บทที่ 352 หนูอยากตรวจกระดาษคำตอบ

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 352 หนูอยากตรวจกระดาษคำตอบ

บทที่ 352 หนูอยากตรวจกระดาษคำตอบ

“ผลสอบออกมาแล้วครับ พวกคุณไปดูได้ที่ป้ายประกาศสีแดงได้เลยนะ รอบนี้คนสมัครเยอะก็จริง แต่คนมาสอบน้อย ถ้าสอบไม่ผ่านก็ตั้งใจเรียนต่อนะ อย่าคิดเรื่องที่ไม่สามารถเป็นจริงต่อเลย”

ครูใหญ่กู้พูดอย่างเฉียบขาด

เฉินจื่ออันถาม “เด็กพวกนี้สอบเข้าโรงเรียนคุณได้ทุกคน แต่เราเพิ่งไปดูผลมาแต่ไม่มีรายชื่อพวกเราในนั้น”

ในเมื่อเจอเรื่องแบบนี้มา เฉินจื่ออันก็ไม่มีความตั้งใจที่จะพูดดีกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

ครูใหญ่กู้ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนี้

ถึงจะสอบแย่จนถึงขนาดได้ศูนย์คะแนน แต่ก็ควรมีชื่อในนั้นสิ แล้วทำไมถึงไม่มีล่ะ?

“พวกคุณพูดจริงหรือ?” ครูใหญ่กู้รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ

เขายังคิดด้วยซ้ำว่าถ้ามันมีปัญหาก็น่าจะมีแค่คนเดียวสิ แต่จะมีปัญหากับเด็กเยอะขนาดนี้ได้อย่างไร?

หรือเดิมทีเด็กพวกนี้ไม่ได้มาเข้ารวมการสอบอยู่แล้ว?

ความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนผุดขึ้นในความคิดของครูใหญ่กู้ แต่ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน เขาก็รู้สึกว่าไม่น่าเป็นไปได้

“จริงครับ เสี่ยวเถียน เอาบัตรเข้าสอบของพวกเธอออกมาหน่อยสิ!” เฉินจื่ออันเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เด็ก ๆ เอาบัตรเข้าสอบออกมาจากกระเป๋าอย่างรวดเร็ว

ครูใหญ่กู้หยิบบัตรเข้าสอบมาดูด้วยความสงสัย แล้วก็จำได้ว่าเด็กพวกนี้ไม่ใช่คนในเมือง

พวกเขาเป็นเด็กจากพื้นที่เล็ก ๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ ตอนมาสมัครสอบ เพราะสถานการณ์พิเศษของพวกเด็ก ๆ เขาจึงให้ความสนใจมาก

ครูใหญ่กู้สงสัยว่าเด็กพวกนี้สอบไม่ผ่านเพราะเรียนไม่เก่งหรือเปล่า

“พวกเธอแน่ใจใช่ไหมว่าไม่มีชื่อในใบประกาศ?”

“ครูใหญ่ พวกเราหากันตั้งหลายคน แต่หาไม่เจอเลยนะ”

“พวกเธอทั้งหกคนไม่มีผลคะแนนเลยหรือ?” เขาถามอีกรอบ

“ผมมีครับ พวกเราสอบด้วยกันหมดเลย เราสามคนสอบเข้ามัธยมปลายปีสอง ส่วนน้องสามคนนี้สอบเข้าห้องพิเศษครับ” เด็กหนุ่มตอบ

“เธอชื่ออะไรนะ?” ครูใหญ่กู้ถาม “ถ้าคะแนนเธอไม่มีปัญหาแล้วมากับพวกเขาทำไมหรือ?”

“ผมชื่อฉืออี้หย่วนครับครูใหญ่ ที่มาด้วยกันเพราะพวกเราเป็นพี่น้องกันครับ”

ฉืออี้หย่วน?

ครูใหญ่กู้จำเด็กคนนี้ได้ทันที เพราะการสอบของมัธยมปลายปีสองในครั้งนี้เด็กคนนี้สอบได้อันดับหนึ่ง

คะแนนของเขาดีมาก ครูใหญ่กู้ดูกระดาษคำตอบของเขายังต้องทึ่ง

“ที่แท้ก็ฉืออี้หย่วนนี่เอง สอบได้ดีเลยนะ!” ครูใหญ่กู้ชมอย่างไม่ลังเล ในน้ำเสียงเต็มความชื่นชม

“ครูใหญ่ วันนี้เราไม่ได้มาที่นี่เพื่อหารือเกี่ยวเรื่องของผมครับ แต่เรามาเพื่อหารือถึงปัญหาที่ไม่มีชื่อพวกเขาในใบประกาศ” ฉืออี้หย่วนเอ่ยอีกครั้ง

เฉินจื่ออันไม่ได้ปริปากพูดอะไร

ครูใหญ่กู้ไม่คิดว่าเด็กคนนี้จะพูดจาอย่างใช้อำนาจ ถึงเด็กดีที่สอบได้อันดับแรกจะหายาก แต่ครูใหญ่กู้ไม่ชอบนักเรียนที่ไม่รู้จักเคารพครูหรอกนะ

เสี่ยวเถียนพูดชัดถ้อยชัดคำ “ครูใหญ่คะ หนูอยากตรวจกระดาษคำตอบของหนูค่ะ!”

ครูใหญ่กู้รู้สึกประหลาดใจมากยิ่งขึ้นที่เด็กหญิงจะกล้าอย่างมั่นใจว่าอยากตรวจกระดาษคำตอบของตัวเอง เด็กคนนี้มั่นใจในตัวเองเหลือเกิน

พวกเขาเป็นนักเรียนจากชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ ถึงแม้จะเรียนได้คะแนนดีจากสถานที่แห่งนั้น แต่ก็ใช่ว่าจะสอบผ่านข้อสอบของเมืองหลวงหรือเปล่า?

“ผลการเรียนของพวกเธอไม่น่าจะดีมากนะ อาจจะตกหล่นไปก็ได้!”

ถึงครูใหญ่กู้จะไม่อดทนกับคนพวกนี้แล้ว แต่เพราะฉืออี้หย่วน เด็กที่สอบได้อันดับหนึ่งยังยืนอยู่ที่นี่ เขาเลยยังมีท่าทางสุภาพ

เสี่ยวเถียนยิ้มเยาะ

กระดาษคำตอบก็ไม่ให้ดู แล้วยังมาพูดอีกว่าคะแนนไม่ดีเลยทำหาย

“เรื่องนี้ต้องรบกวนครูใหญ่อธิบายด้วยครับ!” เฉินจื่ออันได้ฟังก็โมโห ถึงขนาดตอนที่พูดก็ไม่สุภาพกว่าเดิม

ครูใหญ่กู้รู้สึกรำคาญกับประโยคนี้มาก

คนบ้านนี้มันช่างเหิมเกริมเกินไปแล้วจริง ๆ ท่าทางแบบนี้ต่อให้สอบได้คะแนนดีก็ไม่มีประโยชน์

ครูใหญ่กู้มองฉืออี้หย่วนด้วยใบหน้าเย็นชา น่าเสียดายที่สอบได้คะแนนดีนัก!

“ไม่มีทางตรวจกระดาษคำตอบได้อยู่แล้ว รบกวนพวกคุณออกไปด้วย!” ครูใหญ่กู้ไม่อยากคุยด้วยแล้ว และเอ่ยปากไล่พวกเขาออกไป

เขาคิดดีแล้ว ถ้าฉืออี้หย่วนอยากสร้างปัญหากับคนพวกนี้ด้วย เขาก็จะไม่รับเด็กคนนี้เหมือนกัน

ก็แค่นักเรียนคนเดียวเอง!

“ครูใหญ่ตัดสินใจแล้วใช่ไหม?” ตอนที่เฉินจื่ออันถามประโยคนี้ น้ำเสียงเขาเย็นเยียบจนทำให้คนฟังสั่นสะท้าน

เขาไม่อยากพูดอะไรต่อ แต่ท่าทางของครูใหญ่มันน่าอึดอัดมาก

จู่ ๆ ชายวัยสี่สิบกว่าก็เกิดกลัวขึ้นมา แต่ในไม่ช้าเขาก็สงบลง

ก็แค่เด็กไม่กี่คนจากสถานที่เล็ก ๆ อย่างไรเสียคะแนนสอบก็ไม่น่าจะดีขนาดนั้นอยู่แล้ว ไม่ได้มีอิทธิพลอะไรมากนัก

ทำไมเขาต้องกลัวด้วยล่ะ?

“ฉันตัดสินใจแล้ว!” ครูใหญ่กู้ตอบ

เฉินจื่ออันหยุดพูดก่อนเดินไปที่โต๊ะอีกฝ่าย เขาเอื้อมมือไปยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วกดโทรออก

“คุณคิดจะทำอะไร?” ครูใหญ่กู้รีบก้าวเข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างรวดเร็ว

แต่เพราะการเคลื่อนไหวของเฉินจื่ออันนั้นรวดเร็ว ไม่ทันที่อีกฝ่ายจะเข้ามา เขาก็กดโทรศัพท์ออกไปแล้ว

ครูใหญ่คิดจะหยุด แต่ก็โดนจื่ออันขวางไว้

“รอผมโทรศัพท์ก่อน เสร็จเมื่อไรจะจ่ายค่าโทรให้คุณเอง!”

สิ่งที่เฉินจื่ออันพูดทำให้เขาหดหู่ใจมาก มันใช่ปัญหาค่าโทรเสียที่ไหนล่ะ?

ครูใหญ่กู้อยากจะวางสาย แต่ความแข็งแกร่งทางกายของจื่ออันที่เป็นทหารกับครูใหญ่กู้ที่เป็นครูผู้สอนไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย

“สวัสดีครับอดีตผู้นำ ผมจื่ออันนะครับ”

ครูใหญ่กู้ตกใจที่ได้ยินเฉินจื่ออันเอ่ยเรียกอีกฝ่ายว่าอดีตผู้นำ

แต่คนที่โดนเรียกว่าหัวหน้าก็ไม่น่าจะมีอะไรนี่ หรือคนพวกนี้จะมีคนหนุนหลังอยู่?

“คือแบบนี้ครับ วันนี้ที่ผมโทรหาท่านเพราะเด็ก ๆ บ้านซู…” เฉินจื่ออันเล่าอย่างรวดเร็ว

ครูใหญ่กู้กำลังฟังอยู่ และคิดอยู่ตลอดว่ามันมีตรงไหนที่ผิดปกติ ทว่ากลับไม่เข้าใจว่ามันผิดตรงไหน

“ครับอดีตผู้นำ เดี๋ยวผมจะให้ครูใหญ่รับสายต่อนะครับ”

ตอนนั้นครูใหญ่กู้รู้สึกงุนงงออยู่แล้ว และยิ่งได้ยินเฉินจื่ออันบอกว่าให้เขารับสาย ตนเองก็ยิ่งประหม่ากว่าเดิม

เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายที่คุยด้วยเป็นใคร

“สหาย อีกฝ่ายเป็นผู้นำท่านไหนหรือ?” ครูใหญ่กู้ถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ

“คุณรับสายเมื่อไรก็รู้เองแหละ!” เฉินจื่ออันไม่อยากจะเสวนากับครูใหญ่สมองเลอะเลือนคนนี้เลย

อีกฝ่ายรับสายอย่างอย่างกระวนกระวายใจ หน้าผากมีเหงื่อผุดซึมไหลเต็มไปหมด

“สหาย ผมจะให้คนมาตรวจกระดาษคำตอบเองครับ” ท่าทางของเขาดูอ่อนน้อมถ่อมตนมากขึ้น

เขาไม่คิดเลยว่าเด็ก ๆ ที่มาจากตะวันตกเฉียงเหนือพวกนี้จะมีคนหนุนหลังเป็นคนใหญ่คนโตอยู่

ทว่าท่านนั้นไม่ได้พูดชัดว่าให้เขาใส่ชื่อเด็ก ๆ เข้าไปในรายชื่อ แต่บอกว่าให้ตรวจกระดาษคำตอบอย่างละเอียดเพื่อดูว่ามีอะไรผิดพลาดหรือเปล่า