บทที่ 392 เปิดสาขา

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 392 : เปิดสาขา

บทที่ 392 : เปิดสาขา

เสียงของจี้จือซู่ขาดห้วงเล็กน้อยจากสัญญาณของอุปกรณ์สื่อสาร แต่น้ำเสียงของเธอก็ยังนอบน้อมไม่เปลี่ยนแปลง

ทันทีที่หลินเจี๋ยโทรมา เธอก็รับสายทันที เห็นได้ชัดเจนว่าเธอไม่กล้าปล่อยให้เขารอ

คำสั่ง…

ไม่ว่าก่อนหน้านี้หรือตอนนี้ หลินเจี๋ยก็รู้สึกว่าจี้จือซู่เคารพเขามากไปสักหน่อย แต่ก็อธิบายได้ว่าพฤติกรรมของเขาเหมือนกับการช่วยให้คุณหนูจี้รู้สึกพึ่งพาได้

แต่ตอนนี้เมื่อทุกคนลงนามในสัญญากันหมดแล้ว มันก็ไม่ใช่การช่วยเหลือฝ่ายเดียวอีกต่อไป แถมจี้ป๋อหนงยังไม่ลังเลที่จะยอมลงนามให้เขาระหว่างการประชุมความร่วมมือด้วย…

ที่จริงแล้ว…หลินเจี๋ยมีความเคลือบแคลงบางอย่างในใจ แต่ผลประโยชน์ที่ได้เป็นของจริง

เมื่อคิดว่าจี้จือซู่ไม่ได้มีความแปรผันทางอารมณ์มากนักจากการล่มสลายของตระกูลเฟร็ดระหว่างงานเลี้ยง หลินเจี๋ยก็คาดเดาไว้บ้าง แต่ในเมื่อจี้จือซู่ไม่พูดถึงมัน ก็ปล่อยให้เป็นความเข้าใจที่ไม่ต้องออกเสียงแล้วกัน

“ไม่มีคำสั่งครับ”

เจ้าของร้านหลินพูดยิ้ม ๆ “ผมเห็นข่าวเกี่ยวกับสมาคมแห่งสัจธรรมทางโทรทัศน์เมื่อครู่นี้…เกิดแผ่นดินทรุดตัวเป็นระยะ ผมเลยสงสัยว่าทางคุณมีข่าวคราวอะไรบ้างไหม?”

ความเป็นมืออาชีพนี้ทำให้เขาอยากหัวเราะทุกครั้งที่อ่านมัน

ไม่ใช่ว่านี่คือสิ่งที่ผู้เชี่ยวชาญใช้หลอกคนทั่วไปเหรอ?

หรือสมาคมแห่งสัจธรรมกำลังวิจัยอาวุธลับร้ายแรงอะไรอยู่…

จี้จือซู่ได้ยินคำพูดที่เหมือนยิ้ม ๆ ของหลินเจี๋ย เจ้าของร้านหลินคงคิดว่าคำพูดของสมาคมแห่งสัจธรรมอุกอาจมากเกินไป

จะว่าไปแล้ว ในเมื่อเขากำลังถามสถานการณ์เกี่ยวกับสมาคมแห่งสัจธรรม และสมาคมแห่งสัจธรรมก็เป็น…หรือเคยเป็น…ลิ่วล้อที่ใหญ่ที่สุดของสำนักงานกลาง งั้นที่จริงแล้ว เขาน่าจะกังวลอยู่ว่าจะเกิดอันตรายอะไรกับเราหรือเปล่าหลังจากบริษัทโรลล์ประกาศหักหลังสำนักงานกลางอย่างเป็นทางการ

จี้จือซู่กระซิบ “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยค่ะ ตอนนี้พวกเรายังปลอดภัยอยู่ ไม่มีอันตรายอะไรมากนัก ปัญหาเดียวคือตอนนี้เรากำลังขาดบุคลากร แต่ฉันติดต่อสมาคมแห่งสัจธรรมแล้วค่ะ และเชื่อว่าเรื่องนี้จะแก้ไขได้ในไม่ช้า”

อืม…

แผนต่อไปของเธอเกี่ยวกับ ‘หนึ่งคนเท่ากับหนึ่งกลุ่ม’ ซึ่งต้องการ ‘คน’ จำนวนมาก และแผนงานมนุษย์ประดิษฐ์ของสมาคมแห่งสัจธรรมก็คือกุญแจ

“ดีแล้วล่ะครับ”

หลินเจี๋ยลูบคาง เหตุขาดคน แล้วไปติดต่อสมาคมแห่งสัจธรรม นี่เป็นเรื่องทางธรณีวิทยาจริง ๆ เหรอ เธอเลยต้องการนักวิชาการมืออาชีพมาหารือหาทางแก้ด้วยกัน?

“ความเป็นมืออาชีพของสมาคมแห่งสัจธรรมมีมากพอ เทคโนโลยีของพวกเขา…เรายังเชื่อได้”

เพราะถึงอย่างไร พวกเขามีกระทั่งเทคโนโลยีสร้างแขนขาเทียมและงอกแขนขาใหม่ได้ ถึงเทคโนโลยีของสมาคมแห่งสัจธรรมจะดูผิดแปลกไปสักหน่อย แต่พวกเขาต้องเป็นบุคคลชั้นแนวหน้าของนอร์ซิน หากพวกเขาทำอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้ก็คงเป็นปัญหาแล้ว

“แค่ได้รับความเชื่อใจจากคุณก็พอแล้วล่ะค่ะ”

จี้จือซู่หรี่ตาลงยิ้ม “จะว่าไป เจ้าของร้านหลินคะ คฤหาสน์ที่เตรียมไว้ให้ สามารถโอนได้ทุกเมื่อแล้วนะคะ”

หลินเจี๋ยแปลกใจเล็กน้อย “ผมนึกไม่ถึงเลยว่าคุณจะยังเก็บมันไว้”

“แน่นอนสิคะ ฉันไม่กล้าผิดคำสั่งเจ้าของร้านหลินแม้แต่นิดเดียวค่ะ”

จี้จือซู่พูดด้วยน้ำเสียงจริงใจ

“เอ่อ…ดีแล้วล่ะครับ ผมมีความคิดอยู่ก่อนหน้านี้ว่าจะเปิดร้านสาขาในเขตกลางแล้วให้มูเอนเป็นผู้จัดการร้าน” หลังจากคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลินเจี๋ยก็พูดขึ้น นั่งกลับลงไปบนโซฟา “สามวันก่อนที่ผมไม่ได้อยู่ที่นี่ มูเอนบริหารจัดการร้านหนังสือได้เป็นอย่างดี ผมคิดว่าเธอสามารถพอจะเปิดร้านของตัวเองได้แล้ว”

ใช่แล้ว…เหตุผลที่เขาออกจากร้านหนังสือไปสามวันนั้นก็เพื่อทดสอบความสามารถของมูเอนนั่นเอง

แน่นอน ส่วนใหญ่แล้วก็เพื่อกินดื่มฟรีนั่นแหละ…

หัวใจของจี้จือซู่เต้นกระตุก เจ้าของร้านหลินกำลังหมายความว่า เขาอยากจะเข้ามาในเขตกลางเหรอ?!

เพราะ ‘การทรยศ’ ของพวกเขาในตอนนี้ เขตกลางจะตกสู่ความยุ่งเหยิงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วตอนนี้ ผู้ช่วยซึ่งเกี่ยวพันกับสมาคมแห่งสัจธรรมและศาสนาแห่งตะวันจะเปิดร้านสาขา ความหมายของมันก็ชัดเจนในตัว…

จี้จือซู่สูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดอย่างจริงจัง “ได้ค่ะ ฉันจะโอนบ้านตระกูลเฟร็ดให้คุณเดี๋ยวนี้เลย ขอเพียงคุณต้องการ ก็สามารถส่งคนมารับมันได้ทุกเมื่อเลยค่ะ”

“ได้ครับ ขอบคุณนะครับคุณหนูจี้”

“ขอแค่ช่วยคุณได้แม้สักนิด ก็เป็นเกียรติของฉันแล้วค่ะ”

หลินเจี๋ยวางสายสื่อสาร รู้สึกดีใจพอตัว…จะไม่ดีใจได้อย่างไร?

นี่มันคฤหาสน์ในทำเลทองของเขตกลางที่ได้มาฟรี ๆ เลยด้วยนะ!

นี่คือคฤหาสน์หรูในเมืองหลวง ต่อให้ขายก็ย่อมได้กำไรงาม

หลังจากหลินเจี๋ยลุกขึ้นประสานมือ เขาก็เดินทอดน่องไปหามูเอนซึ่งกำลังชงชานมอยู่ร้านข้าง ๆ

สีหน้าของเด็กสาวไร้อารมณ์ ดวงตาสีดำสนิทดูราวห้วงน้ำลึกล้ำ ผิวของเธอขาว และภายใต้แสงโทนอุ่นในคาเฟ่หนังสือ เส้นขนอ่อน ๆ บนแขนของเธอก็สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เธอปิดฝาแก้ว เขย่ามันอย่างแรง วงแขนเหวี่ยงเป็นวงสวย

เธอเก่งและจริงจังกับงาน

“แค่ก ๆ”

หลินเจี๋ยกระแอม เรียกความสนใจของมูเอน และเธอก็เงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว

“เจ้าของร้าน…มีคำสั่งอะไรไหมคะ?”

เด็กสาวผู้เย็นชามีสีหน้าสดใสขึ้นมาทันที เธอรีบวางงานในมือแล้วยืนรอคำสั่งอย่างเชื่อฟังเหมือนเด็กประถมที่ถูกสั่งให้หยุดออกกำลังกาย

พอติดต่อใคร ก็เอาแต่ถามว่าเรามีคำสั่งไหมทั้งนั้นเลยแฮะ…หลินเจี๋ยอดไม่ได้ที่จะเริ่มสงสัยว่าภาพลักษณ์ของเขาในใจคนพวกนี้ดูจะสูงไปหน่อยไหม

หลินเจี๋ยมองพินิจพิเคราะห์มูเอนไปมา

“คุณอยู่ในร้านหนังสือนี้มาหลายเดือนแล้ว จากการตรวจสอบของผม ผมคิดว่าคุณน่าจะมีความสามารถเปิดร้านเป็นของตัวเองได้แล้วล่ะ” หลินเจี๋ยยิ้ม พูดอย่างจริงจัง “ผมเลยตัดสินใจเปิดร้านสาขาในเขตกลาง และคุณจะเป็นผู้จัดการร้านที่นั่นนะ”

ม่านตาสีดำของมูเอนหดตัวเล็กน้อย ก่อนจะกลับสู่ปกติ เธอขมวดคิ้วน้อย ๆ “เจ้าของร้านหลินอยากเปิดสาขาใหม่เหรอคะ?”

“ใช่ครับ” หลินเจี๋ยพยักหน้า “ผมเพิ่งคุยกับคุณหนูจี้จากบริษัทโรลล์มา และได้คฤหาสน์ในเขตกลางมาหลังหนึ่ง พอดีกับตอนที่คิดจะเปิดสาขาพอดีเลย”

“เขตกลาง…”

สีหน้าของมูเอนวูบไหว จมในภวังค์ความคิด

“ใช่ครับ ในเขตกลาง คนรวย…อะ ไม่ใช่สิ คงมีคนที่ชอบอ่านหนังสือเหมือนเราเยอะกว่านี้แน่ ๆ เลยเนอะ?”

หลินเจี๋ยพูดอย่างจริงจัง

มูเอนกะพริบตา…

คนที่ชอบอ่านหนังสือ…มากกว่านี้? ที่เจ้าของหนังสือว่าคนชอบอ่านหนังสือนี่หมายถึงสาวกหรือเปล่า?!

หรือก็คือจะบอกให้เธอไปรับสาวกเพิ่มที่เขตกลาง หมายความชัดเจนว่าต้องการเผชิญหน้ากับสำนักงานกลางเพื่อปกครองนอร์ซิน เป็นการแข่งขันชิงอำนาจ?!

ในเวลาแค่ไม่กี่วินาที พายุความคิดก็พัดกระหน่ำในใจมูเอน

“ฉันเข้าใจที่คุณสื่อแล้วค่ะ”

มูเอนพยักหน้า แววตาหนักแน่นฉายประกาย หมัดน้อย ๆ ทั้งสองกำแน่น ดูราวกับคิดทำการใหญ่บางอย่าง

หลินเจี๋ยนิ่งงัน

เขาเริ่มสงสัยแล้วว่ามันจะผิดมนุษยธรรมไปสักหน่อยหรือเปล่าหากจะปล่อยเด็กสาวน่ารักไร้เดียงสาแบบนี้เข้าเมืองหลวงไปทำธุรกิจตั้งแต่ยังเล็ก

“แน่นอนครับ ถ้าคุณมองว่าลำบากที่จะไป จะแค่ฝึกสักพักก็ได้นะ”

หลินเจี๋ยลังเล

มูเอนส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่ค่ะ เจ้าของร้านสอนฉันมาเยอะแล้ว ถึงเวลาที่ฉันต้องเริ่มเผยแพร่เจตนารมณ์ของคุณได้แล้วค่ะ”

สีหน้าของหลินเจี๋ยซับซ้อนเล็กน้อย มูเอนเป็นเด็กสาวผู้งดงามเย็นชา คงเป็นไปไม่ได้ถ้าจะบรรยายเธอว่าสวยใสไร้สมอง แต่ในตอนนี้ เธอดูเลือดร้อนเป็นพิเศษ

เขาเลี้ยงเธอออกนอกลู่นอกทางหรือเปล่า?

“…ถ้าคุณเข้าใจ แน่นอนครับว่าดีแล้ว ตั้งใจทำงาน รักษาสถานการณ์ในตอนนี้ของคุณไว้ คุณก็จะดูแลร้านได้ดีมากครับ”

หลินเจี๋ยยื่นมือออกไปลูบหัวมูเอน

ช่างเถอะ เด็กคนนี้อารมณ์ดีก็ดีแล้ว

“อ่าฮะ”

มูเอนพยักหน้าหงึกหงักราวกับไก่จิกข้าว

หลังจากนั้น หลินเจี๋ยก็กลับไปยังร้านหนังสือซอมซ่อแล้วดำเนินกิจวัตรประจำวันของเขา หรือก็คืออ่านหนังสือต่อ

มูเอนใช้ศอกเท้ากับโต๊ะ วางแก้มลงบนสองมือ มองหลินเจี๋ยที่ร้านข้าง ๆ อ่านหนังสือจากประตูกระจกที่ทำขึ้นใหม่อยู่เงียบ ๆ ครู่หนึ่ง ก่อนจะหลับตาลงเข้าสู่แดนนิมิตของวัลเพอร์กิส