ตอนที่ 697 เมฆหมอกแห่งลางร้าย (4) / ตอนที่ 698 การตายของฟ่านฉี (1)
ตอนที่ 697 เมฆหมอกแห่งลางร้าย (4)
กู้หลีเซิงตกใจมากและรีบเข้าไปขวางประตูไว้ เหงื่อไหลออกมาตามใบหน้าของเขาจนชุ่มโชก
“คนจากจวนหลินอ๋อง! คนจากจวนหลินอ๋องให้ข้ามาพบท่านขอรับ!”
สีหน้าของเวินซินหันเปลี่ยนไปเล็กน้อยและเผยแววตาแปลกๆ ให้เห็น เขาเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะก้าวถอยหลังและพูดขึ้นว่า “เข้ามาคุยกันข้างใน”
หัวใจของกู้หลีเซิงลิงโลดขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าคำพูดของจวินอู๋เสียจะได้ผลหรือไม่ แต่เมื่อสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเวินซินหันตอนที่ได้ยินคำว่า ‘จวนหลินอ๋อง’ ความหวังก็เบ่งบานในหัวใจของเขาทันที
กู้หลีเซิงเข้าไปในห้อง และเวินซินหันก็เชิญให้เขานั่งลงบนเก้าอี้
“เป็นคนจากจวนหลินอ๋องจริงๆ หรือที่บอกให้เจ้ามาพบข้า” เวินซินหันถามพร้อมกับมองกู้หลีเซิงอย่างสงสัย สายตาแหลมคมของเขาทำให้กู้หลีเซิงรู้สึกราวกับมีมีดสั้นพุ่งตรงมาที่เขา
กู้หลีเซิงรู้สึกได้ถึงพลังที่มองไม่เห็นเข้ามาห่อหุ้มตัวเขา และพบว่าตัวเองกลัวจนเหงื่อออกชุ่ม
รังสีกดดันจากพลังวิญญาณขั้นสีม่วงเป็นเช่นนี้เองหรือ
น่ากลัวจริงๆ!
“ข้า…ข้าไม่แน่ใจขอรับ แต่นั่นคือสิ่งที่เขาบอกให้ข้ามาบอกท่าน” กู้หลีเซิงไม่กล้าโกหกต่อหน้าเวินซินหัน ผลจากการหลอกลวงผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงไม่ใช่สิ่งที่เขาพร้อมจะแบกรับ
“เขาหรือ” เวินซินหันเลิกคิ้ว “เขาเป็นใคร”
“จวินเสีย ชื่อของเขาคือจวินเสียขอรับ เขาเป็นศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว” กู้หลีเซิงรีบตอบโดยเร็ว
เมื่อเวินซินหันได้ยินคำว่า ‘จวินเสีย’ นัยน์ตาของเขาก็ทอประกายแปลกๆ ออกมาให้เห็นอีกครั้ง
จวินเสีย…จวินอู๋เสีย…
เป็นไปได้หรือไม่ว่าคนที่กู้หลีเซิงกำลังพูดถึงอยู่นั้น ก็คือคุณหนูใหญ่ของจวนหลินอ๋อง
เวินซินหันไม่มีวันลืมสายตาเย็นชาและเด็ดเดี่ยวของเด็กสาวตัวเล็กคนนั้น
“คนผู้นั้นอายุเท่าไร” เวินซินหันถามอย่างระมัดระวัง
“ประมาณสิบสี่ สิบห้าปีขอรับ…”
“รูปร่างหน้าตาเล่า”
“บอบบาง มีเสน่ห์…”
“บอบบาง…มีเสน่ห์หรือ” เวินซินหันหรี่ตาลง สาวน้อยที่เขาจำได้นั้นสวยจนน่าตะลึง ถึงแม้ใบหน้าเล็กๆ นั่นยังไม่เติบโตเต็มที่ แต่ความงามและเสน่ห์ของนางนั้นเรียกได้ว่างามล่มเมือง
แต่ถึงอย่างไรอายุก็ถูกต้องตรงกัน และชื่อก็ต่างกันเพียงแค่พยางค์เดียวเท่านั้น
เวินซินหันไม่พูดอะไร เขานิ่งเงียบขณะที่ในใจกำลังคิดวุ่นวาย
“ผู้อาวุโสเวินขอรับ คำขอเพียงอย่างเดียวของเขาก็คือ ขอให้ท่านไปพบเขาที่สาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณตอนเที่ยงวันพรุ่งนี้ขอรับ” เมื่อเห็นว่าเวินซินหันกำลังจมอยู่ในความคิด กู้หลีเซิงก็ทิ้งความหวาดหวั่นทั้งหมดไปและโพล่งคำพูดของจวินอู๋เสียออกมาตรงๆ
“แค่ไปพบหรือ”
“ขอรับ”
“ก็ได้ ข้าตกลง” ในที่สุดเวินซินหันก็พยักหน้า
ทั่วทั้งแผ่นดินนี้ คนที่รู้ว่าเขามีความเกี่ยวข้องกับจวนหลินอ๋องทั้งหมด ถูกฝังอยู่ใต้ดินลึกหกจั้งและกลายเป็นผีเร่ร่อนไปหมดแล้ว
ถ้าคนผู้นั้นกล้ากล่าวอ้างออกมาตรงๆ เช่นนี้ เขาต้องเกี่ยวข้องกับจวนหลินอ๋องอย่างแน่นอน
และไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นจวินอู๋เสียหรือไม่ เวินซินหันก็ตัดสินใจที่จะไปพบเขา
“ข้ายินดีมากที่ได้ยินเช่นนั้นขอรับ!” กู้หลีเซิงพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนอย่างตื่นเต้น มีไม่กี่คนในโลกนี้ที่สามารถทำให้เวินซินหันเคลื่อนไหวได้ ในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วงที่เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูง เขาไม่ใช่แค่คนธรรมดาทั่วไป เวินซินหันไม่จำเป็นต้องยอมทำตามคำสั่งของใคร เขาสามารถทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากจะทำ
การที่เวินซินหันยอมตกลง ทำให้กู้หลีเซิงมองเห็นเศษเสี้ยวแห่งความหวังขึ้นมา
ก่อนที่เขาจะจากไป กู้หลีเซิงมองไปที่เวินซินหันอย่างลังเลและต่อสู้กับจิตใจตัวเองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพูดขึ้นว่า “ถ้าผู้น้อยจะขอร้องอะไรสักอย่าง ผู้อาวุโสโปรดตกลงด้วยเถิดขอรับ”
“อะไรหรือ” เนื่องจากความสำนึกในบุญคุณของเขาที่มีต่อจวนหลินอ๋อง เวินซินหันจึงมีท่าทีที่อ่อนลงต่อกู้หลีเซิง
“ฟ่านจิ่น…ไม่มีวันทำเรื่องเลวร้ายแบบนั้น ผู้น้อยรู้ว่าที่เขาสามารถรอดชีวิตอยู่จนถึงวันนี้ได้ เป็นเพราะการปกป้องของผู้อาวุโสเวิน ข้าขอวิงวอนผู้อาวุโสเวิน ให้ช่วยดูแลความปลอดภัยของเขาต่อไปด้วยเถอะขอรับ เขา…เป็นเด็กที่ดีมาก” กู้หลีเซิงอ้อนวอนพร้อมกับโค้งคารวะต่อเวินซินหันอย่างจริงใจ
ตอนที่ 698 การตายของฟ่านฉี (1)
เวินซินหันตอบว่า “เขาเป็นลูกชายของสหายเก่าของข้า ข้าย่อมต้องดูแลเขาอยู่แล้ว”
กู้หลีเซิงยิ้ม เขารู้สึกโล่งอกขึ้นมาก จากนั้นเขาก็ทำความเคารพก่อนจากไป
ที่เรือนหลังเล็กในลานป่าไผ่ จวินอู๋เสียกำลังอธิบายพื้นฐานทักษะการเยียวยารักษาจิตวิญญาณให้กู่อิ่งฟัง กู่อิ่งนั่งฟังอย่างตั้งใจอยู่บนม้านั่ง แววตาโหดร้ายอำมหิตหายไปจากดวงตาของเขา ในที่สุดเขาก็ดูเหมือนที่กู้หลีเซิงได้บรรยายเอาไว้ในทีแรกว่าเป็นศิษย์ที่สุภาพเรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม จวินอู๋เสียรู้ดีว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่เปลือกปลอมๆ เท่านั้น
กู่อิ่งลองวิชาโดยทำตามคำแนะนำของจวินอู๋เสีย ขณะที่จวินอู๋เสียเฝ้าสังเกตการกระทำทุกอย่างของกู่อิ่งอย่างระมัดระวัง
ถ้ามีเพียงแค่กู่อิ่งคนเดียวที่อยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัว จวินอู๋เสียจะไม่กังวลมากนัก แต่ถ้ามีคนอื่นจากสิบสองตำหนักอยู่ด้วยละก็ นางกลัวว่าเยี่ยซาจะไม่สามารถจัดการพวกเขาไดเพียงลำพัง ก่อนที่นางจะแน่ใจในจำนวนของศัตรูได้ จวินอู๋เสียจึงเลือกที่จะเฝ้าสังเกตต่อไป
อาจิ้งกำลังเช็ดโต๊ะและเก้าอี้อยู่ด้านข้างในตอนที่การเคลื่อนไหวของกู่อิ่งทำให้เขาเสียสมาธิ อาจิ้งหันไปมองทางพวกเขาด้วยสีหน้าโง่งม เขาเห็นกู่อิ่งมองมือตัวเองอย่างตั้งใจ เฝ้าสังเกตพลังวิญญาณที่อยู่บนนั้น จากนั้นเขาก็ย้ายสายตาไปมองจวินอู๋เสีย แววตาที่สับสนของเขาดูเหมือนกระจ่างขึ้นมาแวบหนึ่ง แต่เขาก็รีบก้มหน้าลงอีกครั้ง ยุ่งอยู่กับงานบ้านของเขาต่อไปโดยไม่พูดอะไรออกมา
กู่อิ่งพยายามอยู่หลายครั้งแต่ไม่สามารถแปลงพลังวิญญาณให้เป็นพลังจิตวิญญาณได้ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาถูกแทนที่ด้วยความชั่วร้าย หลังจากล้มเหลวอีกครั้ง กู่อิ่งก็ยกมือขึ้นและทุบลงไปบนโต๊ะข้างหน้า ทำให้โต๊ะแตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
“นี่เป็นสิ่งที่มีเพียงคนฉลาดล้ำเลิศอย่างศิษย์พี่เท่านั้นแหละที่สามารถเข้าใจได้ แต่ช่างเถอะ เมื่อครู่ศิษย์พี่คุยกับกู้หลีเซิงอยู่นานเลยนะ คุยอะไรกันอย่างนั้นหรือ” ดวงตาของกู่อิ่งเริ่มมีแววแปลกๆ
“ถามว่าเจ้าเป็นใคร” จวินอู๋เสียตอบอย่างเฉยเมย
กู่อิ่งประหลาดใจ เขาคิดว่าจวินอู๋เสียจะหาเหตุผลอื่นมาหลอกเขา ไม่คิดเลยว่าจวินอู๋เสียจะตรงไปตรงมาขนาดนี้
แม้ว่าเขาจะไม่ได้ยินเรื่องที่พวกเขาพูดคุยกัน เขาก็เดาได้ว่าจุดประสงค์ในการเข้าพบกู้หลีเซิงของจวินอู๋เสียนั้นต้องเกี่ยวข้องกับเขาอย่างแน่นอน
“ข้าก็คือกู่อิ่ง ศิษย์น้องในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณของเจ้าอย่างไรเล่า ถ้าศิษย์พี่อยากรู้อะไรก็ถามข้ามาตรงๆ ได้เลย ทำไมต้องไปถามเขาด้วย” กู่อิ่งพูดพร้อมกับหัวเราะ ดวงตาทอประกายแปลกๆ รุนแรงขึ้นอย่างไม่สามารถระงับไว้ได้ “ไอ้ที่ศิษย์พี่พยายามสอนข้าอยู่นี่มันยากที่จะเข้าใจมากจริงๆ ข้าว่าข้าควรไปหากู้หลีเซิง ดูซิว่าเขาจะช่วยข้าทำความเข้าใจได้หรือเปล่า”
ขณะที่กู่อิ่งพูดประโยคพวกนั้น สายตาของเขาก็กวาดดูสีหน้าของจวินอู๋เสีย เมื่อเห็นว่าสีหน้าของนางไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย เขาก็ยิ้มและลุกขึ้นเดินจากไป
อย่างที่คาด เขาเริ่มสงสัยแล้ว จวินอู๋เสียหรี่ตาลงขณะที่จ้องมองตามหลังของกู่อิ่งที่เดินจากไป ความเย็นเยียบคืบคลานเข้ามาในหัวใจของนาง
ในตอนที่จวินอู๋เสียนำกู่อิ่งออกไปจากสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณ เขาก็เริ่มสงสัยแล้ว แต่เขาอยากจะรอให้แผนของพวกเขาเริ่มขึ้น ก่อนที่เขาจะกลับไปเพื่อจับพวกเขาแบบคาหนังคาเขา
“เยี่ยซา” จวินอู๋เสียเรียกเสียงต่ำ
ร่างของเยี่ยซาปรากฏขึ้นในลานป่าไผ่ทันที
อาจิ้งที่ยังทำความสะอาดอยู่ตัวแข็งทื่ออยู่กับที่เมื่อเห็นเยี่ยซา
เยี่ยซาไม่แม้แต่จะเหลือบมองอาจิ้งเลย เขาคุกเข่าลงข้างหนึ่งตรงหน้าจวินอู๋เสียและพูดว่า “ข้าน้อยรอรับคำสั่งของคุณหนูใหญ่ขอรับ”
“กู้หลีเซิงกลับไปหรือยัง”
“กลับไปแล้วขอรับ ข้าน้อยเห็นเขาเดินเข้าไปในสาขาผู้เยียวยาจิตวิญญาณด้วยตาของข้าเอง”
จวินอู๋เสียพยักหน้า ทันเวลาพอดี ต่อให้กู่อิ่งรีบกลับไปแค่ไหน เขาก็จะไม่พบอะไรที่ผิดปกติ
เกมเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น!
เยี่ยซาแอบออกจากเรือนพักไปอย่างลับๆ เหมือนตอนที่เขาเข้ามา หายตัวไปในเงามืดอย่างรวดเร็ว
จวินอู๋เสียลุกขึ้นเพื่อจะกลับไปที่ห้องของนาง
แต่ในตอนที่นางกำลังยืนขึ้นนั้นเอง คนผู้หนึ่งก็พุ่งตรงเข้ามาหานางทันที!
“อา! อา!” เข่าของอาจิ้งกระแทกพื้นเสียงดัง เขาคุกเข่าลงแทบเท้าจวินอู๋เสียและส่งเสียงร้องอย่างกระวนกระวายราวกับกำลังอ้อนวอน