บทที่ 489 หน้าผาคุณธรรม
บทที่ 489 หน้าผาคุณธรรม
เดิมทีฉู่เหินตั้งใจจะเข้าฌานมันตรงนี้เลย แต่แล้วเขาก็ต้องละทิ้งความคิดนี้ทิ้งไป! เพราะต่อให้ทำไปมันก็ไม่ได้ทำให้พลังวรยุทธ์ของเขาพัฒนามากนัก อีกทั้งถ้าต้องเสียเวลากับเรื่องแบบนี้ ไม่สู้รีบไปทำภารกิจให้จบ ๆ ไป แบบนั้นจะไม่ดีกว่าเหรอ ?
ว่าแล้วฉู่เหินก็เดินทางจากไป ฝูงงูอนาคอนด้าที่หลบอยู่มุมหนึ่งเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจน พวกมันจ้องมองชายหนุ่มด้วยดวงตาเบิกกว้าง พวกงูแปลกใจมากที่พิษของพวกมันทำอะไรอีกฝ่ายไม่ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ยังดีที่ในที่สุดอีกฝ่ายก็ได้จากไปแล้ว มันถึงค่อยถอนหายใจออกมาแล้วกลับมาประจำตำแหน่งตัวเองอีกครั้ง!
ฉู่เหินมุ่งมาทางทิศตะวันออก ระหว่างนั้นเขาพบเจอกับอันตรายไม่น้อยเลย หากแต่ชายหนุ่มก็ผ่านมาด้วยพลังโจมตีที่แข็งแกร่ง และข้ามผ่านอันตรายต่าง ๆ มาได้ จนตอนนี้ด้านหน้าของเขาก็ได้ปรากฏสัตว์ร้ายอีกครั้ง ซึ่งฉู่เหินก็รู้สึกแปลกใจมากทีเดียว เพราะเขาคิดว่าสถานที่แบบนี้ไม่มีทางที่จะมีพวกสัตว์ร้ายอยู่แน่! หลังจากเสียเวลาอยู่ซักครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็สลัดเจ้าสัตว์ร้ายพวกนั้นไปได้
เมื่อหลุดมาแล้ว ชายหนุ่มก็ได้ลองสำรวจรอบ ๆ อีกครั้ง เดิมทีที่แห่งนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะมีสัตว์เฝ้าอยู่ เพราะตรงหน้าของเขาเป็นหน้าผาสูงชัน ตรงจุดที่เขายืนอยู่เป็นบริเวณยอดภูเขา อีกฝั่งก็เป็นยอดภูเขาโดยมีหน้าผาที่มองไม่เห็นเบื้องหลังกั้นอยู่ตรงกลาง! ส่วนด้านหน้าของหน้าผาก็มีหินขนาดใหญ่วางอยู่ไม่กี่ก้อน!
อาศัยหินพวกนี้ ชายหนุ่มก็สามารถใช้พวกมันเหยียบเพื่อข้ามไปอีกฝั่งได้อย่างง่ายดาย แต่ที่สำคัญก็คือก้อนหินที่อยู่ใต้เท้าเขาไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา เดิมทีก้อนหินนี้ไม่ถือว่าใหญ่ แถมมันยังโปร่งใสราวกับกระจก! ถ้ามองไกล ๆ จะแยกไม่ออกเลยว่าอันไหนเป็นก้อนหินอันไหนเป็นอากาศ
แต่ถึงแม้คุณจะเดินเข้าไปใกล้แล้วก็ตาม แต่การจะมองหาที่ตั้งของก้อนหินชนิดนี้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ที่สำคัญคือตอนที่เหยียบลงไปบนหิน จะรู้สึกเหมือนไม่มีอะไรอยู่ที่เท้า จะก้าวไปทดลองดูก่อนก็อย่าได้หวัง
นอกจากนี้แล้วบริเวณหน้าผาด้านหน้าก็ยังมีก้อนหินใหญ่ ๆ ก้อนหนึ่งวางเอาไว้ บนก้อนหินเขียนมีตัวอักษรสามตัว เขียนไว้ว่า “หน้าผาคุณธรรม!” ถ้าเป็นคนจิตใจสะอาดผ่านหน้าผานี้ไปจะไม่เกิดอันตรายอะไร แต่ถ้าคนจิตใจชั่วร้ายกล้าที่จะข้ามไป คนผู้นั้นต้องตกลงไปข้างล่างอย่างไม่ต้องสงสัย!
ฉู่เหินมองหน้าผาคุณธรรมตรงหน้า ในใจของเขาก็ได้วางแผนเอาไว้เงียบ ๆ หน้าผาคุณธรรมนี้คาดไม่ถึงว่าจะเป็นค่ายกลธรรมชาติ ห้ามไม่ให้คนลอยผ่านไป เมื่อเป็นแบบนี้ไม่ว่าจะขั้นพลังอะไร ถ้าคิดจะข้ามไปก็มีแต่ต้องใช้เท้าเหยียบข้ามไปเท่านั้น! แต่เมื่อมองก้อนหินใส ๆ พวกนี้ ฉู่เหินก็พลันรู้สึกคิดหนัก!
ชายหนุ่มหยิบเชื้อเพลิงบางส่วนมาจากแหวนมิติ ฉู่เหินคิดว่าในเมื่อมองไม่ชัด งั้นเขาก็จะสาดของเหลวพวกนี้แล้วเหยียบมันซะเลย ว่าแล้วชายหนุ่มก็หัวเราะหึหึ ก่อนจะสาดน้ำมันดำ ๆ ลงไป
หากแต่สิ่งที่เกิดขึ้นกลับทำให้ฉู่เหินว้าวุ่นใจไม่น้อย เมื่อน้ำมันดำ ๆ นั่นถูกสาดออกไป มันกลับถูกพลังอะไรบางอย่างตีกลับมา ทำให้ย้อนกลับมาเขา
โชคที่ฉู่เหินเร็วพอ เขารีบหยิบร่มออกมาจากแหวนมิติ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับน้ำมันดำที่สาดกลับมาปะทะกับร่มจนเกิดเสียงดังพอดี ! ตอนนี้ไม่ใช่ว่าไม่อยากหลบ แต่พลังแปลก ๆ นั้นกลับขวางไม่ให้สองขาเขาขยับไปไหนได้เลย !
โชคดีที่ในแหวนเขามีร่มคันใหญ่อยู่ ไม่งั้นคงได้แย่แน่ ! แต่เมื่อมองร่มสวย ๆ ตรงหน้าเปลี่ยนเป็นสีดำ สีหน้าฉู่เหินก็พลันบิดเบี้ยว !
เดิมเขานึกว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ แต่ตอนนี้ไม่คิดแล้ว ! ที่นี่จะต้องมีใครเฝ้าอยู่แน่ ๆ อีกทั้งคนที่เฝ้าก็มีพลังวรยุทธ์สูงมาก ๆ อีกด้วย เมื่อเป็นแบบนี้เขาจะโกงก็ทำไม่ได้หรอก!
ฉู่เหินเดาไม่ผิด ตอนนี้เหนือท้องฟ้ามีเงาสองร่างปรากฏตัวอยู่บนนั้น เงาร่างของทั้งสองร่างหนึ่งคนเป็นคนที่ฉู่เหินรู้จัก เพราะคนนั้นไม่ใช่ใครอื่นก็คือหัวหน้าหมู่บ้านนั่นเอง! ส่วนอีกคนดูแล้วคล้ายจะเป็นวัยรุ่น แต่เพราะพลังวรยุทธ์สูงจึงอาจมีวิชาคงรูปร่างเอาไว้ ดังนั้นถึงได้ดูเด็กกว่า!
คน ๆ นี้ไม่ใช่ใครอื่น เขาก็คือผู้ใช้พลังขั้นเทพดาราเพียงหนึ่งเดียวในรัศมีพันเมตร! พรรควายุอัสนีก็เป็นของเขา และในรัศมีพันเมตรนี้ก็ถือว่าเป็นเขตของพรรควายุอัสนีทั้งสิ้น พวกขั้นเทพดารานั้นจะมีเขตปกครองเป็นของตัวเอง ถ้าพวกเขาเจอเด็กที่มีแววอัจฉริยภาพ พวกเขาก็จะรับเด็กพวกนั้นมาสั่งสอน
แท้จริงแล้วหน้าผาคุณธรรมนั้นเป็นบททดสอบด้านแรก หลังจากแน่ใจแล้วว่าจะไม่โดนน้ำมันดำ ๆ พวกนั้นสาดกลับมาอีก เขาก็เก็บร่มกลับเข้าไป และเมื่อมองไปรอบ ๆ ชายหนุ่มก็พบว่าด้านหน้าตัวในตอนนี้มันได้กลายสวนดอกไม้ไปแล้ว !
เขาได้แต่เดินไปข้างหน้าอย่างไม่รู้จะทำไง ! ส่วนทางด้านเจ้าหมาป่าเอง มันก็เอาแต่มองหน้าผาคุณธรรมเขม็ง ก่อนที่ดวงตาจะเปล่งแสงอย่างไม่ทราบสาเหตุ! จากนั้นก็เดินตามฉู่เหินไปเช่นกัน
ขาข้างหนึ่งเพิ่งจะเหยียบก้อนหิน ในหัวของฉู่เหินก็ส่งสัญญาณเตือนดังไม่หยุด หลังจากนั้นเขารู้สึกว่าโลกกลับด้าน เขาพบว่าตัวเองเหมือนจะมาที่อีกโลกหนึ่ง โลกนี้เป็นโลกที่รู้สึกคุ้นเคยมาก เพราะที่นี่ก็คือโลกที่เขาจากมา รอบตัวชายหนุ่มในตอนนี้นั้นมีบรรดาญาติ ๆ ของเขากำลังจ้องมองมา
ขณะที่ฉู่เหินกำลังจะได้พูดอะไร จู่ ๆ เขาก็ได้สติกลับมาและมีความรู้สึกอย่างหนึ่ง เขารู้สึกราวกับว่าตัวเองเข้ามาอยู่ในโลกมายา! เมื่อใช้วิชาเนตรมายาตรวจดูสักพักเขาก็ต้องตกใจแทบสิ้นสติ เพราะว่าที่นี่เป็นภาพมายาจริง ๆ
ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกว่าไม่ไกลนักมีเงาร่างของคนอยู่สองคน ทั้งคู่นั้นคล้ายจะจ้องมองการเคลื่อนไหวของตัวเองอยู่ เมื่อครุ่นคิดดูสักพักฉู่เหินก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ที่นี่จะต้องเป็นค่ายกลมายาที่ตัวเองไม่รู้อย่างแน่นอน โดยเจ้าค่ายกลนี้นั้นมันจะทำการจู่โจมความรู้สึกที่อยู่ลึก ๆ ในใจของคนผู้นั้น !
จุดประสงค์ของเจ้าของค่ายกล ก็เพื่อให้รู้ว่าคนที่มาเป็นมิตรหรือศัตรู! ถ้าคน ๆ นี้มาด้วยเจตนามุ่งร้ายมันก็สมควรตาย! ถ้าคน ๆ นั้นไม่ได้มีเจตนาอื่นก็จะสามารถปล่อยให้เข้ามาได้! อีกทั้งยังสามารถตัดสินได้ว่าคน ๆ นี้มีคุณธรรมหรือไม่
เมื่อเข้าใจแล้ว ฉู่เหินก็ทำตามสิ่งที่ใจต้องการทันที เขาตัดสินใจหลบหนีบรรดาญาติ ๆ และเลือกที่จะเดินทางออกไปยังโลกภายนอก เพื่อแสวงหาเส้นทางให้ตัวเอง ชายหนุ่มกลายเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดคนหนึ่ง เมื่อเป็นแบบนี้ทำให้ไม่มีพรรคหรือนิกายใหญ่ ๆ ไหนสนใจเขาอีก !
หากแต่นั่นกลับทำให้เขาได้รับประสบการณ์ต่าง ๆ มากมาย ทั้งตกต่ำและสูงสุด กระทั่งถึงเวลาสุดท้ายของชีวิตเขาไม่เสียดายที่ตัวเองจะตาย เพราะตลอดที่ผ่านมานั้นเขาได้ทำการช่วยเหลือพรรคต่าง ๆ เอาไว้มากมาย ! เรียกได้ว่าทุกอย่างที่เขาทำลงไป มันก็ล้วนแล้วแต่ใจกว้างและมีเมตตาสูงส่งยิ่งนัก !
คนหนึ่งถูกดึงเข้าไปในโลกมายา ส่วนหมาป่ากลับดูปกติดีไม่มีอะไรแปลก สองคนที่แอบดูอยู่นั้นมองสำรวจมันด้วยความสนใจ ก่อนที่พวกเขาจะพบว่าหมาป่าตัวนี้นอกจากจะเร็วแล้ว อย่างอื่นคล้ายจะไม่มีอะไรดีอีก ! แต่ถึงตอนนี้ยังพลังน้อยอยู่ ทว่าก็ยังสามารถพัฒนาได้อีก !
การทดสอบผ่านไปสองชั่วโมงเต็มกว่าจะสิ้นสุดลง ! หลังจากทุกอย่างสิ้นสุด ชายหนุ่มก็พบว่าตัวเองและหมาป่ามายืนอยู่อีกฝั่งหนึ่งแล้ว เขาแสดงออกมาอย่างงุนงง ทว่าในใจเขากลับเผยรอยยิ้มเย็น ความลับในใจเขานั้นจะไม่ยอมให้ใครเห็นเด็ดขาด !
หลังจากยืนมึนได้สักพัก เขาก็ขึ้นขี่หมาป่าราวกับคิดบางอย่างออก ว่าแล้วทั้งสองก็พากันพุ่งไปด้านหน้า! จนกระทั่งเงาร่างของฉู่เหินหายไปลับไป ก่อนที่ทั้งสองคนก่อนน่านี้จะปราฏตัวขึ้น ! พวกเขามองแผ่นหลังของชายหนุ่มด้วยแววตายินดี!
จากที่สังเกตมานั้น ทำให้พวกเขาทั้งสองเชื่อว่าฉู่เหินต้องเป็นอัจฉริยะอย่างแน่นอน ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เขามีคุณสมบัติพอที่จะเข้าพรรควายุอัสนีได้เลย กระทั่งพวกเขายังคิดว่าในอนาคตฉู่เหินจะสามารถเป็นใหญ่ได้แน่!