ยี่สิบกว่านาทีต่อมา หยานชิงเจ๋อก็มาถึงสนามบินแล้ว ยังโชคดีที่เครื่องบินของแจ็คมาล่าช้ากว่าครึ่งชั่วโมง ฉะนั้นเมื่อเขาเดินทางมาถึง ก็เห็นซูสือจิ่นโบกมือให้แจ็ค และแจ็คก็ลากกระเป๋าเดินทางเดินเข้ามาหา
หยานชิงเจ๋อหรี่ตาลง มันไม่ง่ายเลยที่จะจัดการลั่วฝานหวาออกไป แล้วนี่ยังจะมีแจ็คมาอีกหนึ่งคน คิดว่าฉันเป็นคนใจดีนักหรือไง?!
เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ รีบเดินอย่างรวดเร็วไปทางพวกซูสือจิ่น
พอเดินเข้าไปใกล้ๆ ก็ได้ยินแจ็คพูดกับซูสือจิ่นว่า : “Fiona ฉันคิดถึงคุณแทบแย่เลย!”
f*ck! หยานชิงเจ๋อด่าอย่างหยาบคายในใจ! ตรงไปตรงมาขนาดนี้เลยเหรอ?!
แต่วินาทีต่อมา ก็ยิ่งทำให้หยานชิงเจ๋อแทบกระอักเลือด
ซูสือจิ่นที่อยู่ข้างๆยิ้มให้แจ็คแล้วพูดว่า : “ฉันก็คิดถึงคุณมากเช่นกัน!”
จากนั้นทั้งสองคนก็เข้ามาสวมกอดกันอย่างเป็นมิตร
หยานชิงเจ๋อเหลืออดเหลือทน ก่อนที่ทั้งสองจะเอาหน้าแนบชิดกันตามมารยาทในการพบปะ ก็เข้าไปจัดการระงับเรื่องราวที่จะเป็นไปได้ทั้งหมดลง
เขารีบเดินเข้าไป โอบไหล่ของซูสือจิ่น นำเธอมาไว้ในอ้อมแขน จากนั้นก็ทักทายแจ็คด้วยไมตรีจิต : “สวัสดีครับ! ยินดีต้อนรับสู่หนิงเฉิงนะ!”
พูดจบก็บอกกับซูสือจิ่นที่อยู่ในอ้อมแขนว่า : “ที่รัก ตื่นแล้วทำไมถึงไม่เรียกฉัน? คุณมาเองมันลำบากนะ!”
ซูสือจิ่นถูกหยานชิงเจ๋อเรียกว่า ‘ที่รัก’ ก็รู้สึกขนลุกขนพอง
เธอกำลังจะพูดอะไร แจ็คที่อยู่ตรงหน้าก็พูดอย่างแปลกใจ : “Fiona คุณอยู่ด้วยกันกับเขาเหรอ?!”
น่าเสียใจเหลือเกิน คาดไม่ถึงว่าทั้งสองคนจะอยู่ด้วยกัน มิเช่นนั้น หยานชิงเจ๋อจะบอกว่าไม่ปลุกเขาได้อย่างไร! หัวใจของแจ็คแตกสลาย
“ฉัน——” ซูสือจิ่นมองหยานชิงเจ๋ออย่างลังเลใจ แล้วก็หันไปมองแจ็ค
หยานชิงเจ๋อไม่ให้โอกาสเธอได้ลังเลใจ นำแหวนที่เตรียมเอาไว้ออกมา หลังจากนั้นก็เงยหน้าขึ้นมองมือซ้ายของซูสือจิ่น แล้วสวมลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอ
จากนั้นเขาก็ยกมือของตนเองและมือของซูสือจิ่นขึ้นมา วางอยู่ตรงหน้าของแจ็ค : “เห็นแล้วใช่ไหม? แหวนแต่งงาน!”
แจ็คก็เรียนออกแบบมา เป็นธรรมดาที่จะมองออกว่า นี่คือแหวนคู่ชายหญิง
อีกทั้งท่าทางของหยานชิงเจ๋อที่สวมแหวนลงบนนิ้ว มองแวบแรกก็รู้ว่าไม่ได้ซื้อมาสวมแค่ชั่วคราว
แววตาของเขาหม่นหมองลง : “Fiona พวกคุณ……”
ซูสือจิ่นกัดๆปาก ในที่สุดก็ยังคงพยักหน้าตอบว่า : “อืม”
ในทันทีหัวใจของหยานชิงเจ๋อก็มีความสุขอย่างมาก เวลานี้เธอยอมรับเขาแล้วใช่ไหม? อีกทั้งยังพูดต่อหน้าศัตรูของหัวใจอีกด้วย
แจ็คมองหยานชิงเจ๋อ พูดอย่างเศร้าๆว่า : “ฉันยังคิดว่าเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ชนะ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นคุณ”
ซูสือจิ่นฟังอะไรบางอย่างออกจากคำพูดของเขา เธอจึงถามแจ็คอย่างงุนงงว่า : “ก่อนหน้านี้คุณเคยเจอเขาแล้วเหรอ?”
“ใช่ เขาเคยไปตามหาคุณ วันนั้นคุณออกไปกับผู้ชายอีกคนหนึ่งแล้ว มีแค่ฉันที่อยู่” แจ็คกล่าวว่า : “ไม่ใช่แค่ครั้งนั้นนะ ต่อมาฉันก็ได้เจอเขาอีกหลายครั้ง”
“ห๊ะ?!” ซูสือจิ่นตกใจ
แจ็คผายมือออก : “อันที่จริงฉันยอมแพ้แล้ว แล้วก็ยอมเลื่อมใสจริงๆ ถึงอย่างไร ก่อนหน้านี้เขาก็แอบช่วยคุณอยู่ทางด้านนั้นหลายครั้ง”
ซูสือจิ่นคาดเดาอยู่ในใจ เธอหรี่ตามองเขา : “อย่างเช่น?”
“อย่างเช่น หลายๆครั้งที่คุณซื้อของสำคัญ และฉันกำลังจะไปช่วย เขาก็เรียกคนมาช่วยถือของไปส่งคุณ……” แจ็คถอนหายใจแล้วพูดว่า : “ยังมีอีกหลายครั้ง ที่คุณออกไปโดยไม่เอาร่มไปด้วย เขาก็ให้คนเอาร่มไปส่งคุณ”
“อย่างนั้นทำไมก่อนหน้านี้คุณถึงไม่บอกฉัน?” ซูสือจิ่นกล่าว
“ทำไมฉันต้องช่วยเขาด้วย เขาต้องบอกด้วยตนเองสิ ฉันไม่ได้โง่ขนาดนั้นนะ!” แจ็คเป็นผู้ชายเปิดเผย จึงเบือนหน้าหนี
ซูสือจิ่นทำอะไรไม่ถูก แต่ในใจก็ผุดภาพมากมายขึ้นมา
เดิมทีสิ่งเหล่านั้นเธอคิดว่าเป็นความโชคดีที่มีนางฟ้าช่วยเหลืออยู่ แต่ความจริงแล้ว เป็นหยานชิงเจ๋อแอบช่วยเธออยู่อย่างเงียบๆใช่ไหม?
เธอรู้สึกว่าหัวใจสั่นหวั่นไหวเล็กน้อย มองหยานชิงเจ๋ออย่างไม่อยากจะเชื่อ
เขาไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ เขาเริ่มทุ่มเทอย่างเงียบๆ เริ่มคิดถึงปัญหาจากมุมมองของเธอ จนกระทั่งรู้ว่าลั่วฝานหวากำลังจะหมั้นหมาย ก็รีบแย่งชิงเธอกลับมาบ้าน แล้วก็ไม่ได้ทำร้ายจิตใจเธอเลย
เริ่มรู้สึกประทับใจ และรู้สึกว่าหัวใจค่อยๆอบอุ่นขึ้นมา
เธอนึกวาดภาพเหล่านั้นในตอนนั้น เขายืนอยู่ที่มุมหนึ่ง มองเธออยู่ไกลๆ นึกถึงเธอที่บอกว่าอย่ามารบกวนอีก เพราะเหตุนี้ จึงให้คนรอบๆตัวเธอช่วยเหลือแทน
มีอยู่หลายครั้ง ที่เธอจำเป็นที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก เขาก็ปรากฏตัวอย่างเงียบๆ ช่วยแบ่งเบาภาระแทนเธอ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้นมา
ซูสือจิ่นนึกถึงตรงนี้ ก็ยื่นมือออกไปจับมือของหยานชิงเจ๋อ
เธอถามเขาว่า : “คุณตามหาฉันเจอตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก่อนลั่วฝานหวาไปตามหาคุณหนึ่งวัน” หยานชิงเจ๋อกล่าว
ในชั่วพริบตาซูสือจิ่นก็นึกถึงโทรศัพท์ในวันนั้น เขาเหมือนกับขอร้องอ้อนวอน ให้เธอพูดคุยกับเขา ไม่อยากให้เธอวางสายไป เป็นเพราะว่า……
เธอมองไปที่เขา : “วันนั้นที่ฝานหวาไปที่บ้านฉัน คุณก็อยู่ด้านนอกใช่ไหม?”
หยานชิงเจ๋อพยักหน้า
ถึงแม้ว่าจะผ่านไปแล้ว ถึงแม้ว่าเวลานี้พวกเขาจะจับมืออยู่ด้วยกัน เขากลับไปนึกถึงสถานการณ์ในตอนนั้น ก็ยังคงรู้สึกไม่สบายใจจนหายใจไม่ออก
“แล้วทำไมไม่บอกฉัน?” ซูสือจิ่นรู้สึกเจ็บปวดใจแทนเขา
“เพราะฉันกลัวว่าคุณจะตกใจกลัว” น้ำเสียงของหยานชิงเจ๋อค่อนข้างแผ่วเบา : “ฉันกลัวว่าคุณเห็นฉัน แล้วจะหลบซ่อนตัวอีกครั้ง หลังจากนั้น ฉันก็ต้องใช้เวลานานมากเพื่อตามหา……”
ในชั่วพริบตา เธอก็เข้าใจอะไรๆทั้งหมด
ระหว่างพวกเขา อันที่จริงจะว่าไปแล้วมันก็ไม่ยาก แต่เพราะบาดแผลก่อนหน้านี้ เธอจึงไม่เชื่อใจและไม่กล้าที่จะไปรัก และเขา ก็เริ่มกังวลถึงผลลัพธ์
ดังนั้น จึงทำให้ต้องเสียเวลาไปนานแบบนี้
ซูสือจิ่นดึงสติกลับมาได้ก่อน จึงกล่าวกับแจ็คที่อยู่ข้างๆว่า : “แจ็ค ที่นี่ของพวกเรามีร้านอาหารอร่อยๆเยอะแยะเลย คุณอยากทานอะไรล่ะ?”
แจ็คส่ายหน้า : “ฉันทานอาหารบนเครื่องบินมาแล้ว ครั้งนี้คุณก็รู้ว่า ฉันมาเข้าร่วมกิจกรรมกับอาจารย์ที่ปรึกษา เขามาถึงโรงแรมแล้ว ฉันก็ต้องเข้าไปหาเขาโดยตรง”
ซูสือจิ่นพยักหน้า : “โอเค อย่างนั้นพวกเราจะไปส่งคุณ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ต้องการความช่วยเหลือ จำไว้ว่าโทรหาฉันเป็นคนแรกนะ”
แจ็คพยักหน้า แล้วกล่าวหยอกล้อว่า : “โอเค แต่สามีของคุณจะต่อยฉันไหม?”
ซูสือจิ่นนิ่งอึ้งไปเล็กน้อย : “ทำไมล่ะ?”
แจ็คชี้ไปที่แก้มของหยานชิงเจ๋อ
ชั่วพริบตา ซูสือจิ่นก็ต้องปิดปาก
เพราะเธอเห็นบริเวณที่หยานชิงเจ๋อถูกลั่วฝานหวาต่อยจนเขียวช้ำเมื่อวาน ดังนั้นพอเธอมองไปที่เขา ก็รู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
และตอนนี้ คาดไม่ถึงว่าหยานชิงเจ๋อจะกล้าพาใบหน้าของตนเองที่ถูกต่อยจนเขียวช้ำออกมา?
เธอหันหน้ากลับมา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นก็กล่าวอธิบายกับแจ๊ค เขาได้รับบาดเจ็บตอนชกมวยออกกำลังกายน่ะ ไม่ได้ชอบชกต่อยหรอก
แต่หยานชิงเจ๋อไม่ใจเย็นอีกแล้ว เพราะเขาร้อนใจ วันนี้ตอนออกมาจึงลืมปัญหาเรื่องภาพลักษณ์ของตนเองไปโดยสิ้นเชิง และตอนนี้…….
เขายกมือขึ้นปิดครึ่งหน้าไว้ : “เสี่ยวจิ่น ตอนนี้ฉันน่าเกลียดมากเลยใช่ไหม?”
ซูสือจิ่นส่ายหน้า ในดวงตายังคงมีรอยยิ้ม : “ยังดีอยู่ มีรอยฟกช้ำนิดหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอก ดูแล้วก็ยิ่งแมน”
คนทั้งสองไปส่งแจ็คที่โรงแรมเพื่อพบอาจารย์ที่ปรึกษาปริญญาโทในอนาคตของเขาแล้ว เมื่อออกมาจากโรงแรม ซูสือจิ่นก็ท้องร้อง
ตั้งแต่เมื่อเย็นวานจนถึงตอนนี้ เธอยังไม่ได้ทานอะไรเลย
และหยานชิงเจ๋อ ก็ยิ่งไม่ได้ทานอะไรเลยทั้งวัน ได้ยินซูสือจิ่นท้องร้อง จึงตระหนักได้ว่า ตนเองก็หิวจนหน้ามืดตาลาย
ถึงแม้เวลานี้ภาพลักษณ์จะหมดความสง่างาม แต่หยานชิงเจ๋อก็ยังตัดสินใจที่จะแก้ไขปัญหาปากท้องก่อน
พอดีหลังจากลงจากทางด่วนได้ไม่นาน ก็ผ่านร้านอาหารเล็กๆ เมื่อก่อนตอนยังเรียนหนังสืออยู่ เป็นร้านหนึ่งที่คนทั้งสองไปด้วยกันบ่อยๆ ด้วยเหตุนี้ หยานชิงเจ๋อจึงหันไปกล่าวกับซูสือจิ่นว่า : “เสี่ยวจิ่น อยากทานร้านเล็กๆนั้นไหม? หรือว่าจะไปทานมื้อเย็นที่ในเมือง?”
ตอนนี้ซูสือจิ่นก็หิวจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว ดังนั้น ได้ฟังคำพูดของหยานชิงเจ๋อแล้ว ก็รีบแสดงความคิดเห็นว่า : “หาอะไรกินสักหน่อยเถอะ ฉันรอไม่ไหวแล้ว!”
ด้วยเหตุนี้ หยานชิงเจ๋อจึงจอดรถ แล้วจูงมือของซูสือจิ่นเข้าไปในร้านอาหารเล็กๆนั้น
เถ้าแก่เนี้ยยังเป็นคนเดียวกันกับในตอนนั้น เพียงแต่ เมื่อเห็นหยานชิงเจ๋อจูงมือซูสือจิ่น ก็มองแล้วมองอีก
คนทั้งสองสั่งอาหารที่ปกติแล้วชอบทาน พนักงานเสิร์ฟรินน้ำให้คนทั้งสองคนละแก้ว
ร้านอาหารนี้มีคนไม่มาก เสิร์ฟอาหารค่อนข้างเร็ว ขณะที่ซูสือจิ่นบ่นพึมพำกับตัวเองว่าหิวจะตายอยู่แล้วเป็นครั้งที่สิบสาม เถ้าแก่เนี้ยก็ยกอาหารมาเสิร์ฟด้วยตนเอง
เธอวางอาหารลง เสิร์ฟข้าวให้คนทั้งสอง แล้วยืนอยู่ข้างๆไม่ขยับไปไหน
หยานชิงเจ๋อสังเกตเห็นเธอมีอะไรที่อยากจะพูด ด้วยเหตุนี้จึงเงยหน้าขึ้นแล้วกล่าวว่า : “เถ้าแก่เนี้ย มีอะไรเหรอครับ?”
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่เห็นเหมือนว่า พวกคุณแต่งงานกันแล้วใช่ไหม? ก่อนหน้านี้ ฉันจำได้ว่าคุณบอกว่าเธอคือน้องสาวของคุณ” เถ้าแก่เนี้ยรู้สึกเกรงใจเล็กน้อย
ซูสือจิ่นกำลังจู่โจมอาหารอย่างรวดเร็ว แต่ทางด้านหยานชิงเจ๋อกลับยิ้มๆ : “ไม่มีความสัมพันธ์กันทางสายเลือดหรอกครับ เมื่อก่อนเธอยังอายุน้อย กลัวจะทำให้เธอตกใจ”
เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้า สายตาจับจ้องบนใบหน้าของหยานชิงเจ๋อ จากนั้น ก็มองไปยังซูสือจิ่นที่กำลังก้มหน้าก้มตาทานอาหารอยู่
ในที่สุด เธอก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากว่า : “สาวน้อย”
“คะ?” ซูสือจิ่นเงยหน้าขึ้น มุมปากมีข้าวติดอยู่เม็ดหนึ่ง
หยานชิงเจ๋อเห็นเช่นนี้แล้ว จึงยื่นมือออกไป หยิบเม็ดข้าวออกให้เธออย่างระมัดระวัง แล้วกล่าวอย่างอ่อนโยนว่า : “ทำไมยังทำเหมือนตอนเด็กๆอีกล่ะ? ค่อยๆทานสิ เดี๋ยวก็สำลักหรอก”
เถ้าแก่เนี้ยทอดถอนใจแล้วกล่าวว่า : “สาวน้อย คุณดูสิสามีของคุณดีกับคุณมากขนาดนี้ แต่ทำไมคุณถึงยังกล้าลงมือได้อีก! ถ้าฉันมีสามีที่หล่อขนาดนี้นะ ไม่ว่าเขาจะทำอะไร ฉันจะไม่แตะต้องเขาอย่างเด็ดขาด! นี่มิหนำซ้ำ ยังต่อยหน้าเขาอีก!”
เธอพูดพลาง มองใบหน้าของหยานชิงเจ๋ออย่างสงสารจับใจ : “ยังดีที่ไม่ต่อยจนเสียโฉม ไม่อย่างนั้นก็น่าเสียดายแย่เลย!”
ในที่สุดซูสือจิ่นก็เข้าใจ เธออยากจะหัวเราะ แต่เมื่อเห็นสายตาที่กล่าวเตือนของหยานชิงเจ๋อแล้ว
เธอจึงรีบทานอาหารต่อไป ไม่ได้ส่งเสียง
แต่หยานชิงเจ๋อเงยหน้าแล้วอธิบายว่า : “ไม่ใช่เธอหรอกครับ คือฉันได้รับบาดเจ็บจากการออกกำลังกายเอง”
“โอ้ พ่อหนุ่ม ต้องระวังหน่อยนะ หน้าตาหล่อขนาดนี้ เสียโฉมไปน่าเสียดายแย่เลย!” เถ้าแก่เนี้ยทอดถอนใจ : “ไม่เหมือนกับตาแก่ปากเสียนั่นของฉัน จะต่อยก็ต่อยไปเถอะ!”
ซูสือจิ่นเบ้ปาก : “เชอะ ผู้ชายเป็นเหตุจริงๆ! แม้แต่ป้าวัยสี่สิบกว่าก็ยังไม่ยอมปล่อยวาง!”
หยานชิงเจ๋อทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ : “เสี่ยวจิ่น ถ้าไม่ใช่เพราะช่วยล้างมลทินให้คุณ คำพูดของเธอ ฉันก็คงทำเป็นไม่สนใจไปแล้วล่ะ!”
ซูสือจิ่นยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม ได้ทานอาหารรองท้องไปหน่อยแล้ว ก็รู้สึกสบายขึ้นมาก
แต่เวลานี้ หยานชิงเจ๋อกลับมองไปยังแก้วน้ำที่อยู่ในมือเธอ แล้วนึกถึงคำพูดที่ได้ยินวันนั้นตอนอยู่ที่บ้านสือมูเฉิน
ริมฝีปากของเขาขยับเล็กน้อย : “เสี่ยวจิ่น”
“หืม?” ซูสือจิ่นเงยหน้ามอง
“ฉินไห่เทา ถูกฉันฆ่าตายแล้ว” หยานชิงเจ๋อกล่าว