บทที่ 353 จะต้องรับมือให้ได้

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 353 จะต้องรับมือให้ได้

บทที่ 353 จะต้องรับมือให้ได้

ครูใหญ่กู้คิดอะไรไม่ออกจริง ๆ มันก็แค่สายเดียวเอง ทำไมคนผู้นั้นถึงได้เชื่อว่าสิ่งที่ชายตรงหน้าเขาพูดคือเรื่องจริง?

แต่พอนึกถึงมันอีกครั้ง เขาก็เหงื่อแตกพลั่ก

แสดงว่าเฉินจื่ออันต้องได้รับความไว้วางใจจากอีกฝ่ายมากแน่ ๆ

ต้องบอกอีกว่าคนผู้นั้นก็เชื่อใจมากเหมือนที่กันเด็ก ๆ จะสอบได้คะแนนดีแน่นอน

ครูใหญ่กู้จ้องมองไปฉืออี้หย่วน และจู่ ๆ ก็คิดว่าตนมองข้ามอะไรบางอย่างไปตั้งแต่แรก

คนแบบเดียวกันมักจะอยู่รวมกัน

หนึ่งคนสอบได้อันดับหนึ่งท่ามกลางคนจำนวนมาก เช่นนั้นแล้วคนที่อยู่รอบตัวเขาก็ไม่น่าจะโดดเด่นไปกว่าเขา หรือก็ไม่น่าใช่คนธรรมดาแน่นอน

เขาผิดเอง ผิดมาตั้งแต่ต้น

โชคดีที่ยังมีเวลาแก้ไขอยู่

“รบกวนครูใหญ่ช่วยจัดการด้วยครับ เพื่อไม่ให้เกิดความสงสัย พวกเราจะไม่เข้าไปยุ่งแน่นอน” เฉินจื่ออันพูดเสียงเย็นเยียบ

ล้อกันเล่นน่า โดนรังแกกันแบบนี้จะให้ยิ้มอยู่ได้อย่างไร?

และไม่ว่าเรื่องนี้ครูใหญ่จะมีส่วนรวมหรือไม่ แต่เรื่องที่ละเลยการตรวจกระดาษคำตอบก็เกิดขึ้นไปแล้ว

กู้ลี่เหรินถอนหายใจเมื่อรู้ว่าตนต้องเผชิญหน้ากับมันด้วยทัศนคติเชิงบวกเท่านั้น

ถ้าไม่ระวัง ความสำเร็จที่สร้างมาหลายปีจะต้องสูญเปล่าแน่นอน

เขาคิดจะพูดอย่างอื่นด้วย แต่เฉินจื่ออันเมินไปเสียแล้ว ทั้งยังไม่รอให้เขาเชื้อเชิญ อีกฝ่ายเดินไปลากเก้าอี้มาแล้วนั่งลงอย่างอาจหาญ

ท่านั่งของเฉินจื่ออันเป็นแบบมาตรฐานของทหาร ซึ่งเป็นการนั่งหลังตรง มือวางไว้บนต้นขา

ท่านั่งแบบนี้ ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ รังแต่จะทำให้คนกดดันอย่างไม่มีที่สิ้นสุดเท่านั้น

ครูใหญ่กู้อดไม่ได้ที่จะปาดเหงื่ออีกครั้ง

ถ้าเขายังมองภูมิหลังของชายคนนี้ไม่ออกอยู่อีกก็คงโง่แล้วจริง ๆ

เขาไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว! บางทีตอนนี้อาจทำงานในส่วนที่สำคัญอยู่ก็ได้

กู้ลี่เหรินอดไม่ได้ที่จะกลัวความคิดก่อนหน้านี้

เขาคิดแค่ว่าเด็กพวกนี้คือคนที่มาจากพื้นที่เล็ก ๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือ เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรอยู่แล้ว

แต่กลับมองข้ามว่าการที่คนเหล่านั้นจะมาเรียนถึงเมืองหลวงได้ คนที่คอยหนุนหลังจะไม่พูดถึงได้อย่างไร?

แต่จะมาพูดตอนนี้ก็คงจะสายเกินไปแล้ว

เขาทำได้แค่พยายามแก้ปัญหาอย่างเต็มใจและรวดเร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบขึ้น

พอนึกขึ้นมาแล้วเขาก็ไม่รอช้า และรีบออกไปจัดการทันที

เห็นครูใหญ่กู้เร่งรีบออกไป เฉินจื่ออันคลายความเย็นลงเล็กน้อย

เสี่ยวเถียนเอ่ย “อาเขย เรื่องนี้แก้ไขได้ใช่ไหมคะ?”

“ได้สิ อดีตผู้นำออกหน้าให้แล้ว ไม่มีเรื่องไหนแก้ไขไม่ได้หรอก”

ถึงจะไม่อยากใช้อำนาจกดขี่ แต่ต้องบอกว่าการทำแบบนี้มันเป็นวิธีการจัดการที่กระชับที่สุด

แต่ถ้าเป็นเขา ครูใหญ่คนเมื่อครู่คงทำอะไรเร่งด่วนแบบนี้ไม่ได้หรอก

ตอนนี้เสี่ยวเถียนสามารถวางใจได้แล้ว

อาเขยพูดคำไหนคำนั้น ถ้าเขาบอกว่ามันแก้ไขได้ มันก็จะแก้ไขได้แน่นอน

“อดีตผู้นำเป็นห่วงพวกเธอมาก โดยเฉพาะตอนที่รู้ว่าพวกเธอเรียนเก่ง เขาบอกอีกว่าให้ตั้งใจเรียนด้วยนะ อีกสองสามวันทุกอย่างจะราบรื่นเอง แล้วเขาก็ชวนพวกเธอไปเป็นแขกด้วย!”

ตอนที่เฉินจื่ออันพูดกับเด็ก ๆ น้ำเสียงของเขาเป็นมิตรมาก

เป็นท่าทางสบาย ๆ ของพวกผู้ใหญ่

ครูใหญ่กู้ออกไปประมาณยี่สิบนาทีก่อนจะรีบกลับมาที่สำนักงาน

พอเดินเข้าประตูมาก็รู้สึกกดดันจนเหงื่อไหลไคลย้อยออกมาอีกรอบ

ตอนนั้นพวกเสี่ยวเถียนอยู่ในท่ายืนสบาย ๆ ที่มุมหนึ่งของห้อง และถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่าพวกเขาล้อมเฉินจื่ออันอยู่

ส่วนเฉินจื่ออันยังนั่งเก้าอี้อยู่ในท่าเดิม ครูใหญ่กู้ไม่แน่ใจว่าเขาขยับหรืออยู่ในท่านี้ตลอด

แต่ท่าทางของคนกลุ่มนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังรอคำตอบ

เรื่องนี้ไม่มีทางจัดการไปได้ดีกว่านี้อีกแล้ว

ตอนออกไปจัดการเรื่องนี้ เขามั่นใจแล้วว่าเด็กกลุ่มที่อยู่ด้วยเมื่อครู่ไม่ได้มีชื่ออยู่ในใบประกาศ

ถึงจะโกรธมากที่มีคนข้างกายลอบทำสิ่งนี้ แต่เมื่อนึกถึงคนในสำนักงาน เขาก็ทำได้แค่รีบจัดการเรื่องตรวจสอบกระดาษคำตอบก่อน

เราจะมีการตรวจสอบเรื่องนี้แน่นอน และเขาจะต้องรู้ให้ได้ว่าในโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดของเรา มีคนแบบไหนที่กล้าทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้ได้

โชคดีที่ใช้เวลาไม่นานในการตรวจสอบ เขาเลยสบายใจขึ้นมาก

เขายกแขนปาดเหงื่อ ก่อนนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้ชงชาให้แขกเลย

ไร้มารยาทจริง ๆ!

ครูใหญ่กู้รีบหยิบถ้วยและใบชาออกจากตู้ จากนั้นก็หยิบกระติกน้ำร้อนและเริ่มชงชาพร้อมเทน้ำใส่!

“สหาย ท่านดื่มน้ำก่อนครับ เรื่องนี้ผมให้คนมาตรวจสอบแล้ว จะต้องให้คำตอบที่น่าพอใจกับท่านและพวกเด็ก ๆ แน่นอนครับ”

ครูใหญ่กู้วางชาที่ชงแล้วลงบนโต๊ะตรงหน้าเฉินจื่ออันอย่างสุภาพ

น้ำเสียงและท่าทางมีความประจบสอพลอเล็กน้อย

เฉินจื่ออันแค่ปรายตามองโดยไม่ได้พูดอะไร ส่วนชาแก้วนั้นไม่ได้แตะมันด้วยซ้ำ

อากาศร้อนนะ แต่เขาไม่อยากดื่มน้ำชาในแก้ว

เฉินจื่ออันไม่ดื่มน้ำ ครูใหญ่กู้จึงทำได้เพียงรินให้เด็ก ๆ และคอยต้อนรับพวกเขา

เขาหวังว่าเด็ก ๆ จะตอบรับและมีท่าทีอ่อนลงต่อเขา

ทว่ามันก็ทำให้ครูใหญ่ผิดหวังอีกครั้ง ถึงแม้พวกเด็ก ๆ จะหิวน้ำ แต่ตอนนี้พวกเขายังยืนเงียบอยู่

ชายวัยสี่สิบกว่ารู้สึกว่าเรื่องนี้ยากที่จะรับมือแล้ว

ไม่รู้ว่าเป็นไอ้พวกตาไร้แววที่ไหนถึงได้แอบทำเรื่องลับหลังรังแกคนพวกนี้

แค้นคนอื่นไม่ได้หรือ? ดันมาแค้นคนในครอครัวนี้เนี่ยนะ

มาจากตะวันตกเฉียงเหนือแล้วมันอย่างไร?

ใครว่าที่นั่นจะไม่มีคนใหญ่คนโตกัน?

อยากจะฆ่าให้ตายจริง ๆ!

ขณะที่ครูใหญ่กำลังบ่น โทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์ปลุกสติเขาขึ้นมา ก่อนที่ชายวัยสี่สิบกว่าจะวิ่งเข้าไปรับสาย

ตอนนั้นที่เขาผ่อนคลายลง

เพราะตอนที่รับสายไม่ต้องรับแรงกดดันแล้ว

ส่วนชายตรงหน้าไม่รู้กินอะไรมา ถึงได้ทำให้คนเขากดดันได้มากมายขนาดนี้

เฉินจื่ออันนั่งนิ่ง ๆ อย่างมีสมาธิ เหมือนไม่สนใจสิ่งรอบข้างเลย

ครูใหญ่กู้เห็นว่าไม่มีใครคิดจะหลีกไปไหน เขาก็ตรงไปหยิบหูโทรศัพท์

และสิ่งที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงคือ คนที่ปลายสายโทรศัพท์นั้นเป็นผู้มีพระคุณของเขา

คนผู้นี้คอยคุ้มครองไม่ว่าก่อนหน้านี้จะเจอช่วงเวลาที่ยากลำบากมากขนาดไหน และหลังจากนั้นก็ได้คนผู้นี้คอยสนับสนุนด้วย ต้องบอกว่าถ้าไม่มีคนผู้นี้ เขาคงไม่สามารถเป็นอย่างทุกวันนี้ได้

น้ำเสียงของเขาแปรเปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยความเคารพ

แต่ในใจก็ยังคิดสงสัย ถึงหัวหน้าคนนี้จะมีพระคุณต่อเขา แต่ปกติอีกฝ่ายไม่เคยเป็นฝ่ายโทรหาเขาเลย

แล้วจู่ ๆ ก็โทรมาอย่างกะทันหัน เขาจะต้องรับมือกับมันให้ได้