่กว่าเจิ้งจู่เหวิน ท่าทางดุร้ายมาก นางคือนางเถา ภรรยาของเจิ้งจู่เหวิน ดวงตาของนางเหลือบมองสามีทันที

“ฮูหยิน” เจิ้งจู่เหวินพูดด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้าของเขา

นางเถาผลักเจิ้งจู่เหวินออกไป แล้วเดินเข้าไปในห้อง นางกวาดสายตามองไปทั่วห้องพบว่ามีเพียงสามีและลูกน้องเท่านั้น ใบหน้าของนางจึงดูดีขึ้น

“ฮูหยิน ข้ากำลังคุยเรื่องงานกับลูกน้องน่ะ” จู่เหวินยิ้มอย่างประจบสอพลอ

“เจ้าทำอะไรอยู่? ถึงได้ปิดประตูมิดชิดเช่นนี้ คิดว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่กับนางปีศาจน้อยเสียอีก” นางเถาพูดเสียงแข็ง

ใบหน้าของเจิ้งจู่เหวินบิดเบี้ยวมากก่อนที่จะเลือนหายไปในพริบตา เขาคลี่ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว

“ฮูหยินในใจของข้ามีแต่เจ้า จะมีคนอื่นได้อย่างไร?”

“เป็นแบบนั้นก็ดีสิ” นางเถาสบถเบาๆ

เจิ้งจู่เหวินมองไปยังผู้ใต้บังคับบัญชา คนผู้นั้นรีบเดินถอยออกไปจากห้องทันที เขาจับมือนางเถาประคองให้นางนั่งบนเก้าอี้

“ฮูหยินนั่งลงก่อน ข้าจะบีบไหล่เจ้าให้” เจิ้งจู่เหวินพูด

นางเถานั่งลง เจิ้งจู่เหวินรีบบีบนวดนางทันที สีหน้าของนางเถาค่อยๆ ดีขึ้น

“จู่เหวิน เจ้าพึ่งพาข้าให้ได้ในสิ่งที่ตนต้องการ เจ้าจะทำให้ข้าผิดหวังไม่ได้นะ” นางกล่าว

“ฮูหยิน ข้าย่อมภักดีต่อเจ้าฟ้าดินรู้ได้

……….

วันประหารชีวิตของนางติงได้ถูกกำหนดไว้ในอีกครึ่งเดือน แต่แล้วกลับมีข่าวออกมาว่านางติงได้ฆ่าตัวตายหนีความผิด

ที่แดนประหาร

เว่ยฉิงมองดูห้องขังที่ว่างเปล่าด้วยสีหน้ากังวลใจ

“ใต้เท้าอู่ขอรับ ตอนนั้นนางติงอยู่ในภาวะตื่นตระหนก ตั้งแต่นางรู้ว่าตนเองจะถูกประหารชีวิต ตอนแรกนางยังร้องโวยวายแต่แล้วนางก็เสียใจจนคลุ้มคลั่ง พอรุ่งเช้าก็พบว่าเสียชีวิตในคุกขอรับ จากการตรวจสอบนางเอาหัวชนกำแพงจนตายฆ่าตัวตายเพราะหนีความผิด” หัวหน้าเรือนจำพูดขึ้นมา

“ศพอยู่ที่ไหน?” เว่ยฉิงถาม

“หลังจากชันสูตรแล้วก็ถูกนำไปฝังขอรับ”

“ฝังที่ไหน?” เว่ยฉิงถาม

“ข้าจะให้คนพาท่านไป” หัวหน้าเรือนจำพาพวกเขาไปดู

ในแดนประหาร คนที่ถูกตัดสินประหารชีวิตจะถูกฝังอยู่ที่นี่ มีหลุมศพอยู่ทั่วทุกแห่งหน ที่นี่เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็น บนท้องฟ้ามีนกแร้งบินว่อน บรรยากาศรกร้างและมืดครึ้ม พวกเขาเดินอยู่ท่ามกลางหลุมฝังศพ

“ที่นี่ขอรับนายท่าน” ผู้คุมคนหนึ่งพูดขึ้น เมื่อเว่ยฉิงเดินไปดูก็พบว่าดินถูกขุดและไม่มีศพอยู่ในนั้น

“บริเวณนี้มีหมาป่าจำนวนมาก คงถูกพวกมันขุดไปกิน” หัวหน้ากล่าว

“หากใต้เท้ายืนยันว่าจะดูศพ พวกเราสามารถค้นหาได้ขอรับ แต่ค้นหาศพที่ตายแล้วจะได้อะไรนอกจากเสียกำลังคนเปล่าๆ”

“ไปหามา” เว่ยฉิงกล่าว

ทุกคนจึงต้องลงมือค้นหาทั่วบริเวณ ในที่สุดก็พบศพหนึ่งที่ถูกสุนัขป่ากินจนจำแทบไม่ได้ รูปร่างของศพคล้ายนางติงมาก

“คนผู้นี้ต้องเป็นนางติงแน่”

“ใช่ ถึงจะเปลี่ยนไปแต่รอยแผลบนหน้าผากของนางยังคงเห็นได้ชัด”

“ใต้เท้าเมื่อศพถูกพบแล้วท่านเองก็เห็นกับตา พวกเรากลับกันดีหรือไม่ขอรับ”

หัวหน้าเรือนจำมองเว่ยฉิงแล้วถาม ชายหนุ่มมองศพอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า

…..

กรมอาญา

“เขาไม่ได้พูดอะไรเลยหรือ?” เจิ้งจู่เหวินถาม

“เขาพบศพแล้วจะพูดอะไรได้อีกขอรับ” หัวหน้าเรือนจำ

“ใต้เท้า ข้าหาศพที่มีรูปร่างคล้ายกับนางติงมาไว้ที่หลุมศพ เหมือนจนแทบแยกไม่ออกเลยขอรับ”

รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเจิ้งจู่เหวินทันที เขาตบไหล่หัวหน้าเรือนจำ

“ทำได้ดีมาก”

“ข้ามีความสุขมากที่ได้แบ่งปันความกังวลของท่านขอรับ” หัวหน้าเรือนกล่าวอย่างประจบ

เจิ้งจู่เหวินถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้น ไม่ว่าคนแซ่อู่จะฉลาดมากเพียงใด แต่เขาก็เพิ่งทำงานได้ไม่นาน อีกทั้งอำนาจในกรมอาญายังเป็นของเขา ผู้ใต้บังคับบัญชาก็เป็นคนของเขา การที่เขาจะช่วยคนผู้หนึ่งย่อมไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร ยังต้องการที่จะงัดข้อกับเขาอีกหรือ?

เจิ้งจู่เหวินไล่หัวหน้าเรือนจำออกไป จากนั้นจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกและนอนหลับฝันดีทั้งคืน

นางติงถูกพาไปยังสถานที่ปลอดภัย แต่เพื่อความรอบคอบเจิ้งจู่เหวินจึงยังไม่ไปหานาง ไม่กี่วันต่อมานางเถากลับไปที่วังขององค์หญิงเพื่อพบปะสังสรรค์ เจิ้งจู่เหวินจึงไปหาบ้านที่ซ่อนนางติงไว้อย่างเงียบๆ

เมื่อประตูเปิดออกทันทีที่เห็นนางติงดวงตาของเขาก็ค้าง

ผมของนางถูกมัดหลวมๆ ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง นางสวยงามราวกับหญิงแรกรุ่นในวัยยี่สิบ แต่ทว่ามีเสน่ห์แบบที่หญิงแรกรุ่นไม่มี นางติงสวมเสื้อตัวบางเผยให้เห็นหุ่นอันอวบอิ่ม เขามองไปที่เรือนร่างของนางอย่างรวดเร็ว อดลอบกลืนน้ำลายอย่างช่วยไม่ได้

ก่อนหน้านี้ที่เขารู้สึกว่าเป็นเพราะนางติงมีความสัมพันธ์กับเขา เขาจึงอยากฆ่านางแต่ตอนนี้เมื่อนางปรากฏตัวขึ้น เจิ้งจู่เหวินรู้สึกดีใจไม่น้อย หากฆ่านางไปย่อมน่าเสียดายยิ่งนัก ดวงตาฉ่ำวาวของนางติงจ้องมองมาที่ยังเขาและเรียกชื่อเจิ้งจู่เหวินด้วยเบาๆ

“เจิ้งหลาง..”

เจิ้งจู่เหวินรู้สึกร่างกายของเขาปั่นป่วนมึนงง เขารีบปิดประตูและโอบกอดนางติงไว้ในอ้อมแขน

“เจิ้งหลาง ข้าคิดว่าท่านจะไม่ต้องการข้าแล้ว ชีวิตในห้องขังช่างน่าเศร้าเหลือเกิน ข้ากลัวมากเลย” นางติงกล่าวอย่างน่าเวทนา นางรู้ว่าเขาสามารถเสียสละนางเพื่อตัวเองได้ จึงได้เขียนจดหมายขู่ไป โชคดีที่เขาเลือกที่จะช่วยนางเอาไว้