บทที่ 354 ทุบประตู

บทที่ 354 ทุบประตู

“สวัสดีครับท่านรัฐมนตรี สุขภาพเป็นยังไบ้างครับ? ทำไมวันนี้ถึงโทรมาหาผมหรือครับ?”

“เรื่องนี้…” ตอนที่ครูใหญ่เอ่ยคำนี้ เขาเหลือบมองคนในห้องที่กำลังรอผลการตรวจสอบอยู่โดยไม่รู้ตัว

ไม่คิดเลยว่าการปรากฏตัวของคนกลุ่มนี้จะทำให้หัวหน้าใหญ่ออกหน้า

ข้างหน้าก็คนนึง ข้างหลังก็คนนึง มีแต่คนเป็นเจ้านายทั้งนั้น! เป็นหัวหน้านี่พูดได้อย่างที่คิดจริง ๆ

“ท่านรัฐมนตรี ผมทำให้คุณสูญเสียความมั่นใจต่อผมแล้ว เรื่องนี้มันเกิดขึ้นแล้ว และผมก็กำลังตรวจสอบอยู่ครับ”

“มันเป็นความประมาทเลินเล่อของผมเองครับที่ทำให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ขอโทษครับท่านรัฐมนตรี เรื่องนี้ผมจะตรวจอย่างละเอียด จะไม่ผล่อยให้พวกที่ละเมิดกฎหมายและใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวมาสร้างปัญหาให้โรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดอีกต่อไปครับ!”

“ท่านรัฐมนตรีครับ เรื่องห้องเรียนพิเศษท่านวางใจได้ ผมจะจัดการให้ดีอย่างแน่นอนครับ”

“ครับ สวัสดีครับท่านรัฐมนตรี!”

เฉินจื่ออันเดาไม่ออกว่าใครคือคนที่คุยกับครูใหญ่กู้ พวกเสี่ยวเถียนก็เช่นกัน

แต่บอกได้จากคำตอบของอีกฝ่ายว่าที่โทรมาต้องเป็นเรื่องของพวกเขาแน่

ทุกคนต่างมองหน้ากัน หรือว่าจะมีใครออกหน้าให้อีก?

แต่พวกเขาอยู่เมืองหลวงนะ และไม่รู้จักใครที่ทำให้ครูใหญ่ให้ความเคารพนับถือแบบนี้เลยด้วย

หลังจากวางสาย ครูใหญ่กู้ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็กัดฟันเอ่ยกับคนพวกนี้

“สหาย ต้องขอโทษพวกเธอจริง ๆ ที่ทำให้ลำบากใจกับเรื่องนี้!”

ท่าทางของครูใหญ่เป็นมิตรและมีความสุภาพมากขึ้น

แต่คราวนี้เขาไม่ได้เลือกคุยกับเฉินจื่ออัน แต่เลือกเป็นเด็กหนุ่มที่พิชิตใจได้ง่ายกว่า

“ครูใหญ่สุภาพเกินไปแล้วค่ะ ยังไงเรื่องนี้ก็ยังไม่ได้ตรวจสอบให้แน่ชัดเลย คุณพูดเองใช่ไหมล่ะคะ? ไม่แน่ว่าเราอาจจะสอบได้คะแนนไม่ดี กระดาษคำตอบก็เลยโดนโยนทิ้งก็ได้นะ?” เสี่ยวเถียนกล่าวเคล้ารอยยิ้ม

แต่มันเป็นประโยคที่ไม่ได้เกรงใจกันเลยสักนิด และทำให้หน้าผากชายวัยสี่สิบมีเหงื่อไหลออกมาอีกแล้ว

ครูใหญ่กู้เดินมาถึงจุดนี้แล้ว เขาไม่ใช่คนโง่ และเด็กสาวตรงหน้าก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน*[1]

เขารีบเอ่ยขอโทษพร้อมรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ฉันยังไม่ได้ตรวจน่ะ เลยพูดอะไรไม่น่าฟังออกไป เรื่องนี้รบกวนพวกคุณอย่าถือสากันเลยนะ ฉันจะต้องอธิบายให้พวกคุณทุกคนทราบแน่นอน!”

คราวนี้เป็นเฉินจื่ออันที่ตอบเขา

“งั้นก็รีบหน่อยเถอะ เวลาของเรามีค่ามาก!”

ถึงเขาจะไม่รู้ตัวตนของบุคคลที่ครูใหญ่เรียกว่าท่านรัฐมนตรีนั้นเป็นใคร แต่ไม่น่าจะใช่คนธรรมดาแน่นอน

เขาเดาว่าตำแหน่งเบื้องบนผู้นั้นกับอดีตผู้นำของเขาน่าจะไม่ต่างกัน

อันที่จริงเขาอยากรู้ว่ามีใครอีกบ้างในเมืองหลวงที่ให้ความสนใจเด็ก ๆ อยู่

หรือต้องบอกว่า ในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ผลคะแนนกำลังออกมา โทรศัพท์ก็ได้ต่อสายหากันแล้ว

“ครับ ๆ สหายโปรดรอสักครู่ ผมจะไปเตือนอีกรอบครับ” ว่าจบก็รีบร้อนออกไปจากสำนักงาน

ครั้งนี้เขาตรงไปที่สำนักงานเอกสาร เรื่องสำคัญแบบนี้ต้องใส่ใจมาก เขาต้องไปดูมันด้วยตัวเองถึงจะวางใจได้

กระดาษคำตอบของเด็ก ๆ ที่มาเข้าสอบจะถูกเก็บไว้ในห้องเก็บเอกสาร

ก่อนหน้านี้เขาให้คนไปที่ห้องนั้นเพื่ออ่านกระดาษของเด็ก ๆ

ทว่าพอมาถึงกลับพบว่าประตูห้องเก็บเอกสารยังคงล็อกอยู่

“ตรวจเสร็จแล้วหรือ?”

“ครูใหญ่ คุณมาทำอะไรที่นี่ครับ?” ครูที่เฝ้าห้องเก็บเอกสารถามเมื่อเห็นครูใหญ่เดินออกมาจากสำนักงานข้าง ๆ

“ครูอวี่ ฉันให้หัวหน้าอู๋พาคนมาตรวจกระดาษคำตอบที่นี่ แล้วเขาได้มาไหม?” ครูใหญ่กู้ถาม

ครูอวี่ตอบอย่างรวดเร็ว “หัวหน้าอู๋มาครับ แต่ตอนที่มาถึงก็โดนครูใหญ่จินขวางเอาไว้และหัวหน้าอู๋ก็ตามเขาไปครับ!”

เขาเป็นเพียงครูเฝ้าห้องเก็บเอกสาร ปกติทำงานด้านการส่งเอกสาร เลยไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็ไม่คิดด้วยว่าจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น

“ไม่เข้าไปด้วยหรือ?” ครูใหญ่กู้ไม่คิดว่าจะได้ยินคำตอบเช่นนี้

เขาสั่งให้ทำงานนะ ทำไมถึงไม่ทำล่ะ?

“ครับครูใหญ่” ครูอวี่ตอบอย่างรวดเร็ว

ครูใหญ่กู้ขมวดคิ้วเมื่อเห็นประตูห้องเอกสารปิดอยู่

ดูเหมือนว่าเหตุการณ์นี้จะมีใครบางคนอยู่บงการอยู่เบื้องหลัง

แต่คนที่จัดการคือเพื่อตำแหน่งของเขาในตอนนี้ หรือเพื่อจัดการเด็ก ๆ ที่มาจากตะวันตกเฉียงเหนือพวกนั้นกันแน่?

ในฐานะที่เป็นครูใหญ่ เขาคิดหนักและคิดถึงข้อเสียของตน รวมไปถึงการต่อสู้เพื่ออำนาจและผลประโยชน์ในโรงเรียน

เขากำหมัดแน่น

“ครูอวี่ เปิดประตูห้องเก็บเอกสารก่อนแล้วกัน!”

แต่ใครจะรู้เล่าว่าอีกฝ่ายกลับตอบมาเช่นนี้ “ครูใหญ่ ตอนที่ครูใหญ่จินมา เขาทำกุญแจหักครับ”

หมายความว่าประตูบานนี้เปิดไม่ได้แล้ว!

พอได้ยิน เขาก็โกรธขึ้นมา

นี่มันเรื่องอะไรกัน?

ถ้าบอกว่าเรื่องนี้ไม่ได้วางแผนไว้ก่อน เขาก็คงไม่เชื่อต่อให้โดนฆ่าตายก็ตาม

“ให้ตายเถอะ น่ารังเกียจจริง ๆ ครูอวี่ แล้วทำไมคุณถึงเฝ้าห้องเก็บเอกสารล่ะ?”

ครูอวี่มองใบหน้าบิดเบี้ยวของครูใหญ่ และเข้าใจว่าน่าจะมีเรื่องยุ่งยากเกิดขึ้นอยู่!

เหมือนเขาจะก้าวเท้าเข้าสู่สังเวียนโดยไม่รู้ตัว

“ครูใหญ่ ตอนที่กุญแจเสียบอยู่ตรงนั้น มันขยับได้นิดหน่อย ครูใหญ่จินเลยบอกว่าเขาแรงเยอะ…”

เขาพูดจริงนะ แต่ตอนนี้พอพูดแล้วกลับรู้สึกว่าไม่น่าเชื่อเลย

เขาสูงถึงร้อยแปดสิบเซนติเมตรนะ แรงสู้ครูใหญ่จินที่สูงแค่ร้อยหกสิบเซนติเมตรไม่ได้เลยหรือ?

แต่เพราะด้วยฐานะของอีกฝ่าย เขาเลยไม่ได้สงสัยอะไร

ทว่าตอนนี้ก็สงสัยแล้วว่าเรื่องนี้ครูใหญ่จินน่าจะลงมือทำอะไรแน่ ๆ

เขาอดไม่ได้ที่จะไม่พอใจขึ้นมา

“ถ้าอย่างนั้นบอกฉันทีว่าเราควรทำยังไง? เราควรทำยังไง?” เสียงของครูใหญ่กู้ดังขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ และความโมโหก็มากพอกับอากาศภายนอก

พอคิดถึงคนที่รออยู่ในสำนักงาน รวมไปถึงท่านรัฐมนตรีที่กำลังรออยู่ทางโทรศัพท์ เขาล่ะปวดหัวจริง ๆ

แต่ครูอวี่จะไปรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรล่ะ หลังจากที่ครูใหญ่จินเอากุญแจไปและหักมันทิ้ง เขาก็ไม่สามารถอธิบายสิ่งเหล่านั้นได้

“ครูใหญ่รอสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมไปหาช่างซ่อมกุญแจมาให้ อาจจะซ่อมได้ก็ได้ครับ!”

นี่เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่ครูอวี่จะคิดได้

“ช่างซ่อมกุญแจ? แต่ต่อให้คุณจะหาได้ไว แล้วมันจะเสร็จเมื่อไรล่ะ? เวลามันไม่เคยคอยใครนะ ครูอวี่!”

ครูใหญ่กังวลกว่าเดิมยามนึกสิ่งที่เฉินจื่ออันบอกว่าเวลาของเขามีค่า

ยิ่งอีกฝ่ายพูดแบบนั้น เขาก็ไม่สงสัยสักนิดว่าเจ้าตัวกำลังกดดันอยู่

เวลาของสหายท่านนั้นคงมีค่าจริง ๆ เพราะตอนที่โทรศัพท์ไป อีกฝ่ายไม่ต้องใช้เลขาก็ต่อสายตรงให้ผู้นำมารับได้เลย ต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ ๆ

ความโกรธของคนแบบนี้ เขาทนรับไม่ไหวหรอก

“ครูใหญ่ เราควรทำยังไงดีครับ?” ครูอวี่มองเห็นความวิตกกังวลของอีกฝ่าย

“ไปหาคนมาทุบประตูนี้ซะ” ครูใหญ่กู้มองประตูแล้วโบกมือ

ทุบประตู? ต้องทำถึงขั้นนี้เลยหรือ?

ครูอวี่ไม่ได้คาดคิดไว้เลย

*[1] ใช้ในการเปรียบเทียบกับคนที่เรื่องมาก มักจะสร้างความยุ่งอยากให้ผู้อื่นเสมอ หรือพวกที่มักจะเรียกว่าเรื่องเยอะนั่นเอง