บทที่386 หนีไปแล้ว

เนื่องจากฝ่ายตุลาการหาตัวAnthonyไม่เจอจึงจำเป็นต้องหยุดหาชั่วคราวแล้วกลับไปก่อน

เจ้าหน้าที่ฝ่ายตุลาการเห็นคนหนีภาษีมาจนชินแล้ว และรู้แต่แรกแล้วว่าการที่จะจับคนพวกนี้มันไม่ใช่เรื่องง่าย

ในเมื่อมันเป็นอย่างนี้ พวกเขาเลยเลือกที่จะกลับไปก่อน สำหรับพวกเขาการตามหาคนหนีภาษีนั้นเรียกได้เลยว่าคือการทำสงครามเวลา

เนื่องจากสตีเฟนกรุ๊ปมีการขาดทุนอย่างหนัก หุ้นจึงดิ่งฮวบลงราวกับน้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผา

สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากที่ซื้อหุ้นของสีเฟนกรุ๊ปเดือดดาลกันยกใหญ่

ตอนแรกพวกนักลงทุนต่างก็เห็นว่าบริษัทนี้เริ่มเติบโตในจีนได้อย่างรวดเร็ว

แต่สำหรับนักลงทุนที่มีการกว้านซื้อหุ้นมาเป็นเวลานานหลายปีอย่างพวกเขามักจะระมัดระวังตัวกับบริษัทที่พึ่งเปิดใหม่แบบนี้อยู่มากพอสมควร

ดังนั้นช่วงแรกจึงไม่ค่อยมีใครร่วมลงทุนกับสตีเฟนกรุ๊ปมากนัก

ทว่าต่อมามีพวกนักลงทุนค้นพบว่าสตีเฟนกรุ๊ปมีอิทธิพลยิ่งใหญ่มาก การเติบโตก็เร็ว และที่น่าประหลาดใจยิ่งกว่านั่นก็คือสตีเฟนกรุ๊ปสามารถตีตัวขึ้นมาเสมอลี่ซื่อกรุ๊ปได้

ตลาดหุ้นของสตีเฟนกรุ๊ปจึงค่อยเติบโตขึ้นอย่างช้าๆ

นักลงทุนที่พึ่งเริ่มลงทุนก็กอบโกยกำไรไปได้ไม่น้อย

พอเป็นเช่นนี้นักลงทุนคนอื่นๆก็ค่อยๆทยอยร่วมลงทุนกับสตีเฟนกรุ๊ป

แต่ทว่าตอนนี้นักลงทุนยังไม่ทันได้กำไรเลย สตีเฟนกรุ๊ปก็ทำตลาดหุ้นดิ่งลงฮวบๆภายในชั่วข้ามคืน และถึงแม้พวกเขาจะอยากขายหุ้นที่อยู่ในมือออกไปมันก็ไม่ทันแล้ว

ตอนนี้คงมีนักลงทุนจำนวนมากมายกำลังนั่งร้องห่มร้องไห้กันอยู่ที่บ้าน และบางคนก็อาจจะโกรธจนต้องเข้าโรงพยาบาลไปแล้วก็ได้

รายงานข่าวเล่าเรื่องราวต่างๆออกมาเป็นขั้นเป็นตอน ทั้งเรื่องการกระทำอันเลวร้ายของสตีเฟนกรุ๊ป รวมไปถึงผลของการกระทำอันเลวร้ายพวกนี้ด้วย

เมื่อพวกที่เป็นหุ้นส่วนเห็นข่าว ทุกคนต่างก็นั่งไม่ติดทันที

ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบหุ้นส่วนจึงต้องรีบหอบเอกสารแล้วตรงไปที่หน้าสตีเฟนกรุ๊ปอย่างรวดเร็ว

พอมาถึงก็ไม่นึกเลยว่าจะมีคนมากมายมายืนรอกันอยู่เต็มปากประตูทางเข้าก่อนแล้ว

บางคนมายืนมุงดูว่าเกิดอะไรขึ้นเฉยๆ แต่บางคนก็มาเพื่อเจรจาหาข้อตกลง

มีทั้งบริษัทเล็กและบริษัทใหญ่ อย่างเช่น บริษัทหวาเย่า

บริษัทหวาเย่าได้เล็งเห็นว่าสตีเฟนกรุ๊ปนั้นมีแนวโน้มการพัฒนาเป็นอย่างดี ดังนั้นพวกเขาจึงทุ่มเทแรงกายแรงใจและเงินทุนลงไปเป็นจำนวนมาก

หลังจากเจรจาเป็นหุ้นส่วนกันสำเร็จพวกเขาก็ดีใจมาก แต่ต่อมากลับพบว่าสตีเฟนกรุ๊ปมักจะเลี่ยงภาษีโครงการอยู่บ่อยๆ และทุกครั้งที่ถามหาก็จะอ้างเหตุผลบ่ายเบี่ยงไปเรื่อยเปื่อย

คนของบริษัทหวาเย่าก็เลยคิดว่าจะให้เวลาทางนั้นอีกซักหน่อยแล้วกัน แต่แล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น วันนี้ตลาดหุ้นของสตีเฟนกรุ๊ปตกลงไปเยอะมาก แถมประธานบริษัทก็หนีไปอีก ทางฝ่ายตุลาการเข้ามาตามจับกุมแต่ก็หาตัวไม่เจอ

คนที่รับผิดชอบบริษัทหวาเย่าอย่างหลี่จุนเฉินก็ยิ่งกระวนกระวายไปใหญ่

เขาเป็นคนดูแลโครงการนี้ และถ้าโครงการนี้ไม่สำเร็จ เขาต้องซวยแน่ๆ

หลี่จุนเฉินจึงรีบพุ่งตัวออกมาจากบริษัทของตัวเองทันที พอมาถึงก็เห็นตอนที่ฝ่ายตุลาการกำลังเดินออกมาจากบริษัทพอดี

พอเห็นว่ามีคนจำนวนมากแห่กันมารวมตัวที่หน้าสตีเฟนกรุ๊ป เขารู้สึกสงสัยจึงเดินเข้าไปถามคนๆหนึ่ง “เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่หรอครับ?”

ชายคนนั้นเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง พอเห็นว่าเขาสวมชุดสูทมาก็รู้ได้เลยทันทีว่าผู้ชายคนนี้มาเจรจาหาข้อตกลงในฐานะหุ้นส่วนเหมือนกับพวกที่อยู่ข้างๆ เขาเลยพูดออกไป“นี่คุณยังไม่รู้หรอ?บริษัทพวกเขาทำผิดกฎหมาย ตอนนี้พวกฝ่ายตุลาการกำลังมาจับคนดูแลรับผิดชอบของบริษัท” “นี่มันเรื่องจริงสินะ” หลี่จุนเฉินถอนหายใจออก สุดท้ายเรื่องนี้ก็เป็นไปตามที่เขาคิดไว้ในทางที่เลวร้ายต่อเขามากที่สุดสินะ

“ก็จริงน่ะสิ?คุณมาขอเจรจาหาข้อตกลงใช่ไหม?”คนๆนั้นถามขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปยังกลุ่มคนที่อยู่ข้างๆ

“พวกนั้นก็มาด้วยเหตุผลเดียวกับคุณ คุณลองไปถามพวกเขาดูสิ”

ชายคนนี้เป็นคนที่มามุงดูเพราะเห็นว่าน่าสนใจเฉยๆ

หลี่จุนเฉินมองผู้คนในกลุ่มนั้น แต่ละคนต่างก็หอบกระเป๋าเอกสารมาด้วย เห็นทีคงจะมาเพราะเหตุผลเดียวกับเขาจริงๆ แต่ไม่นึกเลยว่าคนจะเยอะขนาดนี้ มิน่าล่ะAnthonyถึงได้หนีไป

“พวกเขาเป็นหุ้นส่วนกันหมดเลยรึเปล่าครับ?” หลี่จุนเฉินถามชายที่ยืนหอบเอกสารอยู่ใกล้ๆ

ชายคนนั้นคุยกับหลี่จุนเฉินอยู่พักหนึ่ง คุยไปคุยมาก็รู้ว่าทำงานสายเดียวกัน เขาจึงสูดหายใจเข้าลึก จากนั้นก็ถอนหายใจออกมายาวเหยียด “ใช่ครับ ที่จริงผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น อยู่ดีๆบริษัทก็ถูกฟ้องร้อง แล้วดูตอนนี้สิ โครงการของบริษัทพวกเราต่างก็ไม่สามารถดำเนินการต่อได้ เจ้านายผมก็เลยสั่งให้ผมมาจัดการปัญหานี้แหละ แต่ตอนนี้แทบไม่มีใครรู้เรื่องเลย ดูสิแล้วผมจะจัดการได้ยังไง?”

พอหลี่จุนเฉินเจอคนที่สามารถระบายความในใจออกมาได้เพราะเจอปัญหาเดียวกัน เขาก็เริ่มบ่นทันที “ใช่ ผมก็รีบมาเพราะเห็นข่าวนี่แหละ แต่ไม่นึกเลยว่าจะมีคนมาเยอะขนาดนี้”

“ยังไม่สายไปหรอกคุณ ส่วนพวกเราน่ะมาที่นี่ตั้งแต่เช้าแล้ว ก่อนหน้านี้เคยเข้าไปข้างในแต่ก็ถูกพวกฝ่ายตุลาการไล่ออกมา เมื่อกี้พวกเขาคงพึ่งจะตรวจเสร็จ ได้ยินมาว่าเจ้าของบริษัทหนีไปแล้วด้วย ไม่รู้ว่าพวกเราจะมีโอกาจได้เจอเขารึเปล่า ” พอชายคนนั้นพูดจบเขาก็ปรายตามองไปที่บริษัทอีกครั้ง

“แล้วตอนนี้ล่ะ?เขายังอยู่ไหม?” หลี่จุนเฉินคิดไว้ในใจแล้วว่ายังไงวันนี้เขาจะต้องเข้าพบผู้ดูแลรับผิดชอบของสตีเฟนกรุ๊ปให้ได้

“รอก่อน ทุกคนต่างก็กำลังรอ” ในฐานะเพื่อนที่มีสายงานเดียวกัน ตอนนี้ทุกคนทำได้แค่ผลัดกันปลอบใจ

ทันใดนั้นเอง จู่ๆฝูงชนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งก็ลุกฮือขึ้น บ้างก็ส่งเสียงร้องตะโกนดังเจี๊ยวจ๊าวขึ้นมา “ฉันต้องการพบประธานบริษัทของพวกคุณ!”

หลี่จุนเฉินเขย่งเท้าขึ้นชะเง้อมองไปตรงนั้น แต่เนื่องจากจำนวนคนเยอะเกินไป เขาจึงไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน เขาเห็นแค่ว่ามีคนสวมชุดสูทเดินออกมาจากบริษัท

หลี่จุนเฉินพยายามจ้องมองอย่างละเอียด ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้จะเคยเห็นเขาที่สตีเฟนกรุ๊ป และคับคล้ายคับคลาว่าคนๆนี้มีตำแหน่งค่อนข้างสูงเลยทีเดียว

หลี่จุนเฉินมองเห็นความหวังอันริบหรี่ เขารีบสาวเท้าฝ่าฝูงชนเข้าไป ไม่นานก็มาถึงข้างหน้า เขาตะโกนออกไปอย่างสุดชีวิต “ท่านประธานของพวกคุณอยู่ที่ไหน?รีบบอกให้เขาออกมาเร็ว ผมคือผู้แลรับผิดชอบของบริษัทหวาเย่า”

ทันทีที่หลี่จุนเฉินตะโกนออกไป หลายๆคนก็มองมาที่เขาด้วยความประหลาดใจ

ต้องบอกไว้ก่อนเลยว่าคนที่มาที่นี่ล้วนมาจากบริษัทเล็กๆ ไม่ค่อยมีบริษัทใหญ่อย่างบริษัทหวาเย่า

แม้แต่คนของบริษัทหวาเย่ายังโดนหลอก งั้นนี่คงเป็นงานยากสำหรับพวกเขาแล้วล่ะ

คนๆนั้นถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยกันไว้อย่างหนาแน่น ฉะนั้นฝูงชนจึงไม่อาจเข้าไปใกล้เขาได้ พวกเราทำได้แค่มองคนๆนั้นเดินจากไปต่อหน้าต่อตา

หลี่จุนเฉินกระทืบเท้าด้วยความโกรธ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้

มีคนจากบริษัทเล็กๆบางคนเริ่มถือป้ายประท้วงอยู่หน้าสตีเฟนกรุ๊ปแล้ว เนื้อหาบอกว่าต้องการฉีกสัญญาหุ้นส่วน และเงินชดเชย

แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเสียงเรียกร้องและการต่อต้านของพวกเขาเลย

พอซู่จี้งยี้รู้เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เขาก็รีบไปรายงานลี่จุนถิง

“ฮ่าฮ่า ดี ดีมาก ”เมื่อได้ยินว่าสถานการณ์ตรงหน้าสตีเฟนกรุ๊ปย่ำแย่มากแค่ไหน ลี่จุนถิงก็หัวเราะร่าออกมาด้วยความดีใจ

“แต่ว่าAnthony หนีไปแล้วนะครับคุณชายลี่” ตอนนี้เรื่องนี้มันกำลังทำให้ซู่จี้งยี้กังวล