ความเงียบอันน่าทึ่งภายในห้องนั้นมากเกินพอให้ผู้คนเข้าใจถึงความร้ายแรงที่แท้จริงของปัญหาที่เกิดขึ้น การฟื้นฟูพลังงานที่เสื่อมทรามหมายถึงการเกิดใหม่ของสิ่งมีชีวิตที่เสื่อมทรามซึ่งในไม่ช้าจะนำโลกไปสู่จุดจบอันขมขื่น มันจะนำไปสู่ช่วงเวลาที่ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นพันธมิตรและใครเป็นศัตรู
“อย่างที่เห็น นี่คือรอยแยกในปัจจุบัน”
ควอกซ์พูดในความเงียบ โดยแสดงภาพรอยแยกขนาดใหญ่ที่เยื่อบุด้านนอกเป็นสีดำเข้ม ขณะที่สามารถเห็นเส้นพลังงานสีแดงที่จับต้องไม่ได้ขนาดเล็กรั่วไหลออกมาจากรอยแตกได้เป็นระยะๆ ลักษณะของรอยแยกนั้นน่ากลัวพอที่จะทำให้ใครก็ตามไม่กล้าเดินเข้าไปใกล้มัน
‘ก็แค่นั้นแหละ…หือ?’
ผมคิดขณะมองไปที่รอยแยก ผู้คนส่วนใหญ่หรือทั้งหมดเชื่อว่าพลังงานที่เสื่อมทรามนั้นปรากฏขึ้นมาจากอากาศบางเบา มีไม่กี่คนที่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรในช่วงสงครามที่ทำให้โลกเปียกโชกไปด้วยเลือด ในขณะที่เหล่าผู้ทรงพลังได้บิดเบือนเรื่องราวและเล่าต่อกันมา
แต่ความจริงก็คือผู้ทรงพลังอย่างแท้จริงรู้เหตุผลของมัน พลังงานที่ว่านั้นปรากฏขึ้นเนื่องจากรอยแยกนี้ รอยแยกเดียวที่เกิดขึ้นในช่วงหลังของสงคราม แม้แต่ผู้ทรงพลังอย่างแท้จริงก็รู้เพียงว่ารอยแยกนั้นเกิดขึ้นเนื่องจากการต่อสู้ระหว่างเทพธิดาผู้ทรงพลังทั้ง 2 องค์
การต่อสู้ที่รุนแรงของพวกเธอนำไปสู่การระเบิดพลังที่ทำให้เกิดรอยแยกนี้ ซึ่งเริ่มที่จะรั่วไหลสิ่งที่เรียกว่าพลังงานที่เสื่อมทรามออกมา สิ่งที่ตลกก็คือความจริงที่ว่าเทพธิดาทั้ง 2 ไม่สามารถปิดมันได้ และพวกเธอไม่ได้ทำอะไรที่สมกับเป็นเพทธิดาเพื่อจัดการกับมัน ซึ่งนำไปสู่การปกป้องและรับมือกับรอยแยกที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยตัวพวกเธอเอง
‘ถ้าเพียงพวกเขารู้ความจริงหล่ะก็…’
ผมคร่ำครวญขณะมองดูรอยแยกสีแดงราวกับความตาย ความจริงก็คือรอยแยกเปิดขึ้นเนื่องจากพลังงานของเทพธิดามารวมกัน แต่ไม่ใช่เพราะพวกเธอโจมตีกัน ไม่ใช่เลย…มันเป็นเพราะพวกเธอรวมพลังเพื่อหยุดการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ใช่ อย่างที่คุณเดาไว้ มันเป็นเพราะบรรพบุรุษของผมเอง…
จำการโจมตีด้วยธนูที่บรรพบุรุษของผมยิงได้ไหม? ลูกศรเพียงดอกเดียวที่เขาปล่อยออกมาเนื่องจากความสิ้นหวังและความโกรธ ผสมผสานทั้งธนูและพิณของคนรัก? ใช่แล้ว การโจมตีเพียงครั้งเดียวนั้น นำไปสู่การสร้างรอยแยกนี้จริงๆ
‘มันไม่ใช่สิ่งที่น่าภาคภูมิใจในสายเลือดของตัวเองเลย…’
พูดตามตรงผมคาดหวังว่าจะถูกฆ่าหรือแม้กระทั่งกลายเป็นศัตรูของเทพเจ้าหลังจากที่ผมเข้าใจถึงพลังและผลลัพธ์ของสายเลือดของตัวเองอย่างแท้จริง สิ่งที่ผมยึดถือนั้นขัดต่อบรรทัดฐานอย่างสิ้นเชิง แม้ว่าความกังวลนั้นจะหมดไปเมื่อเร็วๆ นี้ก็เถอะ…
แต่ผมยังคงสงสัยว่ามีความลับอะไรอีกบ้างที่ถูกปกปิดไว้ เพราะผมบอกได้เลยว่าออร์เฟียสกำลังปิดบังบางอย่างจากผมอยู่ พยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่หลุดปากบอกบางอย่างกับผม และสำหรับการที่แม่ผู้เป็นที่รักทุกคนทำเช่นนั้นแสดงว่าข้อมูลนั้นคงจะทำร้ายผม หรือมีบางอย่างขัดขวางไม่ให้เธอพูดถึงข้อมูลนั้นอยู่
‘ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้…’
สลัดความคิดของตัวเองออกไป ผมมุ่งความสนใจกลับมาที่ห้องซึ่งบรรยากาศนั้นกลายเป็นอันตรายถึงชีวิตไปมาก
“เจ้าทราบสาเหตุของเรื่องนี้หรือไม่?”
เสียงสงบถามขึ้น ทำให้ผมหันไปหาผู้หญิงที่ดูเหมือนถูกสร้างขึ้นจากทุกสีสันของโลก ผมของเธอเป็นประกายด้วยสีรุ้ง ดวงตาทั้งสี่ของเธอตรงกับคำอธิบายและมีเขากวางสองอันงอกออกมาจากหัวของเธอ ร่างกายของเธอเป็นผู้ใหญ่ บรรยากาศที่เธอแสดงออกมานั้นดูอันตรายและเซ็กซี่?
‘โอ๊ะ?…จิตใจของเราถูกดึงไปแป๊บหนึ่งเลย’
ทันทีที่ผมกระพริบตา ความรู้สึกน่าดึงดูดก็กลับมาเป็นปกติในไม่ช้า เธอมีออร่าควบคุมจิตใจค่อนข้างมากเกี่ยวกับตัวเธอ ท้ายที่สุดแล้วเธอคือจามิเลีย ลักษรี ผู้นำของครีส ซึ่งเป็นกลุ่มครึ่งสิ่งมีชีวิตพิเศษที่อยู่ภายใต้ปีกเดียวกัน
“ไม่ เราไม่รู้เลย และนั่นเป็นอีกเหตุผลหนึ่งของการประชุมครั้งนี้”
ควอกซ์กล่าว ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น จอแสดงผลก็ดับลง และเขาก็เริ่มพูดต่อ
“การโจมตีที่สถาบันบาบิโลนเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการกลับมาอีกครั้งของยุคแห่งสงครามที่กำลังจะกลับมาเยือนโลกในไม่ช้า”
‘หม่าาา…ผู้ชายคนนี้รู้วิธีทำให้การประชุมน่าหดหู่จริงๆ’
ขณะที่ผมคิดอย่างนั้น ควอกซ์ก็พูดต่อ
“จากการโจมตีที่สถาบัน พวกมันคงจะเริ่มดำเนินการตามแผนในไม่ช้า โชคดีที่การโจมตีครั้งนี้ไม่สำเร็จเนื่องจากการรับมือที่รวดเร็วของมิร่า ไลออนฮาร์ท”
หลังจากที่เขาพูดจบ อุปกรณ์บนโต๊ะก็เกิดความผันผวน หลังจากนั้นมิร่าก็ปรากฏตัวขึ้นในห้องในรูปแบบเสมือนจริง
หลังจากที่เธอปรากฏตัว เธอก็โค้งคำนับทุกคนในห้องก่อนจะเริ่มพูด
“มาพูดถึงหัวข้อหลักกันเลยแล้วกัน เรามีข้อมูลสำคัญจากพวกเธออยู่ ซึ่งจะไปถึงทุกท่านเร็วๆ นี้ แต่หัวข้อที่สำคัญที่สุดคือความจริงที่ว่าพลังงานที่เสื่อมทรามที่เพิ่มขึ้นนี้จะไม่หยุดเลยและแต่จะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…”
“เราจะสามารถจัดการกับ ‘มัน’ ได้ แต่เราจะทำอย่างไรกับพลังงานที่เสื่อมทรามหล่ะ?”
ทริกซี่ถามด้วยสายตาที่แคบลง หลังจากนั้นควอกซ์ก็ตอบกลับมา
“ออสติน ไลออนฮาร์ท”
ทันทีที่เขาพูดเช่นนั้น ก็มีจอแสดงผลอีกจอปรากฏขึ้นมา แสดงให้ผมเห็นถึงการจัดการกับพลังงานที่เสื่อมทรามทั้งหมดที่กลับมายังโลกใต้ทะเลในตอนที่ผมต่อสู้กับซาเวียร์
‘มุมสวยแฮะ’
ผมคิดขณะชื่นชมตัวเอง
ควอกซ์กล่าวต่อว่า
“ณ ตอนนี้ เขาเป็นเพียงคนเดียวที่เรารู้ว่าสามารถจัดการกับพลังงานนี้ได้ บางทีเขาอาจจะสามารถตรวจจับและจัดการกับเรื่องทั้งหมดนี้ก่อนที่ปัญหาจะกลายเป็นปัญหามากขึ้นก็ได้”
ขณะที่เขาพูดเช่นนั้น ทั้งห้องก็เงียบลง แต่มันก็ถูกทำลายลงอย่างรวดเร็วด้วยคำพูดของเกอร์เล
“ทำไมเราไม่เอาอาวุธนั้นจากเขาไปศึกษาดูล่ะ? มันเป็นอาวุธที่เกี่ยวข้องกับพลังงานที่เสื่อมทราม และบางทีเราอาจจะสร้างอาวุธขึ้นมาใหม่ได้ด้วยซ้ำ”
แนวคิดนี้ดูเหมือนเป็นไปได้มากกว่า เนื่องจากผมเห็นผู้นำบางคนถึงกับยอมรับแนวคิดนี้
“เรื่องนั้นจะไม่เกิดขึ้น…”
จู่ๆ มิร่าก็พูดทำให้ผมยิ้ม คำพูดของเธอทำให้บรรยากาศเย็นลง ขณะที่เกอร์เลพูดด้วยเสียงหยาบกร้าน
“ทำไมถึงไม่ได้หล่ะ?”
“เพราะว่าอาวุธนั้นผูกพันกับออสตินและเป็นสิ่งที่ตอบสนองต่อสายเลือดของเขา มันต้องการพลังงานของเขาเพื่อคงสภาพไว้และเรียกมันออกมา คุณจะต้องฆ่าเขา นั่นเป็นวิธีเดียว”
มิร่าอธิบาย
ทันทีที่เธอพูดคำเหล่านี้ สีหน้าของมิร่าก็เย็นชากว่าที่เคย ดวงตาของเธอจ้องมองไปที่ผู้นำทุกคนขณะที่เธอพูดโดยไม่ได้พักเลย
“หากแผนดังกล่าวเกิดขึ้น พวกคุณก็จะต้องเป็นศัตรูกับตระกูลไลออนฮาร์, สมาคมจอมเวทย์และสมาคมนักธนู เชื่อฉันเถอะ เราจะทุ่มพลังทั้งหมดที่พวกเรามี”
และด้วยเหตุนี้ บรรยากาศจึงกลายเป็นอันตรายมากขึ้นอีกครั้ง แม้ว่าองค์กรเหล่านี้จะมีอำนาจ แต่องค์กรที่มิร่าพูดถึงไม่ใช่สิ่งที่ควรเป็นศัตรู ทุกคนที่นี่รู้ดีเกี่ยวกับความบ้าคลั่งของตระกูลเราอย่างแน่นอน พวกเขารู้ว่ามิร่าเป็นผู้สืบทอดของสมาคมจอมเวทย์ และผมก็เป็นผู้สืบทอดของสมาคมนักธนู การยั่วยุใครคนหนึ่งอาจไม่เป็นอะไร แต่การยั่วยุเราทั้ง 3 กลุ่มนั้นคงไม่คุ้มค่าซักเท่าไหร่
‘สวยพี่สวย’
ผมยกนิ้วให้มิร่าอย่างเงียบๆ และในขณะที่บรรยากาศเริ่มอันตรายมากขึ้น นีนี่ก็พูดขึ้นมา
“ทำไมทุกคนไม่ใจเย็นกันก่อนหล่ะ ไม่มีใครที่นี่อยากเป็นศัตรูกันหรอก โดยเฉพาะในเวลาแบบนี้ สิ่งที่เราควรทำคือหาทางแก้ปัญหาอย่างเช่นลองมองหาสถานที่ที่ออสตินได้รับอาวุธมา? อะไรแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
ขณะที่เธอถามสิ่งนี้ ทุกคนก็หันไปทางมิร่าและส่ายหัว
“เรื่องนั้นคงเป็นไปไม่ได้ พวกคุณทุกคนควรรู้ว่าพื้นที่นั่นเต็มไปด้วยอาวุธที่เลือกเจ้าของของพวกมันเอง นอกจากนี้เรายังทำการค้นหาแล้วก็ไม่พบอะไรประเภทนั้นเลย”
“ตอนนี้ เด็กคนนั้นคือคนที่เหมาะสมที่สุดของเรา”
จู่ๆ จามิเลียก็พูดขึ้น ดวงตาของเธอเพ่งไปที่การแสดงรูปร่างของผมอย่างน่าขนลุกขณะที่ควอกซ์พูดต่อ
“เราได้วางเขาไว้ภายใต้การคุ้มครองระดับ 4 แล้ว ไม่มีอะไรจะแตะต้องเขาได้ และเขาจะอยู่ในสายตาของเรา เพราะเรามั่นใจได้ว่า ‘พวกมัน’ จะลงมือทำอะไรบางอย่างอย่างแน่นอน”
‘เอ่อ…พี่ชาย ผมนั่งอยู่ตรงนี้นะ…’
สักพักผมก็สงสัยว่าทุกคนที่นี่จะหน้าตาเป็นยังไงถ้าจู่ๆ ผมถอดหน้ากากออก มันคงจะตลกน่าดู… แต่อีกด้านผมจะสูญเสียความได้เปรียบที่มีต่อคนเหล่านี้ในทันที ผมรู้เวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะเปิดตัวต่อพวกเขาทุกคนอยู่
“ถ้างั้นเราควรเริ่มต้นจัดตั้งศูนย์โจมตีไหม?”
นีนี่ถาม จากนั้นการพูดคุยก็แยกไปสู่อนาคต เช่น การวางแผน, การสรรหาบุคลากรใหม่ และอื่นๆ อีกมากมาย เป็นการเสวนาเรื่องการคุ้มครองทั่วโลกโดยสมบูรณ์ ซึ่งทุกคนเริ่มแสดงความคิดเห็นและวิธีจัดการกับภัยคุกคามในอนาคตที่อาจเข้ามาขวางทางเรา
-Donate-
True Money Wallet ID : mraxzy
ไทยพาณิชย์ : 4051572923 //ชาคริต