ตอนที่ 699 การตายของฟ่านฉี (2) / ตอนที่ 700 การตายของฟ่านฉี (3)
ตอนที่ 699 การตายของฟ่านฉี (2)
อาจิ้งคุกเข่าลงตรงหน้าจวินอู๋เสียอย่างกระวนกระวาย พยายามอย่างหนักที่จะพูดสักอย่างโดยใช้สองมือแสดงท่าทาง และส่งเสียงอย่างเอาเป็นเอาตายไม่หยุด อาจิ้งกำลังพยายามพูดบางอย่างแต่ลิ้นของเขาถูกตัด เขาจึงไม่สามารถพูดได้อีกต่อไป ทำได้แค่ส่งเสียงที่ไม่สามารถเข้าใจได้ออกมาเท่านั้น
“อา! อา! อา!” อาจิ้งชี้ไปนอกประตูและโขกศีรษะกับพื้นซ้ำๆ เป็นการคารวะ เสียงศีรษะกระทบพื้นดังครั้งแล้วครั้งเล่าจนกระทั่งหน้าผากของเขาแตก โลหิตสีแดงสดไหลออกมาจากบาดแผลแต่อาจิ้งก็ไม่ยอมหยุด ยังคงใช้เรี่ยวแรงที่เหลืออยู่โขกต่อไปอย่างไม่ลดละ
“เจ้าไม่ได้บ้า” จวินอู๋เสียพูดพลางมองอาจิ้งอย่างสงบนิ่ง
อาจิ้งเงยหน้าขึ้น โลหิตสีแดงไหลลงมาตามสันจมูกของเขา เขามีสีหน้ายินดีขณะที่พยักหน้าอย่างแข็งขัน
“เจ้ามีบางอย่างอยากจะบอกข้าอย่างนั้นหรือ” จวินอู๋เสียถามต่อ
อาจิ้งพยักหน้าอีกครั้ง
“ลุกขึ้น” จวินอู๋เสียนั่งลงและหยิบพู่กันกับกระดาษออกมาวางบนโต๊ะ
“ถ้าเจ้าพูดไม่ได้ก็เขียน”
อาจิ้งไม่ลุกแต่คุกเข่าอยู่ข้างโต๊ะ เขาถือพู่กันเอาไว้ในมือข้างหนึ่งและเขียนอย่างรวดเร็วประโยคแล้วประโยคเล่า มือที่จับพู่กันอยู่สั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าสั่นเพราะสภาพจิตใจหรือเพราะเหตุผลอื่น
ในเวลาสั้นๆ อาจิ้งก็เขียนไปถึงสามหน้าเต็มๆ เขาวางมันลงตรงหน้าจวินอู๋เสีย จากนั้นก็กลับไปโขกศีรษะกับพื้นอีกครั้งทันที อ้อนวอนขอร้องราวกับจวินอู๋เสียเป็นความหวังสุดท้ายเพียงหนึ่งเดียวของเขา
จวินอู๋เสียหยิบกระดาษขึ้นมากวาดสายตามอง เพียงแค่รอบเดียวม่านตาของนางก็กว้างขึ้นเล็กน้อย
เหตุผลที่อาจิ้งตกอยู่ในสภาพนั้น ไม่ใช่เพราะการทรมานเพื่อแก้เบื่อของกู่อิ่ง แต่มันเป็นเพราะว่า…อาจิ้งรู้ความลับบางอย่างเข้า
ความลับเบื้องหลังการตายของฟ่านฉี!
ในวันนั้นที่ห้องหนังสือของฟ่านฉี นอกจากฟ่านฉีกับฟ่านจิ่นแล้ว ยังมีอีกคนหนึ่งอยู่ที่นั่นด้วย และคนคนนั้นก็คืออาจิ้ง!
ตั้งแต่อาจิ้งถูกไล่ออกจากลานป่าไผ่ เขาก็อารมณ์ไม่ดีและหมดกำลังใจ เขาอยากทำให้จวินอู๋เสียออกไปจากลานป่าไผ่เพื่อปกป้องฟ่านจัว และจงเกลียดจงชังจวินอู๋เสียอยู่ตลอดเวลา จนกระทั่งวันที่กู้หลีเซิงเรียกรวมตัวทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงหัว และเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของจวินอู๋เสียต่อหน้าทุกคน ในตอนนั้นข่าวลือทั้งหมดที่ทำให้จวินอู๋เสียต้องเสื่อมเสียชื่อเสียงก็ถูกลบล้างจนหมดสิ้น อาจิ้งอยู่ที่นั่นด้วยในวันนั้น เมื่อเขาได้ฟังเรื่องทุกอย่าง ในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและชิงชังตัวเอง
นับครั้งไม่ถ้วนที่เขาอยากจะวิ่งมาที่ลานป่าไผ่เพื่อขอโทษจวินอู๋เสีย แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่คู่ควรแม้แต่จะเอ่ยปากขอโทษด้วยซ้ำ
จวินอู๋เสียไม่เคยเป็นคนชั่วช้าเลวทรามอย่างที่ข่าวลือพวกนั้นกล่าวอ้าง เขาไม่เคยทำผิดศีลธรรมใดๆ เขาใช้ความพยายามทั้งหมดของเขาเพื่อรักษาอาการป่วยของฟ่านจัวอย่างแท้จริง ตอนนี้อาจิ้งรู้แล้วว่าเขาช่างตาบอดโง่งมนักที่หลงเชื่อข่าวลือเลวร้ายพวกนั้นง่ายดายเช่นนี้ ทำให้เขากล่าวหาคนดีไปแบบผิดๆ
ความละอายใจและความเกลียดชังตัวเองกัดกินหัวใจเขาอย่างไม่จบสิ้น อาจิ้งอยากกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมา แต่ก็รู้สึกว่าเขาไม่สมควรได้รับการให้อภัย เขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับจวินอู๋เสียได้อีก
ความรู้สึกผิดที่กัดกินเขาเพิ่มขึ้นตามวันเวลาที่ผ่านไปและถูกฟ่านฉีสังเกตเห็น ฟ่านฉีคิดอยู่เสมอว่าอาจิ้งเป็นเด็กที่ซื่อสัตย์และไว้ใจได้ ถึงแม้เขาจะทำผิดแต่ก็ไม่ได้มีเจตนาร้าย เมื่อเห็นอาจิ้งหดหู่และหมดกำลังใจเช่นนั้น ฟ่านฉีก็คิดจะยื่นมือเข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาให้
บังเอิญว่าเวลานั้นจวินอู๋เสียกับฟ่านจัวไม่อยู่ในสำนักศึกษาเฟิงหัว ดังนั้นฟ่านฉีจึงให้อาจิ้งซ่อนตัวอยู่ในห้องหนังสือของเขา และเรียกฟ่านจิ่นมาที่ห้องหนังสือ เขาอยากฟังความเห็นของบุตรชายในเรื่องนี้ และอยากรู้ว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่จะนำความเสียใจของอาจิ้งและคำขอโทษของเขาไปบอกกับจวินอู๋เสีย
แต่ทว่า…
วันนั้นอาจิ้งกำลังซ่อนตัวอยู่ในช่องลับในห้องหนังสือ เขาแอบดูผ่านรูเล็กๆ ที่ช่องนั้นและเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในห้องหนังสือ
ตอนที่ 700 การตายของฟ่านฉี (3)
ฟ่านฉีทำตามแผนที่วางไว้ ในตอนแรกเขาคุยกับฟ่านจิ่นไปเรื่อยเปื่อยในหัวข้อทั่วๆ ไป ก่อนที่จะนำบทสนทนาเข้าสู่เรื่องของอาจิ้ง อาจิ้งที่ตอนนั้นอยู่ในช่องลับกระวนกระวายมากเสียจนฝ่ามือเปียกชื้นไปหมด
แต่ในตอนที่ฟ่านจิ่นกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆ ประตูห้องหนังสือก็เปิดออก
มีคนสองคนยืนอยู่ข้างนอกนั่น!
หนึ่งในนั้นคือหนิงรุ่ย และอีกหนึ่งคือกู่อิ่ง
ในตอนแรกอาจิ้งไม่ได้คิดว่ามีอะไรผิดปกติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นต่อมาก็ทำให้เขารู้สึกว่าเขาได้ตกลงไปในขุมนรก!
กู่อิ่งเข้ามาในห้องหนังสือ และโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงเขาก็หายตัวไปจากจุดที่ยืนอยู่ทันที!
วินาทีต่อมากู่อิ่งก็ปรากฏตัวขึ้นที่ข้างๆ ฟ่านฉี ดาบที่เขาถืออยู่ในมือเสียบเข้าไปที่หน้าอกของฟ่านฉี ปักทะลุคาพนักเก้าอี้ที่เขานั่งอยู่!
จนกระทั่งตอนตาย ฟ่านฉีก็ไม่มีแม้แต่เวลาที่จะตอบโต้หรือรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาเพียงทรุดตัวลงมาข้างหน้าและคว้าจับมือของกู่อิ่งที่กำด้ามดาบเอาไว้แน่น โลหิตสีแดงสดไหลออกจากบาดแผลและปากของเขา ดวงตาของเขาจ้องมองไปที่หนิงรุ่ยที่เป็นคนพากู่อิ่งเข้ามาในห้องหนังสืออย่างไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อฟ่านฉีถูกฆ่าตาย ฟ่านจิ่นก็โกรธจัด เขากระโจนเข้าโจมตีกู่อิ่งอย่างเกรี้ยวกราด
แต่น่าประหลาดใจที่ฟ่านจิ่นผู้เป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆ ของสำนักศึกษาเฟิงหัวกลับถูกกู่อิ่งจัดการได้ด้วยกระบวนท่าเดียวเท่านั้น กู่อิ่งไม่ฆ่าฟ่านจิ่นแต่ใช้สองมือโจมตีเข้าที่ศีรษะของเขาอย่างรุนแรง อาจิ้งยืนตัวแข็งทื่ออยู่ในช่องลับเฝ้ามองร่างสูงของฟ่านจิ่นล้มลงบนพื้นด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว
จากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงของหนิงรุ่ย
หนิงรุ่ยพูดว่า “ในที่สุด…ฮ่าๆๆ…ในที่สุดเจ้าก็ตาย…ฮ่าๆๆๆ…ฟ่านฉี! ในที่สุดเจ้าก็ตาย! ฮ่าๆๆๆ…”
ตอนนั้นเองอาจิ้งรู้สึกเหมือนถูกฟ้าผ่า เขาไม่เคยคิดฝันเลยว่าหนิงรุ่ยที่มีท่าทีอ่อนโยนอยู่เสมอนั้นอยากให้ฟ่านฉีตายมาตลอด อาจิ้งที่รู้สึกเสียใจอย่างถึงที่สุดใช้มือทั้งสองปิดปากตัวเองไว้แน่นก่อนที่เสียงร้องของเขาจะหลุดรอดออกไป
เขาเห็นอย่างชัดเจนว่ากู่อิ่งดึงดาบที่เสียบอยู่ที่หน้าอกฟ่านฉีออกมา และยัดด้ามดาบเข้าไปในมือของฟ่านจิ่นที่หมดสติ
หลังจากนั้นเขาก็ออกจากห้องหนังสือไปพร้อมกับหนิงรุ่ย และปิดประตูลงกลอนตามหลัง
อาจิ้งตกอยู่ในความสิ้นหวังอย่างถึงที่สุด ความเจ็บปวดในหัวใจของเขาทำให้เขารู้สึกเหมือนศีรษะกำลังจะระเบิด
แต่ไม่นานฟ่านจิ่นที่หมดสติจู่ๆ ก็ลุกขึ้นนั่ง อาจิ้งรู้สึกดีใจอย่างเหลือล้น และอยากจะพุ่งตัวออกไปจากช่องลับ จนกระทั่งเขาสังเกตเห็นท่าทีแปลกๆ ของฟ่านจิ่น และก็ต้องตัวแข็งทื่ออยู่กับที่อีกครั้ง
ฟ่านจิ่นดูเหมือนถูกดูดเอาจิตวิญญาณออกไปจากร่าง เขามองข้างหน้าอย่างเหม่อลอย มือยังคงถือดาบที่ฆ่าฟ่านฉีเอาไว้ โลหิตสีแดงสดหยดลงจากปลายดาบที่ชี้ลงพื้น แต่ฟ่านจิ่นดูเหมือนจะลืมสิ้นทุกสิ่งรอบตัวเขา เขาเพียงแต่ยืนนิ่งๆ อยู่กับที่
อาจิ้งอยากจะก้าวออกไปเพื่อตรวจดูอาการของฟ่านจิ่น แต่ประตูห้องหนังสือก็เปิดออกพอดี
คนที่เปิดประตูเข้ามาคือคนรับใช้ที่มีหน้าที่ส่งอาหารให้ฟ่านจัวที่ลานป่าไผ่ กงเฉิงเหล่ย นั่นเอง เขามองไปที่ฟ่านจิ่นเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง ฟ่านจิ่นยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อนและมองไปข้างหน้าอย่างเหม่อลอยอยู่ในห้องหนังสือ กงเฉิงเหล่ยตะโกนเรียกฟ่านจิ่น แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
ทันใดนั้นกงเฉิงเหล่ยก็ส่งเสียงร้องคร่ำครวญอย่างเจ็บปวด
“ท่านอาจารย์ใหญ่! เกิดอะไรขึ้น!”
เสียงคร่ำครวญดังลั่นนั้น เรียกผู้คนมากมายให้มาที่นั่นในเวลาไม่นาน ฟ่านฉีตายแล้ว และในห้องก็มีฟ่านจิ่นยืนเหม่อลอยไร้การตอบสนอง พร้อมกับถือดาบเปื้อนเลือดเอาไว้ในมือโดยไม่ขยับเขยื้อนเลยสักนิด ทุกคนต่างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น หนิงรุ่ยมาถึงที่เกิดเหตุอย่างช้าๆ เขาจัดการงานศพให้ฟ่านฉี เสแสร้งทำเป็นเศร้าโศกเสียใจ พร้อมกับสั่งให้ผู้คุ้มกันจับฟ่านจิ่นที่ไร้การตอบสนองใดๆ ไปขังเอาไว้
แต่อาจิ้งเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมด ก่อนที่กงเฉิงเหล่ยจะร้องคร่ำครวญเสียงดัง ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มแค่ชั่วแวบเดียวเท่านั้น
แต่อาจิ้งเห็นมันอย่างชัดเจน!
การฆาตกรรมฟ่านฉีและใส่ร้ายฟ่านจิ่น กงเฉิงเหล่ยเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย!