“เห้อออ…โคตรเหนื่อยเลย” 

ราล์ฟพูดขณะเอนหลังพิงเก้าอี้ 

ตอนนี้การประชุมสิ้นสุดลงแล้ว และเรากำลังพักผ่อนกันอยู่ในสถานที่ที่สภาสงครามจัดเตรียมไว้ให้ เมื่อพิจารณาทุกอย่างแล้วถือว่าเป็นไปได้ด้วยดีจากการที่ผมได้รู้จักองค์กรอื่นๆ มากขึ้น ความสามารถของระบบทำให้ผมมีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับผู้นำแต่ละคนและทำให้ผมมีการ์ดที่สามารถเอาไว้ใช้ต่อสู้กับพวกเขาได้ในอนาคตได้มากขึ้น

“แล้วแผนของเราคือยังไงหล่ะ?” 

ราล์ฟถามขณะผ่อนคลายบนเก้าอี้ 

ผมตอบ

“ตอนนี้เรามาจัดการกับทุกคนที่ต้องการจัดการผมก่อนแล้วกัน…”

เมื่อได้ยินผมพูดแบบนี้ ราล์ฟก็ยิ้มขึ้นมา ซึ่งเป็นรอยยิ้มที่เหมาะสมกับชายผู้ครองโลกใต้ดิน 

“รู้ไหม มันน่าตลกดีนะ ฉันจินตนาการถึงการได้เห็นใบหน้าเย่อหยิ่งของคนสารเลวเหล่านั้นพังทลายลงในตอนที่พวกมันได้เห็นว่าจริงๆ แล้วนายเป็นใครออกเลยแหละ…”

เมื่อพูดเช่นนี้จบ ราล์ฟก็หยิบขวดและเริ่มดื่มมัน หยดน้ำบางส่วนไหลออกมาจากปากของเขาขณะที่เขาวางขวดกลับลงบนโต๊ะ ดวงตาของเขาลุกเป็นไฟด้วยความร้อนแรงในขณะที่เขาพูด 

“นายรู้ไหมว่าแผนของตัวเองอันตรายมาก ถ้ามันประสบความสำเร็จก็โอเค แต่ถ้าไม่ สิ่งต่างๆ อาจกลายเป็นสิ่งที่คุกคามชีวิตนายได้จริงๆ นะ…”

“ความเสี่ยงที่มากขึ้น เท่ากับรางวัลที่มากขึ้นด้วย นั่นคือความจริงใช่ไหม?” 

ผมพูดแล้วทำให้รอยยิ้มอันตรายบนใบหน้าของราล์ฟจางลง สีหน้าจริงจังเข้าปกคลุมใบหน้าของเขาในขณะที่เขาพยักหน้าและตอบกลับมา 

“นายพูดถูก และตลอดเวลานั้น เราจะอยู่ข้างนาย…”

“ผมรู้” 

ผมตอบ ซึ่งหลังจากที่ผมพูดจบ ลูกแก้วสื่อสารของผมก็สั่น 

ผมหยิบมันขึ้นมาดูว่าเป็นใครก่อนจะยิ้มและขอโทษตัวเอง ผมเข้าไปในห้องของตัวเองพร้อมกับเปิดใช้งานลูกแก้ว ไม่นานเสียงที่ฟังดูจริงจังของมิร่าก็ดังออกมา  

“ออสติน เธออยู่ที่ไหน?”

เธอถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง มิร่าผู้ที่ห่วงใยผมรู้ว่าผมไม่ได้อยู่ในที่ที่กำลังถูกจับตามอง ท้ายที่สุดแล้ว ผมไม่สามารถหายไปจากสายตาที่จ้องมองตัวเองเป็นเวลา 2 วันได้

“มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น และผมต้องจัดการกับมันหน่ะครับ” 

ผมพูด

“เสร็จรึยัง?” 

มิร่าถาม ซึ่งผมก็ตอบกลับไป 

“ยังครับ อีกไม่กี่วันหรอก มันสำคัญมากเลยครับ…”

ในขณะที่พูดแบบนั้น ความรู้สึกของผมก็มีความสุขที่ได้พบเธอ ความเศร้ากับสิ่งที่ผมทำ และความภาคภูมิใจในสิ่งที่ผมได้ทำสำเร็จเริ่มถูกส่งจากผมไปหามิร่า 

ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้องครู่หนึ่ง หลังจากนั้นจู่ๆ มิร่าก็พูดขึ้นมา 

“ถ้าอย่างนั้นก็มาหาน้าทันทีที่เธอทำสิ่งที่อยากทำเสร็จแล้วด้วยละกัน”

ได้ยินดังนั้นก็ถามกลับไป 

“มีอะไรรึเปล่าครับ?”

“มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้น และเราต้องการให้เธอกลับมาที่นี่” 

มิร่าตอบ

“เราเหรอครับ?” 

ผมถาม

“ใช่พวกเรา กลับมาเร็วๆ นะลูกศิษย์ตัวปัญหาของฉัน” 

เสียงของเอเลนอร์ดังขึ้นมาทำให้ผมต้องถาม

“ทั้ง 2 คนอยู่ด้วยกันเหรอครับ? ดูเหมือนเรื่องจะร้ายแรงกว่าที่ผมคิดไว้มาก…”

“นั่นแหละ รีบกลับมาเร็วๆ หล่ะ” 

มิร่าพูด 

เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็ตอบกลับไป

“ผมจะกลับไปถึงที่นั่นภายใน 3 วันครับ”

“ดี อย่ามาสายหล่ะ” 

เอเลนอร์กล่าว หลังจากนั้นการสื่อสารก็ถูกตัดไป 

ผมวางลูกแก้วสื่อสารลงบนโต๊ะแล้วเอนหลังบนเก้าอี้ ในตอนนั้นเองที่ร่างของฟาร์ร่าปรากฏขึ้นเหนือตักของผม ดวงตาของเธอจ้องมองมาที่ผมขณะที่ถามขึ้นมา 

“เหนื่อยเหรอคะนายท่าน?”

“นิดหน่อยหน่ะ”

ผมตอบขณะลูบผมของฟาร์ร่า ซึ่งดูเหมือนเธอจะชอบมัน

“หิวไหม?” 

ผมถามซึ่งเธอก็พยักหน้ากลับมาอย่างเขินอาย 

เมื่อเห็นเช่นนั้นผมก็เงยหน้าขึ้นและยื่นคอให้ฟาร์ร่า ความจริงก็คือว่าด้วยระดับพลังของเธอ เธอไม่มีแนวคิดเรื่องความหิวโดยธรรมชาติ แต่ส่วนใหญ่เธอดื่มเลือดของผมเพราะเธอชอบที่จะทำเช่นนั้น และมันเป็นเครื่องหมายของความใกล้ชิดในหมู่บลัดเอลฟ์

จ๊วบบบ~จ๊วบบบ~จ๊วบบบ~

เสียงฟาร์ร่าที่กำลังดื่มเลือดของผมดังก้องไปทั่วบรรยากาศขณะที่ผมปล่อยตัวปล่อยใจ ความสุขเล็กๆ น้อยๆ แล่นผ่านร่างกายของผม ขณะที่ร่างกายตระการตาของเธอกดทับผม 

หลังจากผ่านไป 1 นาที เธอก็เอาริมฝีปากออกจากคอของผม ในขณะที่เลือดสีแดงของผมไหลลงมาตามริมฝีปากของเธอทำให้เธอต้องเช็ดมันออกอย่างขยันขันแข็ง

“พอใจรึยัง?” 

ผมถาม

“ค่ะ…”

เธอตอบพร้อมพยักหน้า 

ผมยิ้มให้กับการกระทำขี้อายของเธอแล้วพูดต่อ 

“เป็นยังไงบ้าง?”

“ฉันรู้สึกได้ถึงผู้ทรงพลังหลายคนที่นี่ค่ะ” 

เธอพูด ทำให้ผมยิ้มขณะถาม

“เธอชนะพวกเขาได้ไหม?”

“แน่นอนค่ะ” 

เธอตอบโดยไม่ลังเลเลย 

เมื่อได้ยินดังนั้นผมจึงลูบหลังเธออย่างช้าๆ ซึ่งเธอก็ชอบมันและเอนศีรษะมาทางหน้าอกของผม กลิ่นธรรมชาติอันละเอียดอ่อนของเธออบอวลอยู่ในจมูกของผม สายตาสงสัยของเธอยังคงมองมาที่ผม เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็พูดขึ้นมา

“อย่าลังเลที่จะถามถึงสิ่งที่เธอสงสัยเลยฟาร์ร่า เธอสามารถถามฉันได้ทุกอย่างที่เธอต้องการ”

เมื่อได้ยินแบบนั้น สีหน้าของฟาร์ร่าก็เริ่มสงสัยมากขึ้นก่อนเธอจะถามด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างลังเล 

“ผู้หญิงผมแดงคนนั้น เธอเป็นภรรยาของนายหรือเปล่าคะ?”

ผมส่ายหัวแล้วตอบกลับ

“ไม่ใช่ แต่สักวันหนึ่งเธอจะเป็น”

คำตอบของผมทำให้คำถามภายในใจของฟาร์ร่าบานสะพรั่งเมื่อเธอถามต่อ 

“แต่…เธอเป็นภรรยาของคนอื่นไม่ใช่เหรอคะ?”

“ใช่ เธอเป็น…” 

ผมตอบอย่างไม่ลังเล 

เมื่อไม่เห็นความโกรธจากผม ฟาร์ร่าก็เริ่มตั้งคำถามกับผมมากขึ้น

“นายท่านคะ ผู้หญิงคนที่ชื่อวีน่าดูเหมือนจะรักท่าน และดูเหมือนท่านก็จะรักเธอ แล้วทำไมท่านไม่…เอ่อ…แต่งงานเหรอคะ?”

เธอถามด้วยน้ำเสียงสับสน อาจพยายามปรับความสัมพันธ์ของผมกับความรู้ที่เธอเริ่มเรียนรู้เกี่ยวกับยุคปัจจุบัน

“ฮิฮิฮิ…เธอพูดถูก ปกติแล้วควรจะเป็นแบบนั้นแหละ แต่ประเด็นคือ…” 

ไม่นานผมก็เริ่มคุยกับฟาร์ร่าเกี่ยวกับเรื่องราวของตัวเองกับวีน่า เกี่ยวกับความสามารถของสายเลือดของผมในการครองผู้หญิง และแม้กระทั่งความสัมพันธ์ในปัจจุบันของผม 

ผมอธิบายให้เธอฟังทั้งหมดเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเองทำเพื่อให้ได้ผู้หญิงเหล่านั้นมา และสิ่งที่ผมกำลังทำเพื่อให้ได้มากขึ้น ขณะที่ผมพูดต่อไป ฟาร์ร่าก็ยังคงทำหน้านิ่งฟัง โดยรับทุกสิ่งที่ผมพูดด้วยสายตาที่แน่วแน่

“เป้าหมายของนายท่านคืออยากได้ทุกคนเหรอคะ?” 

ในที่สุดฟาร์ร่าก็ถามขึ้นมา ในระหว่างที่เธออยู่ในตัวผม ผมไม่ได้ปล่อยให้เธออยู่เฉยๆ อย่างเกียจคร้านหรอกนะ ผมให้หนังสือเกี่ยวกับจิตวิทยาแก่เธอหลายเล่มและยังสอนบางสิ่งให้เธอเพื่อบรรเทาความเบื่อหน่ายอีกด้วย และตอนนี้เธอจะเริ่มมีประโยชน์กับผมอย่างมากแล้ว

“ถูกต้อง”

ผมตอบ

“ถ้าอย่างนั้นนายท่านก็ต้องการที่จะรักษาความรักของพวกเธอเอาไว้ เก็บทุกอย่างไว้เป็นความลับ และไม่ใช้พลังและอำนาจของท่านเพื่อรักษาพวกเธอเอาไว้สินะคะ?”

เธอถามอีกคำถามหนึ่งซึ่งผมก็พยักหน้า 

ตามธรรมเนียมในอดีต ด้วยจุดยืนและอำนาจของผม ผมสามารถเลือกผู้หญิงคนใดก็ได้ที่ตัวเองต้องการ แต่สำหรับผู้หญิงที่พิเศษเหล่านี้ พลังและรูปลักษณ์เป็นเพียงขั้นต่ำในการเริ่มต้น

“อืมมม…ถ้าอย่างนั้นฉันสามารถฆ่าจักรพรรดิมังกรได้ใช่ไหมคะนายท่าน?”

“ใช่”

ผมตอบ

“แล้วฉันควรฆ่าเขาไหมคะ?”

ด้วยเหตุนี้ผมจึงส่ายหัวขณะที่ตอบกลับ 

“ยังไม่ใช่ตอนนี้ แม้ว่าเธอจะสามารถจัดการกับเขาได้ แต่เธอยังไม่สามารถจัดการกับเทพมังกรได้”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ สีหน้าของฟาร์ร่าก็เปลี่ยนเป็นไม่พอใจเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าเธอไม่ยอมรับความจริงที่ว่ามีใครบางคนสามารถจัดการกับเธอได้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงทำได้เพียงส่ายหัวภายในใจเท่านั้น แม้ว่าเธอจะสามารถเดินบนดินแดนนี้ในฐานะหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดได้ แต่ก็เป็นเพียงหนึ่งในผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเท่านั้น การจัดการกับสิ่งมีชีวิตที่ได้กลายเป็นเทพด้วยตัวเองนั้นแตกต่างออกไป

“ตอนนี้เธออย่าเพิ่งกังวลไปเลย ฉันมีแผนรับมืออยู่”

“เอ่ออ…ถ้าอย่างนั้นฉันขอนอนกับนายท่านได้ไหมคะ?” 

ฟาร์ร่าถามด้วยเสียงแผ่วเบา 

เมื่อได้ยินแบบนั้นผมก็ยิ้มขณะเชยคางของฟาร์ร่าขึ้นมาเพื่อมองลึกเข้าไปในดวงตาที่สวยงามของเธอก่อนจะถามขึ้นมา

“ทำไมหล่ะ? ฟาร์ร่าต้องการลิ้มรสชาติของความสุขอย่างนั้นเหรอ?”

คำพูดของผมทำให้ใบหน้าของเธอแดงเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้หันหน้าหนีขณะพยักหน้ายอมรับเบาๆ 

ผมขยับไปข้างหน้าและจูบเบาๆ บนริมฝีปากของเธออย่างรวดเร็ว แต่ก็มากเกินพอที่จะทำให้ฟาร์ร่าติดใจ เธอพยายามที่จะได้รับมากขึ้น แต่ผมก็หยุดเธอไว้และได้รับสายตาบูดบึ้งของเธอตอบกลับมา

เมื่อเห็นแบบนั้นผมก็พูดขึ้นมาด้วยเสียงแหบแห้ง 

“ถ้าเธอต้องการมากกว่านี้ก็ทำให้ฉันตกหลุมรักเธอด้วยการทำผลงานสิ สำหรับตอนนี้ เธอไปได้แล้ว…”

พอผมพูดจบ ฟาร์ร่าก็มองผมด้วยสีหน้าบูดบึ้ง หลังจากนั้นเธอก็หายตัวไปจากตักของผมเพื่อมุ่งหน้าไปทำหน้าที่ที่ผมให้เธอไว้ 

เมื่อเห็นฟาร์ร่าหายไปผมก็ส่ายหัว 

‘เธอยังเด็กเกินไป’

ผมหลับตาขบคิดอยู่กับความคิดของตัวเอง เพราะด้วยข้อมูลที่ฟาร์รานำกลับมา ผมจะต้องวางแผนการออกเดทเอาไว้แล้วสิเนี่ย

 

 

 

-Donate-

True Money Wallet ID : mraxzy 

ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต