ตอนที่ 389 สถานการณ์น่าอึดอัดในเมืองหลวงแคว้นฉี

ราชันพิชิตหล้า หนึ่งมรรคาสยบฟ้า

ตอนที่ 389 สถานการณ์น่าอึดอัดในเมืองหลวงแคว้นฉี

รุ่งเช้า ณ ริมทะเลสาบ หยดน้ำค้างเกาะตามใบหญ้า

ม่านกระโจมเปิดออก เฮ่าเจินเดินออกมาอาบน้ำใต้แสงอรุณ เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ได้กลิ่นหอมสดชื่นของต้นหญ้าเขียวขจี

มู่จิ่วผู้เป็นขันทีประจำจวนอ๋องที่ยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกกระโจมค้อมกายลงเล็กน้อย เอ่ยขึ้นว่า “เสียพระทัยด้วยพ่ะย่ะค่ะท่านอ๋อง!”

เชอปู้ฉือแห่งสำนักมหาบรรพต เซี่ยหลงเฟยแห่งสำนักศาสตราลึกล้ำและเกาเจี้ยนโฮ่วแห่งสำนักเพลิงนภาต่างยืนประสานมืออยู่ด้านข้างอย่างเงียบงัน

แสดงความเสียใจด้วยอย่างนั้นหรือ? เฮ่าเจินที่กำลังกางแขนสูดอากาศอยู่ผงะไปเล็กน้อย ค่อยๆ หันไปมองเขา รอให้อีกฝ่ายเอ่ยต่อ

“ท่านอ๋อง มีหนังสือแจ้งจากทางบ้านว่าพระชายาถูกลอบสังหารที่จวนอ๋องพ่ะย่ะค่ะ…” มู่จิ่วมีสีหน้าหนักใจ บอกเล่าข่าวร้ายนี้อย่างละเอียดครบถ้วน

พอฟังข่าวจบ เฮ่าเจินที่มักจะหลุบตาดูว่าง่ายเสมอมาคล้ายเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ดวงตาเบิกกว้างทันที แววตามืดมนเย็นชาจนรับรู้ได้ถึงเจตนาสังหารที่แผ่ออกมาจากร่างเขา ทรงอำนาจกดดัน!

อิงอ๋องในยามนี้แตกต่างไปจากอิงอ๋องที่ทุกคนพบเห็นอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันราวกับเป็นคนละคน

เฮ่าเจินขบกรามแน่น เอ่ยถามประโยคเดียวว่า “ฝีมือใคร?”

มู่จิ่วตอบว่า “ตอนนี้ยังไม่ทราบแน่ชัดพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงกริ้วเป็นอย่างยิ่ง ทรงสั่งให้มีการสืบสวนอย่างเข้มงวดจนเกิดเหตุนองเลือดขึ้นในเมืองหลวงแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”

เฮ่าเจินแค่นหัวเราะเย็นชา พลันตวาดเสียงกร้าว “เตรียมม้า กลับเมืองหลวง!”

“ช้าก่อนพ่ะย่ะค่ะ!” เชอปู้ฉือพลันยกมือขวางไว้ “ท่านอ๋อง ท่านอ๋องรับบัญชาจากฝ่าบาทออกมาทำงาน จู่ๆ จะกลับเมืองหลวง ไม่เหมาะนะพ่ะย่ะค่ะ! พระชายาประสบเคราะห์ร้ายชวนโศกเศร้า แต่ท่านอ๋องยอมอดกลั้นมานานหลายปีขนาดนี้ ไหนเลยจะปล่อยให้ล้มเหลวในวันนี้ได้? นี่คงมิใช่สิ่งที่พระชายาอยากเห็นเช่นกัน ท่านอ๋องโปรดพิจารณาถึงงานใหญ่ด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”

มู่จิ่วโบกมือเอ่ยไปว่า “อาจารย์เชอ ความอดกลั้นคือสิ่งใดเล่า? ความอดกลั้นแบ่งออกเป็นความอดกลั้นแบบผิวเผินกับความอดกลั้นที่แท้จริง ความอดกลั้นแบบผิวเผินนั้นทุกคนสามารถมองออกได้ง่าย แต่ความอดกลั้นที่แท้จริงคือการทำให้คนไม่รู้ว่ากำลังอดกลั้นอยู่ หากว่าเผชิญเรื่องเช่นนี้แล้วท่านอ๋องยังนิ่งเฉยไม่หุนหันพลันแล่นอีก เกรงว่าฝ่าบาทที่อยู่เบื้องบนและเหล่าขุนนางที่อยู่เบื้องล่างคงจะมองออกแล้วว่าท่านอ๋องเป็นคนที่เชี่ยวชาญในการอดทนอดกลั้น การตัดสินใจของท่านอ๋องถูกต้องแล้ว สมควรต้องกลับไป ถึงจะทำผิดกฎไปบ้างก็ไม่เป็นไร ถึงแม้จะถูกคนยกมาโจมตีวิจารณ์ได้ง่ายๆ ก็ตาม แต่ในเวลานี้ ฝ่าบาทจะทรงเมตตาปราณีอย่างแน่นอน! เป็นท่านอ๋องที่ทำผิดพลาดได้ง่ายๆ ต่างหาก ถึงจะเป็นท่านอ๋องที่ทำให้คนบางคนไม่นึกกังวล!”

พอได้ยินวาจานี้ เชอปู้ฉือเงียบไปเล็กน้อย

เซี่ยหลงเฟยพยักหน้าพลางเอ่ยว่า “ท่านผู้ดูแลพูดมีเหตุผล ข้าก็เห็นด้วยกับการกลับไป”

เกาเจี้ยนโฮ่วก็พยักหน้าด้วยเช่นกัน “เรื่องที่หนิวโหย่วเต้าไหว้วานท่านอ๋องก็จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว พื้นที่แคว้นฉีกว้างใหญ่ไพศาล เรื่องการตรวจสอบทรัพย์สินราชวงศ์ไม่ใช่งานที่สามารถตรวจสอบเสร็จภายในครึ่งปีหนึ่งปีได้ อยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องดี ได้จังหวะกลับไปพอดี”

มู่จิ่วประสานมือคำนับเฮ่าเจิน หันหลังเดินออกไปอย่างรวดเร็ว สั่งให้คนจัดเตรียมพาหนะ

ไม่นานนัก กระโจมค่ายถูกรื้อออกทันที ขบวนม้าที่นำโดยเฮ่าเจินพากันล่วงหน้าจากไปก่อนแล้ว

….

ณ กระท่อมฟาง จังหวัดชิงซาน

เรือนของหนิวโหย่วเต้าไม่เคยตั้งชื่อมาก่อน ก่วนฟางอี๋จึงตั้งชื่อให้ว่ากระท่อมฟาง เพราะมีเจตนาดูแคลนสถานที่กันดารในป่าเขา

แม้จะดูแคลนเหยียดหยาม แต่พอได้พักอาศัยอยู่ที่นี่อย่างจริงจัง มันก็มีอิสระเสรีกว่าตอนพักอยู่ในเมืองหลวงแคว้นฉีจริงๆ ไม่จำเป็นต้องวางท่าเสแสร้งอีกต่อไป ใช้ชีวิตอิสระ เป็นตัวของตัวเอง

ทว่าหนิวโหย่วเต้ากลับรู้สึกว่าชื่อ ‘กระท่อมฟาง’ นี้ไม่เลวเลย จึงนำมาใช้จริงๆ ทำป้ายขึ้นแขวนด้วย เขาลงมือเขียนคำว่า ‘กระท่อมฟาง’ ด้วยตัวเอง

ภายในเรือนมีกรงนกบรรจุปีกทองตัวหนึ่งที่ต้วนหู่พากลับมาจากด้านนอกวางไว้ หนิวโหย่วเต้าและก่วนฟางอี๋เดินวนอยู่รอบกรง

ปีกทองตัวนี้เป็นทางหอจันทร์กระจ่างส่งคนให้นำมามอบให้ อีกฝ่ายตอบรับข้อเสนอของหนิวโหย่วเต้า ยอมสร้างช่องทางติดต่อโดยตรงกับหนิวโหย่วเต้า หากมีธุระก็ให้ใช้ปีกทองตัวนี้ติดต่อไป แน่นอนทางนี้ก็ต้องมอบปีกทองให้อีกฝ่ายไปด้วยเช่นกัน

“ตัวนี้ไม่ต้องส่งไปที่สำนักเบญจคีรีแล้ว เลี้ยงไว้ที่นี่แล้ว” หนิวโหย่วเต้าปฏิเสธความเห็นของต้วนหู่

พูดถึงสำนักเบญจคีรี กงซุนปู้ก็มาพอดี มาแจ้งข่าวชายาอิงอ๋องถูกลอบสังหารอีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นเหตุให้เกิดฉากนองเลือดขึ้นในเมืองหลวงแคว้นฉีด้วย

“ชายาอิงอ๋องถูกลอบสังหาร…” หนิวโหย่วเต้าพึมพำ รู้สึกฉงนเล็กน้อย อิงอ๋องเฮ่าเจินไม่อยู่ในเมืองหลวง การลอบสังหารครั้งนี้พุ่งเป้าไปที่พระชายาอย่างเห็นได้ชัด

สังหารพระชายาแล้วจะได้ประโยชน์ใด? แล้วเป็นผู้ใดที่ต้องการสังหารพระชายา? ปัญหานี้ทำให้หนิวโหย่วเต้าต้องใช้สมองไตร่ตรองทบทวนอย่างลึกซึ้ง

….

รัชศกแคว้นอู่ปีที่ห้าร้อยยี่สิบห้า พระชายาอิงอ๋องแห่งแคว้นฉีถูกลอบสังหาร เฮ่าอวิ๋นถูฮ่องเต้แคว้นฉีกริ้วหนัก เกิดเหตุนองเลือดในเมืองหลวง ขุนนาง พ่อค้า ประชาชนและผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนมากที่ไร้ความผิดถูกดึงเข้ามาพัวพัน ถูกบุกตรวจค้นบ้านเรือนนับร้อยๆ หลัง เผชิญการกวาดล้างสังหารนับพันชีวิต คนนับหมื่นถูกลงอาญาไปเป็นแรงงานทาส ณ เขตกองทัพชายแดน

เรื่องบางอย่างแม้จะตรวจสอบไม่พบความจริง แต่ไม่ว่าผู้ใดที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัยล้วนไม่ได้รับบทลงเอยที่ดี

หอจันทร์กระจ่างประสบความเสียหายอย่างหนัก ฮ่องเต้แคว้นฉีลงมือรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ โองการฮ่องเต้บัญชาไปถึงทุกแห่งหน สำนักบำเพ็ญเพียรน้อยใหญ่ในเขตแคว้นฉีต่างให้ความร่วมมือทั้งสิ้น ส่งผลให้ฐานที่มั่นหลายแห่งของหอจันทร์กระจ่างที่อยู่ในแคว้นฉีถูกกวาดล้าง แหล่งติดต่อมากมายในระดับล่างถูกล้างบางนองโลหิต หอจันทร์กระจ่างเกิดความหวาดหวั่น ยามนี้ถึงได้รู้ตัวว่ามีสมาชิกทางฝั่งของตนหลายคนที่ตกอยู่ภายใต้การสอดส่องของราชสำนัก

เคราะห์ร้ายมักจะตามมาด้วยโชค หากมีโชคให้พึงระวังเคราะห์! ภายใต้ความหวาดหวั่น หอจันทร์กระจ่างได้แต่ปลอบใจตนไปเช่นนี้ ถึงแม้จะเผชิญการโจมตีจนเสียหายหนัก แต่ภัยที่แฝงเร้นอยู่ก็ได้เปิดเผยออกมาแล้ว นี่ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นเรื่องเลวร้าย มันอาจจะทำให้หอจันทร์กระจ่างหลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้

กว่ามรสุมครั้งนี้จะสงบลงก็ล่วงเลยไปหลายเดือน

ณ ประตูข้างของวังหลวง รถม้าคันหนึ่งเคลื่อนออกมา มีเสียงไอเป็นพักๆ แว่วออกมาจากในรถม้าเป็นครั้งคราว

รถม้าเคลื่อนไปตามท้องถนนของเมืองหลวง เลี้ยวไปเลี้ยวมาอยู่หลายที ก่อนจะเข้าไปในเรือนแห่งหนึ่ง

คนในชุดคลุมสีดำคนหนึ่งก้าวลงจากรถม้า เลิกเปิดหมวกออก เป็นเซ่าผิงปอ

เซ่าซานเสิ่งออกมาต้อนรับ กลับเข้าไปในเรือนด้วยกัน

หลังจากช่วยปลดชุดคลุมออกไปแล้ว เซ่าซานเสิ่งก็เอ่ยถาม “คุณชายใหญ่ การเข้าพบฮ่องเต้แคว้นฉีเป็นอย่างไรบ้างขอรับ?”

เซ่าผิงปอพยักหน้าให้ “เจรจาสำเร็จแล้ว ขนส่งม้าศึกสามหมื่นตัวออกไปได้ไม่มีปัญหา เจ้าจัดส่งคนไปกว้านซื้อๆได้เลย”

“เยี่ยมเลยขอรับ!” เซ่าซานเสิ่งตื่นเต้นอย่างยิ่ง ยอมรับนับถือในตัวคุณชายผู้นี้อย่างหมดใจ ก่อนหน้านี้ตอนอยู่แคว้นจ้าวก็โน้มน้าวไห่อู๋จี๋ฮ่องเต้แคว้นจ้าวได้สำเร็จ ครั้งนี้ก็โน้มน้าวเฮ่าอวิ๋นถูได้สำเร็จอีกครั้ง ม้าศึกสามหมื่นตัวสามารถจัดส่งตรงไปยังมณฑลเป่ยโจวได้ทันที ลดความเสี่ยงระหว่างขนส่งได้ อีกทั้งการจัดซื้อม้าศึกจากแคว้นฉีโดยตรงก็มีค่าใช้จ่ายไม่มากจนเกินไปด้วย

เขาประสานมือคำนับอย่างเลื่อมใส “ความสามารถของคุณชายใหญ่ บ่าวยอมรับนับถือจากใจจริง”

ทว่าเซ่าผิงปอกลับไม่ดีใจเลย เอ่ยอย่างเฉยชา “ชมเกินไปแล้ว น้ำที่ไร้ซึ่งแหล่งกำเนิดยากจะคงอยู่ได้ สรุปแล้ว การที่พวกเขายอมตอบตกลงก็เพราะเล็งเห็นว่ามณฑลเป่ยโจวยังมีประโยชน์อยู่ ไม่อยากให้มณฑลเป่ยโจวล่มสลายลงเร็วนัก ข้าก็แค่ไหลไปตามกระแสเท่านั้น ไม่ได้ใช้ฝีมืออันใดในการเจรจาเลย เทียบกับหนิวโหย่วเต้าที่ทำการค้าโดยไร้ซึ่งต้นทุนได้นับว่าห่างชั้นกันมากนัก”

หากเขาได้ทราบว่าความจริงแล้วหนิวโหย่วเต้าไม่เพียงแต่จะทำการโดยไร้ต้นทุน แต่ยังได้กำไรก้อนโตด้วย และถ้าเขาทราบว่าหนิวโหย่วเต้าช่วยจัดการธุระให้ซางเฉาจงแล้วยังได้เงินด้วย เกรงว่าเขาคงจะกระอักเลือดขึ้นมาอีกรอบแน่

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยว่า “จะพูดเช่นนี้ก็ไม่ได้หรอกขอรับ หากให้คนอื่นมาทำก็ยังไม่แน่ว่าจะทำสำเร็จได้ อย่างน้อยก็คงไม่ราบรื่นขนาดนี้ มิเช่นนั้นเหตุใดคุณชายใหญ่ต้องบากบั่นเดินทางไกลมาด้วยตัวเองล่ะขอรับ?”

“แค่กๆ!” เซ่าผิงปอไอเล็กน้อย โบกมือสื่อว่าให้เลิกคุยเรื่องไร้ประโยชน์เหล่านี้ได้แล้ว เขาเอ่ยว่า “มีเรื่องหนึ่งที่เจ้าต้องไปเตรียมการไว้ล่วงหน้า ข้าขอพระราชทานสมรสจากเฮ่าอวิ๋นถู เฮ่าอวิ๋นถูเองก็ตอบตกลงแล้ว”

“อ่า…” เซ่าซานเสิ่งผงะไป ถามด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ “พระราชทานสมรสหรือขอรับ? พระราชทานสมรสให้ผู้ใดขอรับ?”

เซ่าผิงปอเดินไปหยุดอยู่หน้าแผนที่ มองสำรวจพลางเอ่ยเสียงเรียบ “อิงอ๋องเฮ่าเจินสูญเสียพระชายาไป ไม่อาจครองตัวเป็นม่ายไปตลอดได้ สุดท้ายก็ต้องแต่งเอาพระชายาเข้ามาใหม่อยู่ดี ข้าจึงขอพระราชทานสมรสให้หลิ่วเอ๋อร์”

“ห๊า!” เซ่าซานเสิ่งตกใจอย่างมาก เวลานี้เพิ่งจะเข้าใจถึงเป้าหมายในการสังหารพระชายาอิงอ๋องของคุณชายอย่างถ่องแท้ ที่แท้ก็เตรียมการไว้เพื่อคุณหนูใหญ่ “นี่…เรื่องนี้…คุณชายใหญ่ คุณหนูใหญ่จะยอมหรือขอรับ?”

เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “พี่ชายเหมือนดั่งบิดา เรื่องใหญ่เช่นการวิวาห์ของบุตรสาวย่อมต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจผู้ใหญ่ในบ้าน”

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยด้วยสีหน้าขมขื่น “คุณชายใหญ่ เรื่องนี้เกรงว่าจะไม่เหมาะนะขอรับ คุณหนูใหญ่ยังคำนึงถึงถานเย่าเสี่ยนคนนั้นอยู่ไม่สร่างซา ความเจ้าอารมณ์ของคุณหนูใหญ่ท่านเองก็ทราบดี หากแต่งเข้าจวนอิงอ๋องจริงๆ แล้วเกิดอาละวาดขึ้นมา เกรงว่าเรื่องมงคลคงกลายเป็นเรื่องเลวร้ายไป”

เซ่าผิงปอเอ่ยว่า “ข้าเข้าใจความเจ้าอารามณ์ของหลิวเอ๋อร์ดีกว่าเจ้ามาก สมควรจัดการอย่างไรข้าก็รู้ดีว่าเจ้าเช่นกัน เจ้าวางใจเถอะ ข้ามีวิธีทำให้นางยอมออกเรือนไปอย่างว่าง่าย ครองคู่ชูชื่นอยู่ร่วมกับอิงอ๋องอย่างปรองดอง”

เซ่าซานเสิ่งเอ่ยอย่างลังเล “ถึงอย่างไรก็เป็นเรื่องออกเรือนของคุณหนู เรื่องนี้ควรหารือกับนายท่านสักหน่อยไหมขอรับ?”

เซ่าผิงปอค่อยๆ หันไปมองเขา “หารือหรือ? ต้องให้ตระกูลเซ่าตายกันหมดเขาถึงจะพอใจกระมัง? เรื่องนี้ข้าได้รับการสนับสนุนจากสำนักเขามหายานแล้ว ถึงเขาไม่อยากเห็นด้วยก็ต้องเห็นด้วย! ม้าศึกสามหมื่นตัวถูกส่งไปยังมณฑลเป่ยโจวอย่างเปิดเผยเช่นนี้ คิดว่าแคว้นหานและแคว้นเยี่ยนจะหูหนวกตาบอดกันหรือไร? ขนส่งกันเอิกเกริกเช่นนี้ ทั้งแคว้นหานกับแคว้นเยี่ยนจะยอมให้โอกาสพวกเราได้เติบใหญ่หรือ? มีความเป็นไปได้สูงที่ทั้งสองแคว้นจะทนไม่ไหว เปิดฉากโจมตีมณฑลเป่ยโจวของพวกเราก่อนกำหนด ถ้าเฮ่าอวิ๋นถูประกาศเรื่องสมรสมออกไปในเวลานี้ หากสองแคว้นเข้าโจมตีก็เท่ากับเป็นการหักหน้าแคว้นฉี มีเฮ่าอวิ๋นถูคอยหนุนหลังอยู่ ไห่อู๋จี๋ถึงจะแสดงท่าทีสนับสนุนเป่ยโจวได้อย่างไร้กังวล เจ้ารู้หรือไม่ว่าวิวาห์เชื่อมสัมพันธ์ครั้งนี้สำคัญกับมณฑลเป่ยโจวของเรามากแค่ไหน?”

เซ่าซานเสิ่งก้มหน้าลงเงียบๆ เขาเข้าใจเหตุผลดี แต่ถ้าทำแบบนี้ มันก็เกินไปหน่อยจริงๆ

…..

เซ่าผิงปอมองความคิดเขาออก หลังจากไอออกมาเล็กน้อยก็ผ่อนน้ำเสียงลง “หลิ่วเอ๋อร์เป็นน้องสาวแท้ๆ ของข้าข้ามีน้องสาวแค่คนเดียว ก่อนตายท่านแม่ฝากฝังน้องสาวไว้กับข้า ข้าไม่มีทางทำร้ายนางแน่ ทุกอย่างที่ข้าทำก็เพราะหวังดีต่อนาง เอาล่ะ ข้าจะมอบคำอธิบายที่น่าพอใจในเรื่องนี้ให้ทุกฝ่ายเอง เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล มาแปลงโฉมข้าที ข้าเองก็ควรจะไปพบพี่จ้าวหน่อย” กล่าวจบก็เดินไปนั่งลงหน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

……

เมื่อมรสุมนองเลือดพัดผ่านไป เรือนเมฆาที่มีซีย่วนต้าอ๋องหนุนหลังอยู่ยังคงครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง

รถม้าคันหนึ่งเคลื่อนเข้ามาจอด คนหลายคนมุดออกมาจากรถม้า ผู้นำกลุ่มคือชายหนุ่มคนหนึ่งที่มีผมผงอกขาวไปครึ่งศีรษะ เขาเดินมุ่งไปที่ประตูของเรือนเมฆาขาว เงยหน้ามองป้ายเหนือประตูแล้วเดินเข้าไปด้านใน เป็นเซ่าผิงปอนั่นเอง เพียงแต่สวมหน้ากากแปลงโฉมปิดบังใบหน้าที่แท้จริงไว้

ฉินเหมียนกำลังเดินเตร่อยู่ในโถงด้านหน้าพอดี พอเห็นพวกเซ่าผิงปอเดินเข้ามา แววตาพลันวูบไหวเล็กน้อย เข้าไปต้อนรับอย่างกระตือรือร้นทันที นำทางทั้งกลุ่มขึ้นไปยังชั้นบนด้วยตัวเอง

ต่างมีการเตรียมการกันไว้แล้ว ฉินเหมียนนำทางเซ่าผิงปอเข้าไปในห้องรับรองเดี่ยวห้องหนึ่ง รีบปิดประตูโดยเร็วจากนั้นผลักตู้ใบหนึ่งให้เลื่อนเปิดออก เผยให้เห็นเส้นทางลับที่อยู่ด้านหลัง นางยืนเบี่ยงกายผายมือเชื้อเชิญ

ทั้งสองคนเดินตามกันเข้าไปในประตูลับแล้วเลื่อนตู้มาบังประตูลับไว้จากด้านในทางลับ…

เวลานี้ซูจ้าวกลับรู้สึกว้าวุ่นใจ เซ่าผิงปอเดินทางมายังเมืองหลวงแคว้นฉี แต่นางกลับไม่ทราบ จู่ๆ ก็ได้รับข่าวว่าเซ่าผิงปอจะมาหาที่เรือนเมฆาขาว นี่ทำให้นางตกใจมาก ไม่แปลกเลยที่ทางมณฑลเป่ยโจวจะไม่เห็นเซ่าผิงปอปรากฏตัวมานานพักใหญ่แล้ว ที่แท้ก็มายังเมืองหลวงแคว้นฉีนี่เอง

แต่สิ่งที่ทำให้นางว้าวุ่นใจอย่างแท้จริงคือหยวนกังที่อยู่ด้านข้าง พอได้ยินว่ามีแขกมา หยวนกังกลับไม่ยอมออกไปไหน

นางพยายามโน้มน้าวแล้ว ไม้อ่อนหรือไม้แข็งล้วนไม่ได้ผล หยวนกังไม่ยอมไป แล้วนางจะทำอะไรได้เล่า จะให้ทะเลาะแตกหักกับหยวนกังนางก็ทำไม่ลง

หยวนกังนั่งดื่มชาอยู่ด้านข้างอย่างสงบ

เขาย่อมไม่ยอมจากไปง่ายๆ มีความสัมพันธ์เช่นนี้กับซูจ้าว ก็เพราะต้องการสืบข่าวอันใดให้ได้บ้างมิใช่หรือ ยามนี้พบจังหวะเหมาะเข้าพอดี อีกทั้งมองออกว่าซูจ้าวค่อนข้างลนลาน เขาจึงตระหนักได้ทันทีว่าผู้มาเยือนอาจจะไม่ธรรมดา ด้วยเหตุนี้จึงไม่ยอมจากไป

เหตุผลที่เขายกมาพูดจนซูจ้าวไม่อาจพูดอะไรได้คือ ‘เจ้าจะนัดพบกับซีย่วนต้าอ๋องเป็นการส่วนตัวหรือ?’

‘ไม่ใช่หรือ? หากไม่ใช่ก็ต้องให้ข้าได้เห็นกับตา’

“นายหญิง คุณชายเซ่ามาแล้วเจ้าค่ะ…” ฉินเหมียนเดินนำเซ่าผิงปอเข้ามาในห้อง เพิ่งจะส่งเสียงรายงานก็มองเห็นว่าหยวนกังยังอยู่ นางก็ตกใจเช่นกัน

นางอดมองไปทางซูจ้าวไม่ได้ ไม่เข้าใจว่านางเล่นอะไรอยู่ รู้ว่าคนผู้นี้จะมาแล้ว ไยไม่ไล่หยวนกังออกไปอีก ยังให้หยวนกังมานั่งดื่มชาอยู่ที่นี่อย่างสบายใจอีกหรือ ทำเช่นนี้ไม่กลัวจะเป็นเรื่องใหญ่ นี่ไม่กลัวว่าจะทำให้เซ่าผิงปอโมโหบ้างหรือ? บ้าไปแล้วหรือเปล่า?

…………………………………………………………………