ตอนที่ 242 จิตสำนึกที่ชั่วร้าย (2)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ตอนที่ 242 จิตสำนึกที่ชั่วร้าย (2)
สายลมอ่อนพัดโชยมา แล้วต้นอ่อนที่แข็งแรงและสมบูรณ์ก็เริ่มแสดงความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อหลี่ฉางโซ่ว ผู้ที่หล่อเลี้ยงดูแลพวกมันมาอย่างพิถีพิถัน…

หลี่ฉางโซ่วเดินไปอยู่ใต้ต้นไม้และยกมือขึ้นตบลำต้นของต้นไม้ราวกับจะให้กำลังใจ กระตุ้นให้มันผลิตน้ำยางมากขึ้นเพื่อสนับสนุนยอดเขาหยกน้อยได้มากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นไม่นาน หลี่ฉางโซ่วก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

เผ่ามังกร…

“เนื่องจากพิษได้แทรกซึมลึกเข้าไปในกระดูก บางทีราชามังกรอาจต้องการหาโอกาสกำจัดมันเพื่อรักษาตัว ข้าเคยพิจารณาเรื่องนี้มาก่อนแล้ว”

เมื่อมองดูเทียบเชิญในคลังเวทจัดเก็บที่อ๋าวอี่นำมา…

แม้ในตอนนี้ หลี่ฉางโซ่วจะไม่มีพื้นฐานใดๆ ในเรื่องนี้ แต่เขาก็รู้สึกว่างานอภิเษกของอ๋าวอี่จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องการเข้าสู่ศาลสวรรค์ของเผ่ามังกร

ข้าควรวางแผนไว้ก่อนล่วงหน้าดีกว่า

นี่เป็นภารกิจที่ท่านปรมาจารย์จอมปราชญ์เทพมอบหมายให้ข้า มันเกี่ยวข้องกับรากฐานเต๋าในอนาคตของข้า ดังนั้น ข้าต้องทำอย่างระมัดระวัง

“ศิษย์พี่!”

มีเสียงตะโกนเรียกจากทางด้านหลัง หลี่ฉางโซ่วจึงหันกลับไปมอง และเห็นหลิงเอ๋อร์ลอยอยู่บนก้อนเมฆที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยจั้ง

หลี่ฉางโซ่วหรี่ตาและแย้มยิ้ม ทันใดนั้นหลิงเอ๋อก็นึกถึงความอายครั้งก่อน และอดจะเม้มปากแล้วหน้าแดงในทันทีไม่ได้

“เมื่อครู่นี้ ท่านปรมาจารย์ใหญ่ส่งสารมาบอกว่านางกำลังจะเดินทางกลับมาแล้ว ศิษย์พี่… ข้า! ข้าจะกลับไปฝึกแล้ว…”

กล่าวจบ หลิงเอ๋อร์ก็ปิดหน้า หันหลังหนี แล้วรีบกลับเข้าไปในกระท่อมมุงจากของนาง

หลี่ฉางโซ่วอดหัวเราะไม่ได้ เขาเคยแกล้งหยอกล้อนางมาแล้วครั้งหนึ่งโดยกักนางเอาไว้ระหว่างตัวเขากับกำแพง ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น เวลาก็ผ่านไปครึ่งเดือนแล้ว แต่นางยังเขินอายอยู่อีกหรือ?

เด็กสาวผู้นี้ขี้อายเกินไปหรือไม่?

หลังจากลังเลอยู่นาน ในที่สุด ปรมาจารย์ใหญ่เจียงหลินเอ๋อร์ก็ตัดสินใจใช้น้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อน…

นั่นเป็นเรื่องดีเช่นกัน แต่เขาไม่รู้ว่ามันจะใช้ได้ผลกับปรมาจารย์หว่างฉิงผู้สูงส่งหรือไม่ เพราะในท้ายที่สุด เขาก็เป็นปรมาจารย์เซียนเทียนขั้นสูงสุดในสำนัก…

แต่ไม่ว่าอย่างไร เขาก็ต้องลองดู

หากได้ผู้สนับสนุนที่ทรงพลังสำหรับยอดเขาหยกน้อย ต่อให้ในอนาคต เขาจะมีเรื่องบางอย่างที่ต้องออกไปทำพร้อมกับปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูโดยใช้ร่างหลักของเขา ท่านอาจารย์และหลิงเอ๋อร์ก็ยังปลอดภัยขึ้นอย่างมาก

เมื่อคิดถึงเรื่องนั้น หลี่ฉางโซ่วก็นึกถึงบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับเผ่ามังกร เผ่ามังกรยังมีปรมาจารย์จากสำนักบำเพ็ญเต๋า นั่นคือ หวงหลงเจินเหริน…

หนึ่ง…

ต่อมา เมื่อการต่อสู้ระหว่างเผ่ามังกรปะทุขึ้น สำนักบำเพ็ญเต๋าหยินก็มีเพียงปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่และปรมาจารย์เต๋าน้อยแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าหยินเท่านั้นที่มีพลังการต่อสู้ทรงประสิทธิภาพ ในยามนี้ ศาลสวรรค์ไม่มีปรมาจารย์คนใดที่จะสามารถส่งออกไปในต่างดินแดนได้

แม้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่จะแข็งแกร่งเพียงพอ แต่ก็จะไม่เคลื่อนไหวหากไม่จำเป็น…

หากต้องการจะอยู่ในสถานะได้เปรียบเหนือกว่าเมื่อเกิดความขัดแย้งขึ้นระหว่างเผ่ามังกร เขาจะต้องแข็งแกร่งและทรงพลังมากพอ

ใช้ตัวตนของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณติดต่อกับหวงหลงเจินเหรินดีหรือไม่?

แม้หลี่ฉางโซ่วจะรู้สึกว่าปรมาจารย์หวงหลงเจินเหรินผู้นี้ นอกจากทำอะไรไม่ได้เรื่องแล้ว ยังลากขาหลังในช่วงได้รับมหาทัณฑ์สวรรค์ปราบดาเทพและจะได้อยู่ในรายนามเทพอย่างแน่นอน ในท้ายที่สุด เขาก็เป็นหนึ่งในสิบสองเซียนจินแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าฉาน

เขามาจากเผ่ามังกร จึงสมเหตุผลที่เผ่าพันธุ์มังกรจะช่วยเขาในยามคับขัน…

มันไม่ปลอดภัยที่จะใช้ตัวตนของเทพแห่งท้องทะเลทักษิณเพื่อติดต่อกับเขา ทางที่ดีควรไปศาลสวรรค์และขอให้แม่ทัพตงมู่เชิญหวงหลงเจินเหริน

ในบันทึกเสนอแนะฉบับต่อไป ข้าจะทูลถามพระองค์ถึงเรื่องนี้…

หลี่ฉางโซ่วยืดเหยียดกล้ามเนื้อและนั่งลงอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่พบ จากนั้นก็หยิบแผ่นหินออกมาก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเริ่มเขียนพระสูตรมั่นคง

โดยธรรมชาติแล้วเขาไม่ได้ลงโทษตัวเอง แต่กำลังปรับปรุงพระสูตรมั่นคงและเพิ่มเนื้อหาเข้าไปเท่านั้น เขายังไม่เคยเกี่ยวข้องและกล่าวถึงในหลาย ๆ ด้านมาก่อนหน้านี้ และไม่ได้ระแวดระวังเพียงพอ

ครึ่งเดือนต่อมา ข้างๆ เสาสวรรค์ทางตะวันออกของทะเลบูรพา มีร่างหนึ่งแอบย่องผ่านแผ่นศิลาที่มีตัวอักษรโบราณในข้อความว่า ‘สุดปลายโลก’ เขียนอยู่บนนั้นและมุ่งหน้าตรงไปยังเมืองอย่างเงียบ ๆ

นางสวมหมวกไม้ไผ่และสะพายกระบี่สีโลหิตขนาดใหญ่ไว้บนหลัง ร่างของนางแผ่กลิ่นอายดุร้ายออกมารอบกาย แต่นางซ่อนฐานพลังปราณของนางเอาไว้

ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ผ่านไปมาจะหลบหลีกร่างนี้ไปโดยไม่รู้ตัว… คนผู้นั้นน่าจะเป็นสตรีที่สวมชุดเกราะซึ่งค่อนข้างหลวมในขณะที่นางมีร่างเล็กเพรียวบาง

นางคือ ท่านปรมาจารย์ใหญ่ของหลี่ฉางโซ่ว เจียงหลินเอ๋อร์ ผู้ที่เขากำลังรอคอยอยู่

นางลังเลเล็กน้อย เมื่อมองไปทางทิศตะวันตกแล้ว นางก็เข้าไปในเมืองใหญ่

นางพบโรงเตี๊ยมเซียนและขอห้องที่ไม่โดดเด่น หลังจากเปิดค่ายกลเวทของห้องแล้ว นางก็วางข่ายอาคมอีกสองสามข่ายอาคมด้วยตัวเองตัวก่อนจะผ่อนคลายลงเล็กน้อย เมื่อท่องไปทั่วหล้า จะหลีกเลี่ยงการถูกทำร้ายได้อย่างไร? แม้นางจะไม่มีศัตรูที่นี่ แต่ก็ต้องระวังตัว

“น้ำตาแห่งชีวิตในชาติก่อน…”

เจียงหลินเอ๋อร์นั่งลงบนเตียงขมวดคิ้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง

นางมักจะเด็ดขาดอยู่เสมอ แต่ยามนี้ นางกำลังลังเล

อันที่จริง นางก็ลังเลมาตลอด นางเอาแต่คิดว่านางควรจะ…อยู่เรื่อยๆ

เหตุใดข้าถึงไม่ลืมมันไปเสียที เจ้าน้ำเต้าที่โง่เง่าและน่าเบื่อนั่นมีดีอะไรกัน? หากข้าอยู่กับเขาจริงๆ ข้าจะต้องละทิ้งชีวิตแห่งความสุขที่ไร้กังวลเมื่ออยู่ภายนอกนั่นแน่ๆ ไม่ใช่หรือเล่า?

แต่ในขณะที่นางยังคงปฏิเสธอย่างต่อเนื่อง นางก็แอบบินมาที่นี่อย่างลึกลับ

“น่ารำคาญยิ่ง!”

เจียงหลินเอ๋อร์กลอกตาและนอนอยู่บนเตียงก่อนจะกลิ้งตัวไปมาด้วยความหงุดหงิด

“หึ! ข้าจะใช้มันแล้ว! ศิษย์หลานของข้าได้ของดีเช่นนี้มาและมอบให้ข้าด้วยความเคารพและกตัญญูเช่นนี้ แล้วเหตุใดข้าจะใช้ไม่ได้เล่า!?!” เจียงหลินเอ๋อร์กัดฟันและกำลังจะออกเดินทางต่อไป แต่แล้วนางก็หยุดเดินและมองดูตัวเองในกระจกเงาซึ่งเป็นเครื่องมือเวทที่วางอยู่ข้างๆ นาง

เจียงหลินเอ๋อร์ก้มศีรษะลงและสัมผัสหัวใจของนางเพื่อค้นหาจิตวิญญาณแล้วอดจะเม้มริมฝีปากไม่ได้ “เมื่อกลับไป ข้าต้องไปรับโชคจากเสี่ยวจิ่วสักหน่อย!”

เจียงหลินเอ๋อร์แค่นเสียงเย็นชา และปิดค่ายกลเวทในห้อง นางใช้ศิลาวิญญาณสามก้อนไปอย่างไร้ประโยชน์ แล้วสะพายกระบี่เดินออกมาจากโรงเตี๊ยมเซียน จากนั้นก็ขี่เมฆไปที่ทางออกของเมืองใหญ่

ทันใดนั้น เจียงหลินเอ๋อร์ก็เลิกคิ้วขึ้นและแผ่สัมผัสเซียนรับรู้ออกไปตรวจจับคนรู้จักผู้หนึ่ง

นางเหลือบมองผ่านอาคารสูงในเมืองแวบหนึ่ง แล้วรีบดึงสายตากลับทันทีเพื่อไม่ให้มีผู้ใดสังเกตนางได้…

นั่นคือมังกรน้อยจากเผ่ามังกรที่มอบอะไรบางอย่างให้กับข้าเป็นครั้งสุดท้ายไม่ใช่หรือ?

ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นองค์ชายมังกรใช่หรือไม่?

สหายผู้นี้อยู่กับกลุ่มปีศาจร้าย… ไม่สิ ไม่ถูกต้อง นี่คือรูปลักษณ์ที่สร้างขึ้นด้วยเวทอำพราง

เจียงหลินเอ๋อร์รู้สึกฉงนในใจ

ในขณะนั้น สัญชาตญาณของนางที่ซ่อนตัวมาหลายปีบอกกับนางว่า ต้องมีการสมคบคิดกันครั้งใหญ่ ทว่าด้วยประสบการณ์ผ่ามาหลากหลาย นางจึงบอกว่ากับตัวเองว่าเรื่องนี้มิใช่สิ่งที่ที่นางจะเข้าไปเกี่ยวข้องได้อย่างแน่นอน

เจียงหลินเอ๋อร์ไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้มากนัก เมื่อออกจากเมืองใหญ่ที่ใกล้สุดปลายโลกแล้ว นางก็ไปตามเส้นทางของทะเลบูรพาและซ่อนที่อยู่ของนาง แล้วรีบไปที่สำนักตู้เซียน

หลังจากบินไปได้ครึ่งชั่วยาม ยิ่งคิด นางก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ชอบมาพากล

องค์ชายรองมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับศิษย์น้อยผู้ลึกลับของนาง ไม่เช่นนั้น เขาคงไม่มอบของขวัญชิ้นเยี่ยมเช่นนั้นให้กับนาง… และอย่างไรเสีย ก็ต้องยึดถือคุณธรรมเป็นสิ่งสำคัญบ้าง

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง นางก็หยิบยันต์หยกส่งสารออกมา แล้วใช้หนึ่งครั้งจากจำนวนครั้งที่นางสามารถใช้ยันต์หยกส่งสารอันล้ำค่าได้โดยส่งทุกอย่างที่นางเห็นกลับไปที่สำนักตู้เซียน

เจียงหลินเอ๋อร์ได้รับคำตอบจากหลี่ฉางโซ่วอย่างรวดเร็วแล้วหยักริมฝีปากเล็กน้อย

“เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ช่างกล้าหาญและทรงคุณธรรมจริงๆ เมื่อเขากำลังใช้ข้าซึ่งเป็นปรมาจารย์ใหญ่ของเขา!”

เอาเถิด เพื่อเห็นแก่ศิษย์คนรอง…

เจียงหลินเอ๋อร์ส่ายศีรษะและร่อนลงสู่ทะเลเบื้องล่างเพื่อรอให้ “ปรมาจารย์” ที่หลี่ฉางโซ่วกล่าวถึงตามมาทัน

…………………………………………………………….