บทที่ 356 ให้ข้าวพวกเขากิน

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 356 ให้ข้าวพวกเขากิน

บทที่ 356 ให้ข้าวพวกเขากิน

พวกเขาทั้งหมดแสดงท่าทางแปลก ๆ เมื่อเห็นกู้เสี่ยวหวานออกมา พวกเขารีบก้าวไปข้างหน้าและเอ่ยถามว่า “ท่านพี่ ซุ่นสีและถิงถิงกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

“ใช่แล้ว ดูพวกเขาสิ เหมือนไม่ได้กินอะไรมานานแล้ว”

กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะ นางเองก็ไม่รู้เช่นกัน ดูเหมือนว่าต้องรอให้พวกกู้ถิงถิงทานเสร็จแล้วค่อยถามพวกเขา

กู้ซุ่นสีและกู้ถิงถิงต่างกินข้าวไปสองชามใหญ่จนท้องของพวกเขารับไม่ไหว เด็กสองคนก็เก็บชามและตะเกียบออกไป เขาเรออย่างพอใจ ครั้นออกมาจากห้องครัวก็พบว่ากู้เสี่ยวหวานกำลังรอพวกเขาอยู่ข้างนอก

เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนอิ่มแล้ว นางจึงพยักหน้าและเอ่ยถามว่า “ซุ่นสี ถิงถิง พ่อแม่ของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน”

ทันทีที่กู้ถิงถิงได้ยินกู้เสี่ยวหวานถามเกี่ยวกับพ่อแม่ นางก็ร้องไห้ออกมาทันที “พี่เสี่ยวหวาน พ่อแม่ของข้าไปแล้ว”

“ไปแล้ว?” กู้เสี่ยวหวานขมวดคิ้ว “ไปที่ไหนกัน?”

“ไม่รู้ว่าพ่อไปที่ไหน แม่บอกว่าจะไปบ้านท่านตาและกลับมาภายในสองวัน แต่นี่ก็เกินสิบวันแล้ว นางยังไม่กลับมาเลย” กู้ถิงถิงเช็ดน้ำตาและกล่าวสะอึกสะอื้น “ท่านแม่เอาของมีค่าในบ้านไป และเหลืออาหารไว้ให้เพียงสองวัน พวกเรากินหมดไปแล้ว แต่แม่ก็ยังไม่กลับมา ฮึก ฮือ ๆ…”

กู้เสี่ยวหวานมองไปที่เด็กสองคนต่อหน้านางด้วยความไม่เชื่อ

แม้ว่าเฉาซินเหลียนจะเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่นางก็ยังดีกับลูกสองคนของนาง จำได้ว่าตอนที่กู้เสี่ยวหวานมาเกิดใหม่ในยุคนี้ ครั้งแรกที่เห็นเฉาซื่อและกู้ถิงถิง กู้ถิงถิงยังแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่ดีและสะอาดสะอ้าน

แต่ตอนนี้ เด็กสองคนนี้มีตัวเหลืองและผอมแห้ง ผมเผ้ารุงรัง และมีกลิ่นเหม็นเปรี้ยวโชยออกมา

“นานแค่ไหนแล้วที่เจ้าทั้งสองไม่ได้กินข้าวอิ่ม” แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะไม่ชอบเฉาซินเหลียน แต่ท้ายที่สุดกู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีก็เป็นเพียงเด็กน่าสงสารเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานที่เป็นลูกพี่ลูกน้องไม่สามารถเพิกเฉยได้

กู้ถิงถิงกล่าวว่า “นานมากแล้ว ตั้งแต่แม่ของข้าจากไป พวกเรากินอาหารของสองวันไปหมดแล้ว และพวกเราก็หิวมาตลอด”

“ฟันของซุ่นสีหลุดได้อย่างไร? ล้มหรือ?” เมื่อกู้เสี่ยวหวานเห็นว่าเด็กฟันหลุด แม้หมอจะบอกว่าเมื่อโตขึ้นฟันจะงอกมาใหม่ แต่ฟันที่ขึ้นมากลับหักไปเช่นนี้ ต้องเจ็บปวดสักเพียงไร ไม่น่าแปลกใจที่กู้ซุ่นสีจะร้องไห้ถึงขนาดนั้น

“ก็เป็นเพราะท่านป้าใหญ่น่ะสิ!” กู้ถิงถิงโกรธขึ้นทันทีเมื่อได้ยินกู้เสี่ยวหวานเอ่ยถามเกี่ยวกับเรื่องฟันของกู้ซุ่นสี “ข้าและซุ่นสีไปขออาหารท่านป้ากิน นางให้อาหารมาจานหนึ่ง แต่มันกลับมีก้อนหินมากมายผสมอยู่ในอาหาร ซุ่นสีกัดแรงไปหน่อย ฟันจึงหักและเลือดไหลออกมาเต็มปาก”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ กู้เสี่ยวหวานก็ถอนหายใจยาว กัดหินลงไปอย่างแรงอย่างนั้นหรือ!

โอ้สวรรค์!

“ท่านป้าใหญ่ช่างเลวร้ายจริง ๆ” คราวนี้สีหน้าของกู้ซุ่นสีดีขึ้นมาก เขากินข้าวอิ่มแล้ว และเลือดก็หยุดไหลแล้วด้วย

เมื่อได้ยินพวกเขาพูดถึงซุนซื่อ กู้เสี่ยวหวานก็ไม่ได้กล่าวอะไรสักคำ หัวใจของซุนซื่อร้ายกาจเกินไปจริง ๆ

“เอาอย่างนี้ ถ้าในอนาคตพวกเจ้าหิวก็มาที่บ้านข้าได้ ข้าจะทำให้พวกเจ้าอิ่มจนกว่าพ่อแม่ของพวกเจ้าจะกลับมา”

กู้เสี่ยวหวานกล่าวอย่างอบอุ่นพลางมองดูลูกพี่ลูกน้องสองคนในสภาพที่ตกอับเช่นนี้ กล่าวตามตรงว่านางรู้สึกเป็นทุกข์เล็กน้อยราวกับเป็นคำสอนของผู้ใหญ่ที่สอนเด็ก แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะโตกว่าพวกเขาเพียงแค่หนึ่งหรือสองปีเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม เป็นเพราะพี่สาวคนโตเป็นเหมือนแม่ ที่คอยสนับสนุนและฉุดดึงน้องทั้งสามไว้ เมื่อเห็นว่ากู้ถิงถิงและกู้ซุ่นสีรู้สึกแย่ นางจึงต้องช่วยเหลือไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น อย่างน้อยก็จนกว่าเฉาซื่อหรือกู้ฉวนโซ่วจะกลับมา

ดวงตาของกู้ซุ่นสีและกู้ถิงถิงเป็นประกาย เอาแต่พูดขอบคุณท่านพี่ไม่หยุด

แต่กู้เสี่ยวหวานไม่ต้องการติดต่อกับพวกเขามากเกินไป นางจึงโบกมือ และบอกให้พวกเขากลับไป

แม้ว่ากู้เสี่ยวหวานจะเป็นคนจิตใจดี แต่นางไม่ใช่แมรี่ซู*[1] ที่เพิกเฉยต่อทุกสิ่ง และปฏิบัติต่อศัตรูอย่างเท่าเทียมกัน

เฉาซินเหลียนเคยทำให้นางขุ่นเคืองมาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเพิกเฉยได้ อย่างไรก็ตาม นางคงปล่อยให้เด็กสองคนนี้อดอยากไม่ได้ นางจะช่วยเท่าที่ช่วยได้ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต มันก็ไม่ใช่หน้าที่ของนางแล้ว

กู้เสี่ยวหวานไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องนี้มากเกินไป หลังจากเห็นว่าเด็กสองคนออกไปแล้ว ฉินเย่จือก็เดินออกมา

“นี่เป็นลูกสองคนของอาคนที่สามของเจ้าหรือ?”

“ใช่แล้ว! เมื่อก่อนค่อนข้างจะดูดีกว่านี้ แต่ตอนนี้ดูเหมือนขอทานตัวน้อยไปเสียแล้ว” กู้เสี่ยวหวานส่ายศีรษะและถอนหายใจ “เด็กคนนี้ที่ไม่มีพ่อแม่ ช่างน่าสงสาร!”

“ข้าไม่คิดเช่นนั้น!” ฉินเย่จือที่ยืนอยู่ด้านข้างยิ้มออกมา

กู้เสี่ยวหวานหันไปมองเขาและฉินเย่จือก็หันศีรษะมามองนาง

คิ้วของฉินเย่จือเรียงตัวสวย ดวงตาเรียวยาว จมูกโด่ง ใบหน้าของเขาดูสมส่วน และริมฝีปากของเขาเป็นสีแดงราวกับทาชาด ผมสีดำสนิทผูกไว้ข้างหลังศีรษะด้วยผ้าคาดศีรษะเส้นเล็กสีเดียวกับเสื้อผ้าของเขา มันดูเรียบง่ายและสะอาดเรียบร้อย แต่มีสิ่งล่อใจที่ยากจะต้านทาน

ร่างกายอายุเก้าปีของกู้เสี่ยวหวาน และจิตวิญญาณอายุสามสิบปีถูกชายหนุ่มอายุสิบห้าหรือสิบหกปีล่อลวง

กู้เสี่ยวหวานมองตรงไปที่ฉินเย่จือ ฉินเย่จือสังเกตเห็นความหวั่นไหวในดวงตาของกู้เสี่ยวหวานได้ จึงยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นราวกับดอกไม้ฤดูใบไม้ผลิและพระจันทร์ในฤดูใบไม้ร่วง

กู้เสี่ยวหวานกลับมาได้สติ ช่างมีเสน่ห์เสียจริง!

นางเบือนหน้าและเดินหนีไป

ฉินเย่จือยิ้มกว้างขึ้นอีก ช่างเหมือนกับลูกแมวที่ขโมยอาหารไปแล้ว รอยยิ้มของเขาทำให้โลกสว่างสไว

ในช่วงนี้กู้ซุ่นสีและกู้ถิงถิงได้ทานอาหารเพียงสามมื้อ และพวกเขาก็มาถึงบ้านของกู้เสี่ยวหวานตรงเวลา

กู้เสี่ยวหวานไม่ชอบให้คนอื่นเข้ามาในบ้าน ดังนั้นนางจึงขอให้พวกเขานำเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารมาและนำไปทานที่บ้าน ตักอาหารให้อย่างละเล็กน้อย ตักข้าวให้พวกเขา และให้พวกเขานำกลับไปทานที่บ้าน

กู้เสี่ยวหวานเป็นคนจิตใจดี แต่คนอื่นมาทำร้ายพวกเขาก่อน และเป็นไปไม่ได้เลยที่นางจะผ่านอุปสรรคนี้ในใจของนางได้

กู้เสี่ยวหวานรับปากไปแล้วว่าจะไม่ทำให้กู้ซุ่นสีและกู้ถิงถิงอดอยาก อย่างไรก็ตาม นางทำดีที่สุดแล้ว ย้อนกลับไปในปีที่กู้ฉวนฟู่และภรรยาของเขาเสียชีวิต กู้เสี่ยวหวานและน้อง ๆ ต่างก็หิวโหย หน้าเหลือง รางกายผอมแห้ง แต่กู้ฉวนโซ่วและเฉาซื่อเคยมาดูดำดูดีกันบ้างหรือไม่?

*[1] เป็นตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเติมเต็มความรู้สึก ความฝัน หรือจินตนาการบางอย่างของผู้เขียนและผู้อ่าน โดยไม่คำนึงถึงหลักเหตุผลและความเป็นจริงหลายประการ