บทที่ 382 เจ้าเป็นสุนัขงั้นเหรอ?
บทที่ 382 เจ้าเป็นสุนัขงั้นเหรอ?
เสียงหวาน ๆ ของนางให้ความรู้สึกเหมือนแมวกำลังข่วนหัวใจของเขา ซูอันมองดูผู้หญิงที่กำลังนั่งหน้าแดงอยู่บนเตียง และมันทำให้คอของชายหนุ่มแห้งผาก แล้วพูดเสียงแหบ “ข้าเป็นสุภาพบุรุษ…จริง ๆ นะ”
ปกติแล้ว หากเฉียวเสวี่ยอิงได้ยินคำพูดแบบนี้นางมักจะโกรธ แต่ตอนนี้นางกลับเพิกเฉยต่อคำพูดของเขาทั้งหมด นางยังคงจับมือเขาแน่นและพูดว่า “อย่าทิ้งข้าเลยนะ ข้ากลัว…”
“แน่นอน ๆ ข้าจะไม่ทิ้งเจ้า” ซูอันนั่งลงข้าง ๆ และทัดผมให้นาง นิ้วของเขาเปียกชื้นเล็กน้อยจากเหงื่อบนหน้าผากของนาง
เขาไม่โง่พอที่จะจากไปในเวลานี้ เขาดูละครมามากจนรู้ว่ามันอาจจะมีโอกาสที่จู่ ๆ ก็มีชายอีกคนหนึ่งแอบเข้ามาและฉวยโอกาสจากนาง แต่ตอนนี้ชายหนุ่มต้องออกไปหายาแก้พิษ
เฉียวเสวี่ยอิงครางเบา ๆ ก่อนที่จะรีบคว้าแขนชายหนุ่มแน่นไม่ให้ไปไหน นางเป็นเพียงเด็กสาว ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร นางทำได้เพียงโอบกอดเขาไว้ตามสัญชาตญาณ ราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่นางจะระบายความร้อนรุ่มในร่างกายของตัวเอง
“ช่วย…ช่วยข้าด้วย…” เฉียวเสวี่ยอิงพึมพำฟังไม่ชัดเจน
ซูอันยังรู้สึกเจ็บใจเล็กน้อย ตอนที่จี้เสี่ยวซีขัดขวางเขาคราวก่อน ไม่ให้เขาใช้วิธีการดั้งเดิมที่สุดในการบรรเทาผลกระทบของยาปลุกกำหนัดกับเฉียวเสวี่ยอิง
เมื่อมองริมฝีปากที่อวบอิ่มของหญิงสาว ซูอันก็กลืนน้ำลาย เขาเริ่มเอนตัวไปหานาง
แต่เมื่อริมฝีปากของพวกเขากำลังจะสัมผัสกัน ทันใดนั้นเสียงของฉู่ฮวนเจาก็ดังขึ้นที่หน้าประตู “พี่เขย พี่เขย!”
ซูอันตัวสั่นด้วยความหวาดเสียวทันที บัดซบ นรกถามหาข้าแน่ ๆ ถ้าน้องภรรยาจอมโหดเจอภาพนี้เข้า!
เฉียวเสวี่ยอิงเป็นคนทรยศของตระกูลฉู่ และฉู่ฮวนเจาก็เป็นสมาชิกของตระกูลฉู่ ถ้าทั้งสองพบกัน ไม่มีทางที่ฮวนเจาจะปล่อยนางไปง่าย ๆ
ยิ่งไปกว่านั้น สถานะปัจจุบันของเฉียวเสวี่ยอิง ทำให้สถานการณ์ซับซ้อนยิ่งขึ้น ถ้านางมาเห็นเข้า ซูอันก็คงอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้
เขามองไปรอบ ๆ อย่างรวดเร็ว แต่ห้องของชายหนุ่มก็โล่งเกินไปที่จะซ่อนใครไว้ได้
เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าใกล้เข้ามา จู่ ๆ ซูอันก็มีความคิดผุดขึ้นมาในหัว เขานึกถึงกลอุบายที่ตัวเอกของเรื่อง จอมยุทธเจ้าสำราญ ที่ชื่อ อุ้ยเสี่ยวป้อใช้ ว่าแล้วก็ใช้ผ้าห่มม้วนห่อตัวเฉียวเสวี่ยอิงไว้ทันทีก่อนที่จะวางนางในแนวนอนที่มุมเตียง จากนั้นก็ดึงม่านลงเพื่อปกปิด
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จแล้ว เขานั่งอยู่หน้าเตียงเพื่อป้องกันไม่ให้นางกลิ้งออกไป
“อย่าทำเสียงดัง ตกลงไหม?” ซูอันเตือน หากเฉียวเสวี่ยอิงส่งเสียงดังออกมา ชายหนุ่มคงได้รับความทุกข์ทรมานจากการเฆี่ยนตีอย่างสาหัสจากแส้คร่ำครวญของฉู่ฮวนเจา อย่าลืมว่าเขาไม่มีเส้นใยสุขสันต์อีกแล้ว
“พี่เขย…พี่เขย?” เสียงฝีเท้าก้าวเข้ามาใกล้มากขึ้น ก่อนที่ฉู่ฮวนเจาจะพุ่งผ่านประตูเข้ามาทันที…
เปลือกตาของซูอันกระตุก น้องภรรยาของเขาช่างเป็นคนที่รักความรุนแรงซะจริง ข้าจำได้ว่าลงกลอนประตูไว้เรียบร้อยแล้ว แต่นางก็ยังบุกเข้ามาได้โดยไม่ติดขัดอะไรเลย
“เจ้านั่นเอง ฮวนเจา” ซูอันบังคับตัวเองให้ยิ้ม แม้จะรู้ว่ารอยยิ้มของเขาในตอนนี้อาจดูเหยเกอย่างไม่น่าเชื่อ
“หืม? ท่านก็อยู่ในห้องจริง ๆ ทำไมท่านถึงไม่ตอบข้า ปล่อยให้ข้าเรียกอยู่ได้? ” ฉู่ฮวนเจาถามแกมบ่นอย่างสงสัย
“เจ้าเรียกข้า?” ซูอันแสร้งทำเป็นไม่รู้ “ข้าไม่ได้ยินอะไรเลย ว่าแต่เจ้ามาที่นี่ทำไม? เจ้าไม่ได้อยู่ดูแลพี่สาวเหรอ?”
“ตอนนี้แม่ของข้ากำลังดูแลพี่สาวอยู่ ข้าได้ยินมาว่าท่านได้ปะทะกับผู้บ่มเพาะระดับสูง และข้า…พี่ใหญ่ของข้ากังวลว่าอาจมีบางอย่างเกิดขึ้นกับท่าน นางจึงส่งข้ามาที่นี่เพื่อดูว่าท่านเป็นอะไรไปหรือเปล่า” ฉู่ฮวนเจากล่าว
แม้ว่าจะดูจู้จี้ แต่เสียงของนางก็อ่อนโยนและเต็มเปี่ยมไปด้วยกลิ่นอายของเด็กสาว ซึ่งฟังแล้วรู้สึกสบายหู เพียงแต่ว่าตอนนี้ ซูอันไม่มีอารมณ์จะรื่นรมย์กับมัน
“พี่สาวของเจ้าเป็นห่วงข้าจริง ๆ เหรอ?” ซูอันถามด้วยความประหลาดใจ
“นางอาจจะไม่ได้พูดออกมาดัง ๆ แต่ข้าก็บอกได้ว่านางพูดเป็นนัยอย่างแรงกล้าให้ข้ามาดูท่าน” ฉู่ฮวนเจาตอบ นางหรี่ตาด้วยความสงสัยและถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นในมิติลับระหว่างท่านสองคนหรือเปล่า? ทำไมข้ารู้สึกเหมือนพวกท่านใกล้ชิดกันมากขึ้นกว่าเดิม?”
“เราเหรอ? ฮ่า ๆๆ ข้าเดาว่าเพราะข้าเป็นคนที่น่ารักมาก ความประทับใจของพี่สาวเจ้าที่มีต่อข้ามันคงเพิ่มมากขึ้นหลังจากใช้เวลาร่วมกันมาหลายวัน” ซูอันหัวเราะออกมา
“เออใช่ ท่านช่วยพี่สาวข้าได้ยังไง? ดูเหมือนว่าวิธีการของท่านจะค่อนข้างมีประสิทธิภาพ สีหน้าของนางดูดีขึ้นมาก” ฉู่ฮวนเฉาถามด้วยความสงสัย
“ทำไมไม่ไปถามพี่สาวเจ้าแทนล่ะ?” ในขณะนี้ ซูอันสามารถสัมผัสได้ว่าร่างกายของเฉียวเสวี่ยอิงที่รุ่มร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นจึงไม่มีอารมณ์จะอธิบายอะไรกับฉู่ฮวนเจา
“ข้าถามนางแล้ว แต่นางไม่บอกข้า!” ฉู่ฮวนเจาหน้าบึ้ง นางนั่งลงข้างเตียงก่อนจะพูดต่อ “ข้ารู้สึกเหมือนท่านสองคนเปลี่ยนไปหลังจากกลับจากสำรวจมิติลับ ตอนนี้ข้ากลายเป็นคนนอกไปแล้วสินะ!”
“…” ซูอัน
ข้ากับพี่สาวของเจ้าเป็นสามีภรรยากัน ไม่ชัดเจนเหรอว่าเจ้าเป็นคนนอกแต่แรกแล้ว?
อย่างไรก็ตาม เขาเข้าใจว่าฉู่ฮวนเจารู้สึกยังไง นางกับฉู่ชูเหยียนเป็นพี่น้องกันที่สนิทสนมกันมาตลอด ดังนั้นซูอันที่เข้ามาทีหลัง อาจทำให้นางรู้สึกราวกับว่าสูญเสียพี่สาวไป
แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ชายหนุ่มเคยไปเที่ยวสนิทสนมกับฉู่ฮวนเจาบ่อย ๆ เพราะนางเป็นคนเดียวในที่นี้ที่ไม่เลือกปฏิบัติต่อเขา จากมุมมองดังกล่าว…ฉู่ชูเหยียนก็กลายเป็นคนนอกไปเช่นกัน
ดังนั้น ฉู่ฮวนเจาจึงไม่ค่อยพอใจในความก้าวหน้าของความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉู่ชูเหยียน มันหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่นางจะรู้สึกงอนเล็กน้อย
“แล้วท่านได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้หรือเปล่า?” ฉู่ฮวนเจาจำจุดประสงค์แรกของนางที่มาที่นี่ได้และเริ่มสัมผัสร่างกายของเขาเพื่อตรวจสอบว่าเขามีบาดแผลหรือไม่
ซูอันตกใจกับการกระทำของนาง เพราะนางอยู่ห่างจากผ้าที่ห่อเฉียวเสวี่ยอิงไว้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้ แค่การเคลื่อนไหวที่ไม่ระมัดระวังเพียงครั้งเดียวก็อาจทำให้นางสัมผัสไปโดนเฉียวเสวี่ยอิงได้
ดังนั้นซูอันจึงรีบขยับไปด้านข้างเล็กน้อย และคว้าแขนของฉู่ฮวนเจาให้กระเถิบมาใกล้เขามากขึ้นพร้อมกับกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง ข้าสบายดี คนเก่ง ๆ อย่างข้า ผู้บุกรุกแค่คนเดียวจะสามารถเป็นภัยคุกคามต่อข้าได้ยังไง”
“ข้าได้ยินมาว่าท่านใช้ดัชนีกระบี่หกชีพจร หรืออะไรทำนองนั้น จัดการคนร้ายซะราบคาบ?” ฉู่ฮวนเจาถามอย่างเชื่องช้า
“แปลกตรงไหน?” ซูอันถามกลับอย่างไม่พอใจเมื่อสัมผัสได้ถึงการดูถูกเหยียดหยามในเสียงของฉู่ฮวนเจา
“เฮอะ! ท่านอาจหลอกคนอื่นให้หลงเชื่อ แต่จะหลอกข้าได้ยังไง? การบ่มเพาะของท่านอยู่ในระดับไหน ทำไมข้าถึงจะไม่รู้?” ฉู่ฮวนเจานึกถึงครั้งที่นางไล่ฟาดซูอันด้วยแส้คร่ำครวญ ทำให้ริมฝีปากของนางหยักยิ้มอย่างมีความสุข
ซูอันสามารถเดาได้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่ และใบหน้าของชายหนุ่มก็ขรึมลงทันที “ตอนนั้นเจ้าทำได้เพราะข้าเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่คาดโทษเจ้า นอกจากนี้ ตั้งแต่นั้นมาข้าก็โตขึ้นมาก! สำหรับอัจฉริยะอย่างข้าก็เป็นเรื่องธรรมดาที่ระดับการบ่มเพาะของข้าจะพัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว”
“ก็ได้ ๆ เจ้าเป็นอัจฉริยะ” ฉู่ฮวนเจายังคงยิ้มอยู่ครู่หนึ่ง แต่จู่ ๆ ใบหน้าของนางเปลี่ยนเป็นจริงจัง นางหันไปมาทำท่าฟุดฟิดดมกลิ่นก่อนจะพูดว่า “หืม? ทำไมที่นี่มีกลิ่นผู้หญิงด้วย?”
“…” ซูอัน
เจ้าเป็นสุนัขงั้นเหรอ? ได้กลิ่นได้ยังไง?