ตอนที่ 691 พบกันอีกครั้ง (3) ตอนที่ 692 พบกันอีกครั้ง (4)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 691 พบกันอีกครั้ง (3) / ตอนที่ 692 พบกันอีกครั้ง (4)
ตอนที่ 691 พบกันอีกครั้ง (3)

“พอใจหรือไม่” กู่อิ่งมองจวินอู๋เสีย ดวงตาสีดำของเขาทอประกายอำมหิต

ในที่สุดจวินอู๋เสียก็รู้ว่าอาการบาดเจ็บของอาจิ้งนั้นเป็นฝีมือของใคร นางยังคงมองกู่อิ่งอย่างเย็นชาและเฉยเมยต่อคำพูดยั่วยุของเขา

กู่อิ่งหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

“ดูเหมือนเจ้าจะไม่พอใจนะ แต่ก็นั่นแหละ…คนพวกนี้ก็แค่สวะน่ารังเกียจ ให้ข้าช่วยเจ้าฆ่ามันแทนดีหรือไม่เล่า” มือของกู่อิ่งเคลื่อนไปจับรอบคออาจิ้งและบีบแน่น!

ใบหน้าของอาจิ้งกลายเป็นสีม่วงในทันที!

“ไม่จำเป็น” จวินอู๋เสียพูดขึ้นในที่สุด “ปล่อยเขาไป”

นางไม่คิดว่ากู่อิ่งกำลังพยายามช่วยนางระบายความไม่พอใจจริงๆ นอกจากนี้ถึงแม้จะมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับนางที่แพร่สะพัดไปทั่วสำนักศึกษาเฟิงหัวในตอนนั้น แต่ก็ไม่มีสักอันที่เริ่มต้นจากปากของอาจิ้ง เขาเพียงแค่เชื่อข่าวลือร้ายกาจพวกนั้นจนรู้สึกเป็นศัตรูกับนาง ถ้ากู่อิ่งคิดว่านางจะเชื่อว่าเขาทรมานอาจิ้งฐานใส่ร้ายนางละก็ นั่นก็เป็นเรื่องตลกแล้ว!

สิ่งที่เขาต้องการจริงๆ ไม่ใช่การทำให้จวินอู๋เสียพอใจ แต่เพื่อให้นางแสดงแววตาหวาดกลัวออกมาให้เห็น

กู่อิ่งยอมปล่อยมือตามคำขอ อากาศไหลเข้าสู่ปอดของอาจิ้งในทันที อาจิ้งลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วและจับหน้าอกเอาไว้แน่น เขาพยายามตะเกียกตะกายอีกครั้งอย่างหวาดกลัวสุดชีวิตเพื่อไปซ่อนตัวอยู่ในมุมที่ไกลที่สุดด้านหลังครัว

กู่อิ่งเหลือบมองอาจิ้งครั้งหนึ่งแล้วยกเท้าขึ้นกระทืบลงไปที่ท้องของอาจิ้งอย่างแรง!

“ข้าบอกให้เจ้าไปได้แล้วหรือ” กู่อิ่งถามอาจิ้ง ดวงตาของตาหรี่ลงอย่างน่ากลัว

อาจิ้งที่เสียสติไปแล้วแต่ยังคงถูกดวงตาที่โหดร้ายอำมหิตคู่นั้นทำให้ตัวสั่นได้ ใบหน้าของเขาซีดเผือด และไม่กล้าขยับตัวอีกต่อไป

กู่อิ่งหันไปเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียอีกครั้ง และพูดด้วยรอยยิ้มกว้างว่า “ช่างเถอะ ข้าไม่น่าทำให้มือของข้าแปดเปื้อนขยะเช่นนี้เลย ถ้าเจ้ารู้สึกว่าการปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่เป็นการดีกว่า ข้าก็จะไว้ชีวิตมัน ข้าแค่ได้ข่าวว่าเจ้ากลับมาก็เลยรีบมาหาเจ้าทันที ข้ายังไม่ได้แนะนำตัวเองเลยนี่นะ ชื่อของข้าคือกู่อิ่ง ข้าเพิ่งเข้าเป็นศิษย์ของสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณเมื่อเร็วๆ นี้ ตั้งแต่วันนี้ไปข้าคือศิษย์น้องของเจ้า และข้าจะรอคอยศิษย์พี่มาให้คำแนะนำสั่งสอนข้าในวันหน้านะ”

ศิษย์น้องหรือ ริมฝีปากของจวินอู๋เสียโค้งขึ้นเล็กน้อยเป็นรอยยิ้มเยาะ

“นี่เป็นคำแนะนำจากกู้หลีเซิง ข้าขอร้องศิษย์พี่อย่าปฏิเสธข้าเลย” กู่อิ่งสังเกตเห็นท่าทีไม่ยินดีต้อนรับของจวินอู๋เสียที่มีต่อเขา แต่เขาก็ไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย

ดวงตาเย็นชาเป็นประกายคู่นั้น มันช่างเร้าอารมณ์เหมือนตอนที่เขาเห็นที่โรงประมูลชานหลินครั้งที่แล้วไม่มีผิด

แต่…

น่าเสียดาย จวินเสียจำเป็นต้องมีชีวิตอยู่ไปอีกสักพัก ดวงตาคู่นั้น เขายังไม่สามารถควักมันออกมาได้!

“เจ้าอยากเรียนทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียจับความหมายในคำพูดของกู่อิ่งได้

“ใช่แล้ว” กู่อิ่งตอบพร้อมกับยิ้มสบายๆ

“ปล่อยเขาก่อน” จวินอู๋เสียพูดพลางมองอาจิ้งที่อยู่ใต้เท้าของกู่อิ่ง

กู่อิ่งกลับตอบว่า “ข้ารู้ว่าศิษย์พี่ไม่ชอบอยู่ในหอพักและชอบเรือนหลังเล็กในลานป่าไผ่แห่งนี้ ถ้าศิษย์พี่ต้องการพักที่นี่จริงๆ ด้วยคำสั่งที่ให้ข้าคอยอยู่ใกล้ๆ ศิษย์พี่ ข้าก็จะพักอยู่ที่นี่ด้วย เจ้าขยะนี่เหมือนจะเคยเป็นคนรับใช้ที่นี่มาก่อน ข้าจะให้มันอยู่ที่นี่ต่อเพื่อคอยรับใช้ข้ากับศิษย์พี่ก็แล้วกัน”

เห็นได้ชัดว่าก่อนที่จวินอู๋เสียจะกลับมา กู่อิ่งได้ขุดคุ้ยทุกสิ่งทุกอย่างที่นี่เพื่อจะได้รู้เรื่องของจวินอู๋เสียในสำนักศึกษาเฟิงหัว

เขารู้กระทั่งความผิดของอาจิ้ง

จวินอู๋เสียมองกู่อิ่ง ถึงแม้นางจะรู้วิธีกระตุ้นพลังวิญญาณให้ถึงขั้นสีม่วงได้ชั่วคราว แต่นางก็รู้ว่านางยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู่อิ่ง ถ้านางเคลื่อนไหวอะไรบุ่มบ่ามลงไปในตอนนี้ นางเกรงว่าคนที่จะพ่ายแพ้จะเป็นตัวนางเอง!

“ตามใจเจ้าเถอะ” จวินอู๋เสียพูดอย่างเฉยเมยและหันหลังจากไปทันที นางไม่อยากมองกู่อิ่งนานไปกว่านี้อีกแล้ว

การปรากฏตัวของกู่อิ่ง ทำให้จวินอู๋เสียตระหนักว่ามีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะมาจากสิบสองตำหนักที่ร่วมมือกับหนิงรุ่ย เหมือนๆ บุรุษสองคนนั้นที่เทือกเขาเมฆาเมื่อครั้งก่อน

ตอนที่ 692 พบกันอีกครั้ง (4)

การที่คนจากสิบสองตำหนักปรากฏตัวขึ้นในสำนักศึกษาเฟิงหัวในเวลาที่ฟ่านฉีเสียชีวิตอย่างกะทันหันนั้น จึงมีเหตุผลให้คิดได้ว่าการตายของฟ่านฉีอาจจะไม่ใช่แค่การวางแผนของหนิงรุ่ยเพียงคนเดียว สิบสองตำหนักต้องมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยอย่างแน่นอน!

น่าสงสัยอยู่นิดหน่อยว่าทำไมหนิงรุ่ยถึงได้ลงมืออย่างกะทันหันขนาดนั้น

จวินอู๋เสียเดินออกไปโดยไม่พูดอะไร แต่ในใจของนางกำลังวิเคราะห์เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างต่อเนื่อง

การปรากฏตัวของกู่อิ่งที่นี่เป็นเรื่องที่ไม่ได้คาดคิด และจากเบาะแสที่เขาเปิดเผยออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ จวินอู๋เสียเดาว่าเหตุผลที่เขามาที่นี่และเปิดเผยตัวเองด้วยประโยคที่น่าหัวเราะว่านางเป็นศิษย์พี่ของเขานั้น ได้บอกกับนางว่าเจตนาของเขาก็คือการเกลี้ยกล่อมให้นางถ่ายทอดทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณให้กับเขา

ทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณแต่เดิมนั้นถูกสร้างโดยกู้หลีเซิง กระทั่งในสามโลกชั้นกลางก็ไม่มีใครรู้อะไรเกี่ยวกับทักษะนี้ อำนาจของทักษะนี้ได้ล่อใจผู้ที่มีอำนาจจากสามโลกชั้นกลาง และหลังจากที่จวินอู๋เสียได้พัฒนาทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณเป็นผลสำเร็จ นางก็พบว่าตัวเองกลายเป็นเป้าหมายของกู่อิ่งในทันที

สำนักศึกษาเฟิงหัวในตอนนี้กำลังตกอยู่ในช่วงกลียุค

จวินอู๋เสียหัวเราะกับตัวเองอยู่ในใจ

มันเป็นการเดิมพันด้วยโชคชะตาของสำนักศึกษาเฟิงหัว และผู้ชนะก็ยังไม่ได้ถูกกำหนด!

กู่อิ่งมองดูจวินอู๋เสียเดินจากไป เขายกเท้าขึ้นและเตะอาจิ้งไปข้างๆ รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรื่นเริงค่อยๆ หายไปจากใบหน้าของเขา และแทนที่ด้วยรังสีฆ่าฟันที่ไม่อาจกดเอาไว้ได้อีกต่อไป

“มันช่าง…เป็นความทรงจำที่แย่จริงๆ” กู่อิ่งพูดเบาๆ กับตัวเอง เขาเหลือบมองอาจิ้งแวบหนึ่งแล้วหันหลังเดินออกไปจากลานป่าไผ่

“คุณ…คุณชายกู่…” ที่รออยู่ตรงประตูทางเข้าเรือนพักหลังเล็กในลานป่าไผ่คือ ศิษย์ที่สวมเครื่องแบบสำนักศึกษาเฟิงหัว เขากระสับกระส่ายและตัวสั่นด้วยความกลัวเมื่อเห็นกู่อิ่งเดินผ่านประตูออกมา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวอย่างไม่ปิดบัง

กู่อิ่งมองดูเขาและจู่ๆ ก็ส่งยิ้มสดใสให้ ก่อนที่ศิษย์คนนั้นจะทันมีปฏิกิริยาอะไร กู่อิ่งก็ยกมือขึ้นคว้าไปที่ลำคอของศิษย์คนนั้น!

เสียงกระดูกหักดังขึ้น ศิษย์คนนั้นไม่ทันได้ดิ้นรนด้วยซ้ำ กระดูกสีขาวแทงทะลุเนื้อออกมาจากคอที่หัก และของเหลวสีแดงก็ไหลทะลักออกจากบาดแผล ไหลเปื้อนเต็มมือกู่อิ่ง

กู่อิ่งสูดลมหายใจเข้าลึก เขาสูดเอากลิ่นคาวเลือดเข้มข้นเข้าไป แล้วรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็สดใสยิ่งกว่าเดิม

“ค่อยรู้สึกดีขึ้นหน่อย”

มีเพียงการสังหารอย่างไร้ความหมายเช่นนี้เท่านั้นที่ทำให้เขารู้สึกเบิกบานขึ้นมาได้!

กู่อิ่งที่พอใจแล้วทิ้งศพศิษย์ที่ตายแล้วเอาไว้บนพื้นอย่างไม่ใส่ใจ และก้าวยาวๆ จากไปอย่างรวดเร็ว

ศิษย์คนนั้นนอนอยู่ท่ามกลางแอ่งโลหิตของตัวเอง จนกระทั่งตายไปแล้วเขาก็ยังไม่รู้ว่าตัวเขาทำอะไรลงไปถึงต้องตาย

กู่อิ่งตรงไปที่ห้องหนังสือของหนิงรุ่ย และเมื่อกงเฉิงเหล่ยที่ยืนคุ้มกันอยู่ด้านนอกเห็นกู่อิ่ง เขาก็รีบก้มหัวและก้าวไปด้านข้าง

กู่อิ่งไม่แม้แต่จะชายตามองดูเขา และผลักประตูเข้าไปในห้องหนังสือทันที

ห้องหนังสือนี้แต่เดิมเป็นของฟ่านฉี หลังจากเขาเสียชีวิตลง เจ้าของห้องจึงถูกเปลี่ยนเป็นหนิงรุ่ยอย่างรวดเร็ว ตอนนี้หนิงรุ่ยกำลังนั่งอยู่หลังโต๊ะและจ้องมองกล่องใส่เถ้ากระดูกที่วางอยู่บนโต๊ะอย่างเหม่อลอย

เมื่อเขาได้ยินเสียงฝีเท้า หนิงรุ่ยก็เงยหน้าขึ้น เขาเห็นกู่อิ่งเดินวางมาดผ่านประตูเข้ามาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

การนำกู่อิ่งเข้ามาในสำนักศึกษาเฟิงหัวเป็นไม้ตายสุดท้ายของเขา แต่การกระทำของกู่อิ่งในช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัว

กู่อิ่งมาถึงสำนักศึกษาเฟิงหัวได้ไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ แต่มีศิษย์สำนักศึกษาเฟิงหัวที่ตายด้วยน้ำมือเขาไปแล้วมากกว่าห้าสิบคน ศิษย์พวกนั้นไม่เคยล่วงเกินกู่อิ่ง แต่กู่อิ่งกำลังรู้สึกเบื่อมากๆ ศิษย์พวกนั้นจึงได้กลายเป็นผีเร่ร่อนอย่างกะทันหัน

หนิงรุ่ยเคยพบพันธมิตรที่โหดร้ายมาก่อน รวมถึงตัวเขาเองด้วย แต่ไม่มีสักคนที่ทำให้เขารู้สึกสะพรึงกลัวได้มากเท่ากับกู่อิ่ง

ในสายตาของกู่อิ่ง นอกจากตัวเขาเองแล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นแค่สิ่งที่ทำให้เขาหายเบื่อเท่านั้น

คนที่น่ากลัวที่สุดในโลก คือคนที่ไม่มองว่าสิ่งมีชีวิตเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นเดียวกับเขา

หนิงรุ่ยไม่รู้แล้วว่าการตัดสินใจนำกู่อิ่งเข้ามาในสำนักศึกษาเฟิงหัวของเขานั้นเป็นความคิดที่ถูกหรือผิด