บทที่ 384 การทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 384 การทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ
บทที่ 384 การทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ

“พี่หญิงใหญ่ มีอะไรหรือเปล่า?” ซูอันถาม

“ยังจะกล้าถามอีก!” หมี่ลี่ลุกขึ้นทันทีและนั่งในท่าที่มิดชิดกว่าเดิม “ไอ้สารเลวจอมเจ้าเล่ห์อย่างเจ้า ทำให้ข้าต้องทนมองฉากที่น่ารังเกียจตลอดทั้งคืน!”

ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 513!

ซูอันรู้สึกขนลุกเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น “เดี๋ยว! เดี๋ยวนะ! ใครบอกให้ท่านดูเรา? ท่านไม่อยากมองก็แค่หลับตาไม่ใช่เหรอ! นี่ท่านดูข้าทำทั้งคืนเลยเหรอ? เวรเอ๊ย ข้ารู้สึกเหมือนข้าเพิ่งถูกเอาเปรียบ!”

เขารีบหยิบผ้าห่มขึ้นมาพันรอบตัวจนแน่น ราวกับกำลังป้องกันตัวเองจากหญิงโรคจิต

“…” หมี่ลี่

“เจ้าบอกว่าข้าเอาเปรียบเจ้างั้นเหรอ?” หมี่ลี่ลุกขึ้นยืนบนเตียงก่อนที่จะกระทืบเท้าด้วยความโมโห นางมองมาที่เขาด้วยดวงตาแวววับที่เต็มไปด้วยอันตราย

ซูอันอดไม่ได้ที่จะสังเกตว่าเสื้อผ้าของหมี่ลี่แหวกออกมากขึ้นในเวลานี้เผยให้เห็นเนินหน้าอกขาวผ่องของนาง “คนในราชวงศ์ฉินแต่งตัวอย่างนี้กันเหรอ? พี่หญิงใหญ่…ท่านดูอย่างกับสาวใจกล้าเลยนะ”

เสื้อผ้าของหมี่ลี่ประกอบขึ้นมาจากจิตสำนึกของนาง ดังนั้นมันจึงขึ้นอยู่กับความชอบและนิสัยของนางทั้งหมด

ว้าว นางสวมชุดคอต่ำขนาดนี้ได้ยังไง ดูเหมือนว่าอดีตจักรพรรดินีราชวงศ์ฉินจะค่อนข้างขี้เล่นอยู่เหมือนกัน!

“เจ้ากำลังมองอะไร!?” หมี่ลี่โกรธมากขึ้นที่เห็นซูอันจ้องมองเนินอกของนางแทนที่จะตอบคำถาม

ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 256!

“ท่านกำลังเปิดเผยเนื้อตัวต่อหน้าข้า ข้ามีทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการดูให้สมใจท่านหรือเปล่า?” ซูอันสงสัยว่าทำไมหมี่ลี่ถึงยังอารมณ์ร้อนอยู่ แม้จะกลายเป็นวิญญาณไปแล้ว “นอกจากนี้ ท่านไม่ได้สวมเสื้อผ้าเช่นนี้ให้คนอื่นมองเหรอ? ท่านควรดีใจที่ข้าชื่นชมการแต่งตัวที่สวยงามของท่าน!”

“…” หมี่ลี่

“ปากเจ้านี่มัน…ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงหลอกให้บรรดาสาวน้อยตกหลุมรักเจ้าได้” แม้ว่าหมี่ลี่จะยังคงพูดจาจิกกัดอยู่ แต่สีหน้าของนางก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางยืดตัวและดึงชุดของนางให้เข้าที่ นางดูเหมือนจะอึดอัดเล็กน้อยกับการจ้องมองของเขา

ผู้ชายคนนี้แปลกจริง ๆ ในอดีต ไม่ว่าข้าจะสวมชุดอะไร ก็ไม่มีใครกล้ามองข้าด้วยสายตาที่ไร้ซึ่งความกลัวเช่นนี้

แม้กระทั่งตอนนี้ หลังจากที่ราชวงศ์ฉินถูกทำลายลง อีกทั้งนางก็ไม่ใช่จักรพรรดินีอีกต่อไป นางก็ยังคงมีข้อถือสากับใครก็ตามที่กล้าเพ่งมองนาง

น่าเสียดายที่ชีวิตของนางถูกผูกมัดอยู่กับผู้ชายคนนี้ จนไม่สามารถจะฆ่าหรือลงโทษเขาได้ เป็นเรื่องน่าผิดหวังอย่างยิ่งสำหรับนางที่ทำอะไรชายตรงหน้าไม่ได้เลย

“ท่านบอกว่าเสวี่ยเอ๋อร์ออกไปก่อนหน้านี้แล้วเหรอ? นางไปไหนกันแน่?” ซูอันถาม

“ข้าจะไปรู้ได้ยังไง?” หมี่ลี่ส่งเสียงโอดครวญ นางชี้ไปด้านข้างและพูดว่า “เจ้านอนหลับเหมือนตาย นางจึงมีเวลาเขียนจดหมายถึงเจ้า”

“จดหมาย!” ซูอันสังเกตเห็นจดหมายอยู่บนโต๊ะ จึงรีบไปหยิบมันขึ้นมา

เมื่อได้เห็นร่างกายที่เปลือยเปล่าของซูอันอย่างกะทันหัน ทำให้หมี่ลี่หน้าแดงเล็กน้อย นางหันศีรษะหนีอย่างรวดเร็วขณะที่พูดว่า “อย่างน้อยเจ้าช่วยใส่เสื้อผ้าก่อนได้ไหม?”

“คืนนี้ท่านก็ได้เห็นทุกอย่างแล้ว ไม่ว่าตอนนี้ข้าจะสวมเสื้อผ้าหรือไม่มันก็ไม่มีอะไรแตกต่างออกไปหรอก” ซูอันกลอกตา

“…” หมี่ลี่

ไอ้เวรนี่มันปากเสียซะจริง!

นางหันกลับมาจะพูดอะไรบางอย่างกับเขา ทันใดนั้นก็สังเกตเห็นส่วนหนึ่งของร่างกายชายหนุ่มที่ทำให้หัวใจนางเต้นไม่เป็นจังหวะ มันล้นหลามใหญ่ยักษ์มากจนทำให้นางอ้ำอึ้ง

อย่างไรก็ตาม ซูอันไม่ได้ให้ความสนใจกับนาง เขาหยิบจดหมายที่เฉียวเสวี่ยอิงทิ้งไว้และเริ่มอ่านอย่างตั้งใจ

‘ข้ากำลังจะจากไป ตอนนี้ข้าเลิกข้องเกี่ยวกับตระกูลซือแล้ว ข้าต้องขนย้ายคนของข้าก่อนที่ตระกูลซือจะจับตัวพวกเขาไปในที่สุด ขอบคุณ สำหรับเรื่องเมื่อคืนนี้…และได้โปรดอย่าบอกเรื่องนี้กับคุณหนูฉู่ ถ้าเจ้าไม่พอใจกับการอยู่ในตระกูลฉู่เมื่อไหร่ เจ้าสามารถไปหาข้าที่เมืองหลวงได้’

ตัวอักษรในจดหมายยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดูเหมือนสะท้อนความลังเลในใจของนางขณะที่เขียนมันออกมา

“นางจากไปแล้วจริง ๆ ด้วย…” เมื่อนึกถึงความอบอุ่นที่เขาและนางร่วมแบ่งปันเมื่อคืนนี้ ก็รู้สึกว่าภายในใจว่างเปล่าอย่างเหลือเชื่อ

เขาเก็บจดหมายไว้ก่อนที่จะหันไปมองหมี่ลี่ เขาอดไม่ได้ที่จะบ่นอย่างไม่พอใจ “ในเมื่อท่านเห็นนางจะจากไป ทำไมท่านไม่พยายามหยุดนางล่ะ? อย่างน้อยท่านควรปลุกข้าให้ตื่นข้าจะได้บอกลานางได้!”

“ทำไมข้าต้องทำอย่างนั้น?” หมี่ลี่ตอบ

“…” ซูอัน

เอ่อ…นี่เป็นคำถามที่ข้าไม่สามารถสรรหาเหตุผลที่ดีพอมาตอบได้เลย

อย่างไรก็ตาม ยิ่งหมี่ลี่คิดเกี่ยวกับมันมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งโมโหมากขึ้นเท่านั้น “เจ้ารู้ไหมว่าเมื่อคืนเจ้าทำให้ข้าลำบากแค่ไหน?”

“ท่านมีปัญหาอะไร?” ซูอันรู้สึกประหลาดใจ ข้าไปทำอะไรให้ท่าน?

“ฮึ่ม! เมื่อคืนนี้มันเหมือนเจ้าก่อสงครามย่อม ๆ ขึ้นเลยนะ ข้าไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าสาวน้อยตัวเล็ก ๆ แบบนั้นจะสามารถส่งเสียงครวญครางออกมาดังไปสามบ้านแปดบ้านได้ขนาดนั้น ถ้าข้าไม่ได้สร้างม่านพลังไว้รอบ ๆ เรื่องใต้สะดือของเจ้าคงรู้กันไปหมดทั้งตระกูลฉู่แล้ว!”

ความคิดที่ว่าจักรพรรดินีอย่างนางต้องลดตัวลงมาคอยปัดกวาดเช็ดล้างหลังจากเขาประกอบกามกิจราวกับว่านางเป็นขันทีหรือสาวใช้ ทำให้นางรู้สึกย่ำแย่อย่างไม่น่าเชื่อ

ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 627!

ซูอันรู้สึกกระอักกระอ่วนเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เมื่อคืนเขาหมกมุ่นอยู่กับเฉียวเสวี่ยอิงจนไม่ได้ใส่ใจในรายละเอียดใด ๆ

“ข…ขอบคุณ…” ซูอันไม่แน่ใจว่าเขาควรจะพูดอะไรในช่วงเวลาเช่นนี้

“เจ้าอย่าทำให้ข้าต้องคอยจัดการนั่นนี่หลังจากเจ้าทำมันอีกครั้งจะดีกว่า คราวหน้าข้าจะไม่ทนอีกต่อไป” หมี่ลี่ยังคงโกรธจากฉากเข้าพระเข้านางที่ไม่พึงประสงค์ของซูอันเมื่อคืนนี้

ซูอันหัวเราะอย่างเขินอายก่อนจะรีบเปลี่ยนเรื่อง “จากที่ท่านพูด ถ้างั้นมันก็หมายความว่าเมื่อคืนท่านรู้เรื่องทุกอย่างอยู่ตลอด ทำไมเมื่อคืนท่านไม่ออกมาช่วยข้า?”

“ตอนนี้เจ้าก็ยังไม่ตายนี่ แล้วก็ไม่ได้นอนพะงาบอยู่ด้วย” หมี่ลี่กลอกตา

“แต่ข้าเกือบตาย!” ซูอันประท้วง “ข้าต้องใช้ไพ่ตายทั้งหมดเพื่อที่จะรอดมาได้ ถ้าไม่ใช่เพราะผู้เฒ่ามี่ เราสองคนคงตายไปแล้ว!”

“แล้วเจ้ารู้ไหมว่าทำไมข้าถึงไม่ออกมา?” หมี่ลี่ถามอย่างเย็นชา

“เป็นเพราะท่านกลัวว่าจะขายหน้าเพราะแพ้ซือเล่อจื่อใช่ไหม?” ซูอัน พยายามเดา

“…” หมี่ลี่

ท่านยั่วยุหมี่ลี่สำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 314!

ปากของไอ้นี่มัน…

นางพูดด้วยเสียงอันเยือกเย็นว่า “แค่ผู้บ่มเพาะระดับแปดขั้นต้นไม่ใช่คู่มือของข้า! แต่ที่ข้าไม่ได้ปรากฏตัว เพราะข้าไม่ต้องการให้เจ้าพึ่งพาข้าอยู่ตลอด เจ้าจะไม่มีวันเข้มแข็งได้หากมัวแต่พึ่งพาบุคคลอื่น นอกจากนี้ หากเจ้าเคยชินว่าข้าจะคอยเช็ดล้างให้เจ้าทุกครั้ง เจ้าก็พร้อมจะก่อเรื่องอย่างโง่เขลา กระโจนเข้าสู่อันตรายตลอดเวลา”

“อย่างน้อยเพื่อที่ข้าจะได้มีชีวิตอยู่ได้อีกสักสองสามปี ข้าคิดว่าเป็นการฉลาดกว่าที่จะยอมเสี่ยงตั้งแต่ต้น หากเจ้าไม่สามารถเอาชีวิตรอดจากการทดสอบเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นนี้ ข้าก็ยอมจบเรื่องตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อไม่ให้ความทุกข์ทรมานของข้ายาวนานขึ้นโดยเปล่าประโยชน์”

คำพูดเหล่านี้กระแทกใจซูอันราวกับเสียงก้องกังวานของระฆัง การดำรงอยู่ของหมี่ลี่ ทำให้เขากล้าหาญกว่าเมื่อก่อนจริง ๆ เพราะคิดว่าไม่มีทางที่นางจะสามารถเมินเฉยได้ถ้าเขาตกอยู่ในอันตราย…

จากนั้นชายหนุ่มก็โค้งคำนับนางอย่างลุแก่โทษและพูดว่า “ข้าเข้าใจชัดเจนแล้ว ข้าจะไม่พึ่งพาท่านอีกต่อไป และจะพยายามแก้ไขปัญหาด้วยตัวเองอย่างเต็มที่”

“เจ้าจะแค่พยายามทำให้ดีที่สุดไม่ได้ เจ้าต้องสามารถทำได้ ในอนาคตเว้นแต่จะเป็นคู่ต่อสู้ระดับปรมาจารย์หรือสูงกว่า เจ้าไม่ควรแม้แต่จะฝันว่าข้าจะคอยช่วยชีวิตเจ้า ข้าหวังว่าอย่างน้อยเจ้าจะเข้าใจข้าที่ทำแบบนี้” หมี่ลี่กล่าว “นอกจากนี้ อย่างน้อยเจ้าช่วยสวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะพูดกับข้าได้ไหม? หยุดแกว่งไกวไอ้นั่นของเจ้าไปทั่วซะที!”