บทที่ 383 ความเคารพจากใจ
บทที่ 383 ความเคารพจากใจ
โดยปกติกลิ่นของเฉียวเสวี่ยอิงมักจะบางเบา แต่ภายใต้ผลของยา ทำให้ร่างกายของนางส่งกลิ่นหอมหวานออกมา เมื่อลองคิดดูว่า ฉู่ฮวนเจาอยู่ใกล้กับนางมากเพียงใด คงจะแปลกมากกว่าถ้านางไม่ได้กลิ่นเลย
“ท่านซ่อนผู้หญิงไว้เหรอ!” ฉู่ฮวนเจากระโดดลุกขึ้นยืนหันหน้ามองไปมองมารอบบริเวณ “มิน่าล่ะ ท่านถึงไม่ตอบตอนข้าตะโกนเรียก ท่านต้องกำลังยุ่งอยู่กับผู้หญิง! มันเป็นใคร? ออกมาเดี๋ยวนี้!”
นางเริ่มรื้อค้นห้องในขณะที่ตะโกน
“จ…เจ้าจะตะโกนทำไม? ข้ารักษาตัวเองให้บริสุทธิ์อยู่เสมอเพื่อพี่สาวของเจ้า…เจ้าเห็นข้าเป็นคนแบบนั้นเหรอ?” ซูอันถามด้วยใบหน้าที่รู้สึกผิดหวัง
“ใช่ ท่านเป็นคนแบบนั้นแหละ!” ฉู่ฮวนเจาตอบ นางคุกเข่าลงบนพื้นและเริ่มค้นหาใต้เตียง
นางต้องไม่รู้แน่ ๆ เลยว่าส่วนโค้งของหญิงสาวอายุน้อยอย่างนางน่าดึงดูดใจเพียงใดเมื่อหมอบลงกับพื้นต่อหน้าผู้ชายสักคน
ซูอันถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว เขาลูบไล้จมูกของตัวเอง บ้าจริง ทำไมวันนี้มันถึงเป็นแบบนี้ สักวันข้าจะต้องตายด้วยน้ำมือของผู้หญิงเหล่านี้แน่ ๆ จะเมื่อไหร่ก็เป็นเรื่องของเวลาเท่านั้น!
หลังจากที่ตรวจสอบแล้วว่าไม่มีใครอยู่ใต้เตียง ฉู่ฮวนเจาจึงไปค้นหาที่อื่น ๆ ในห้องต่อไป นางเปิดตู้สำรวจด้านในและตรวจสอบด้านหลังตู้
แม้ว่าห้องนี้จะไม่ใหญ่นัก แต่นางก็ไม่พบอะไรเลย
“ท่านซ่อนนางไว้ที่ไหน? พูด!” ฉู่ฮวนเจาเริ่มอารมณ์เสีย
“จะมีผู้หญิงมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? เจ้าไม่ได้ค้นจนทั่วแล้วเหรอ ก็เห็นอยู่ว่าไม่มีใครอยู่ที่นี่!” ซูอัน ยักไหล่
ฉู่ฮวนเจาตั้งข้อสังเกตด้วยความสงสัย “พูดถึงเรื่องนี้ ท่านนั่งอยู่แต่ตรงนั้นที่เดิมมาได้สักพักแล้ว”
ขณะที่นางพูด นางก็เริ่มเดินไปหาเขาเพื่อสำรวจพื้นที่ด้านหลัง
ซูอันรู้สึกประหม่ามากจนรู้สึกว่าหัวใจของเขากำลังจะกระโดดออกจากอก เขารีบคว้าตัวนางไว้และกล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “ฮวนเจา ข้าไม่รู้ว่าเจ้าสนใจข้ามากขนาดนี้ เจ้าหึงหวงข้าเหรอ?”
“อ…อะไร? ข้าจะหึงหวงท่านได้ยังไง? ข้าแค่จับตาดูท่านแทนพี่ใหญ่!” ฉู่ฮวนเจาตอบกลับด้วยสีหน้าตื่นตระหนก “ยังอีก ปล่อยมือข้าเดี๋ยวนี้!”
ฉู่ฮวนเจาพยายามดิ้นรนเพื่อสลัดตัวเองให้หลุดจากซูอัน นางยื่นมือออกไปผลักเขา อย่างไรก็ตามนางสัมผัสไปโดนส่วนสงวนของร่างกายของเขาแทน และทั้งคู่ก็ตัวแข็งทื่อในทันที
ฉู่ฮวนเจาหน้าแดงซ่านขณะที่สะบัดมือของซูอัน “ท…ท่านมัน…พี่เขยชั่ว! บ…บังอาจ…มีความคิดสกปรกกับข้า! ข้าจะไปบอกพี่ใหญ่!!!”
นางรีบวิ่งกระทืบเท้าออกจากห้องด้วยความอับอาย
ซูอันรู้สึกหดหู่อย่างมาก ไม่ใช่ว่าชายหนุ่มวิปริต แต่เมื่อครู่ตัวเองเพิ่งพ้นจากการยั่วยวนของเฉียวเสวี่ยอิง ส่วนนั้นจึงยังคงแข็งขันตามธรรมชาติ เมื่อฉู่ฮวนเจาสัมผัสมัน นางจึงคิดว่าเขาคิดลามกกับนาง…
แต่ไม่ว่าจะเป็นกรณีใด เขากลับรู้สึกพอใจมากที่ได้ไล่นางออกไปได้สำเร็จ ดังนั้นจึงไม่พยายามอธิบายสิ่งต่าง ๆ ให้นางฟัง
เขารีบร้อนลงกลอนประตูห้องอีกครั้ง แต่ก็พบว่าสลักประตูมันหักอย่างสมบูรณ์ เปลือกตาของเขากระตุกเล็กน้อย นางนี่เรี่ยวแรงพอกันกับช้างสารจริง ๆ
เนื่องจากกังวลว่าจะมีคนอื่นเข้ามาอีกครั้ง เขาจึงใช้กระบี่ไท่เอ๋อร์ขัดไว้แทนสลักประตู
ในขณะเดียวกัน เฉียวเสวี่ยอิงที่ขยุกขยิกตัวอยู่ในผ้าห่มกำลังจะตกลงจากเตียง แต่ซูอันรีบจับนางไว้ก่อนที่จะวางนางกลับลงบนที่ที่ปลอดภัยกว่าเดิม
“ดูเหมือนคุณหนูรอง…” เฉียวเสวี่ยอิงหยุดพูดขณะที่นางเอื้อมมือไปเกี่ยวคางของเขา จากนั้นนางก็เอนตัวเข้าไปหาพร้อมด้วยจุมพิตจากริมฝีปากอันอบอุ่นของนาง
ร่างกายที่เร่าร้อนและกลิ่นหอมเย้ายวน ทำให้ซูอันรู้สึกเหมือนเกิดระเบิดขนาดย่อม ๆ ในหัวของเขา มนุษย์คนใดจะต้านทานการล่อลวงเช่นนี้ได้?
“ทำไมตัวเจ้าถึงได้หอมจัง?” ซูอันถาม
เฉียวเสวี่ยอิงมองไปที่ซูอันด้วยดวงตาที่หรี่ปรือขณะที่นางพึมพำตอบกลับ “มันเป็นเรื่องปกติที่เอลฟ์พฤกษาอย่างข้าจะส่งกลิ่นหอมของดอกไม้ออกมา”
“แต่ทำไมก่อนหน้านี้ข้าถึงไม่ได้กลิ่นแบบนี้เลย” ซูอันถามด้วยความสงสัย นี่เป็นกลิ่นที่หอมเป็นพิเศษ
ทั้งที่สองคนเคยกอดกันมาหลายครั้งก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังเคยสัมผัสกันและกันอย่างใกล้ชิด แต่ชายหนุ่มก็ไม่เคยได้กลิ่นหอมเช่นนี้มาก่อน
“… เพราะ…เฉพาะเวลาที่ข้ารู้สึก…รู้สึกตื่นเต้น ข้าจะ… มีกลิ่นแบบนี้…” เฉียวเสวี่ยอิงหลับตา แต่ขนตายาวของนางยังคงสั่นไหว หน้าอกที่หอบขึ้นลงแสดงให้เห็นว่านางกำลังประหม่าแค่ไหนในขณะนี้
ผู้ชายคนใดที่ไม่ถูกกระตุ้นหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้คงเป็นคนที่ทื่อจนเปรียบได้กับก้อนอิฐ
ซูอันสูดลมหายใจเข้าอย่างแรงขณะที่เขาโน้มตัวเข้าไปคลุกเคล้ากับนาง
เสื้อคลุมของเฉียวเสวี่ยอิงหลุดออกไปโดยไม่รู้ตัว เผยให้เห็นร่างกายที่เพรียวบางกว่าผู้หญิงทั่วไป ผิวที่ขาวผ่องของนางเต็มไปด้วยเลือดฝาดเนื่องจากผลของยา ทำให้นางดูมีเสน่ห์ยั่วยวนมากกว่าปกติ
เมื่อทั้งสองกลายเป็นหนึ่งเดียวกัน ใบหน้าของเฉียวเสวี่ยอิงก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด นางโถมตัวเข้ากัดไหล่ของซูอันอย่างแรง
“โอ๊ย!” ซูอันเปล่งเสียงด้วยความเจ็บปวด “เจ้ากัดข้าทำไม?”
“ข้าแค่จะทำให้เจ้ารู้ว่าข้ารู้สึกขนาดไหน” เฉียวเสวี่ยอิงมองเขาทั้ง ๆ ที่น้ำตาคลอซึ่งเพียงพอที่จะละลายแม้กระทั่งหัวใจของคนที่เย็นชามากที่สุด
ซูอันรู้สึกถึงความอ่อนโยนในหัวใจ ขณะที่เขากอดนางไว้อย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น…
ก่อนที่ผลของยาจะค่อย ๆ สลายไปก็ใช้เวลาค่อนข้างนาน และสติของเฉียวเสวี่ยอิงก็ฟื้นคืนสู่ความชัดเจนในที่สุด
เมื่อมองชายที่อยู่ข้างร่างกายของนาง นางกัดริมฝีปากแน่นขณะที่นางสงสัยว่าตอนนั้นฉู่ชูเหยียนทนความยักษ์ใหญ่ของซูอันได้อย่างไร แม้ว่าร่างกายของนางจะถูกกระตุ้นด้วยฤทธิ์ยา แต่ก็ยังเจ็บร้าวไปหมด ไม่รู้เลยว่าต้องพักกี่วันกว่าจะฟื้นตัวได้
ในตอนนั้นเส้นลมปราณของฉู่ชูเหยียนเสียหายและสูญเสียระดับการบ่มเพาะไปทั้งหมด ไม่ต่างอะไรจากคนพิการ ซึ่งหมายความว่านางรับเขาเข้าไปทั้ง ๆ ที่ร่างกายอ่อนแอถึงขีดสุด แค่คิดก็ทำให้เฉียวเสวี่ยอิง รู้สึกเคารพนาง
“ข้ากำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย!”
เฉียวเสวี่ยอิงก้มศีรษะของนางด้วยความเขินอายและขยับตัวเข้าไปกอดชายที่อยู่ข้าง ๆ นาง นางรู้สึกเขินอายจนไม่กล้ามองหน้าเขาตรง ๆ
…
วันรุ่งขึ้น ซูอันก็ตื่นขึ้นอย่างสดชื่น ชายหนุ่มเอื้อมมือออกไปหาคนข้าง ๆ เพื่อกอดนางโดยไม่รู้ตัว แต่กลับคว้าได้แต่ความว่างเปล่า เหมือนว่าความรู้สึกนุ่มนวลที่เขาได้รับเมื่อคืนที่ผ่านมาไม่เคยมีอยู่จริง…
ด้วยความตกใจ ชายหนุ่มก็ลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว ก่อนจะพบว่าผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย มีแค่เพียงกลิ่นหอมที่หลงเหลืออยู่ในผ้าห่มเท่านั้นที่เป็นเครื่องพิสูจน์ว่าเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความฝัน…
“เสวี่ยเอ๋อร์!” ซูอันลุกขึ้นจากเตียงและเริ่มตามหานาง
“อย่าเสียแรงเปล่าเลย นางไปแล้ว” เสียงเยือกเย็นดังขึ้น เขาเห็นร่างเงาของหมี่ลี่นั่งพิงอยู่ที่ปลายอีกด้านของเตียงไม้อย่างสบาย ๆ เผยให้เห็นขาที่เรียบเนียนของนางผ่านรอยแยกของเสื้อคลุม อย่างไรก็ตาม ใบหน้าที่สวยงามของนางก็เต็มไปด้วยความเย็นชา
—
ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 233!
—
ซูอันตกตะลึง
นางจากไปแล้วเหรอ? ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้? แต่ที่สำคัญกว่านั้น ท่านมาโกรธข้าเรื่องอะไรล่ะ?