บทที่ 391 การทรุดตัวเป็นระยะ

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 391 : การทรุดตัวเป็นระยะ

บทที่ 391 : การทรุดตัวเป็นระยะ

แววตาของมาเรียยังคงสุขุมและถือตัว ดูไม่รู้สึกเลยว่าเธอกำลังเสียเปรียบ

ความแข็งแกร่งในขณะนี้ของแอนดรูว์ยังห่างไกลจากระดับเหนือนภา ภายใต้การกดดันของมาเรีย ทั่วร่างของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกวิกฤต แต่เขากลับมองคู่เนตรสีน้ำเงินของมาเรียโดยไร้วี่แววความกลัว กระทั่งหัวเราะออกมากะทันหัน

“ฮ่า ๆๆๆ…”

แอนดรูว์เอนตัวไปข้างหลังเล็กน้อย

สีหน้าของมาเรียเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที เธอเงียบสนิท ดูจะไม่สามารถเข้าใจรอยยิ้มของแอนดรูว์ได้เลย

“โอ้? ทำไมถึงกระวนกระวายนักล่ะครับ ท่านประธานมาเรีย”

แอนดรูว์ยกมือขึ้น ผายออกด้วยรอยยิ้ม “ถ้าสมุดบันทึกในมือคุณเป็นสิ่งที่เจ้าของร้านหลินต้องการ และเจ้าของร้านหลินสนับสนุนคุณเป็นรางวัลสำหรับสมุดนั่น งั้นผมก็ไม่มีอะไรต้องพูดอยู่แล้ว”

“เพราะถึงอย่างไร ความสามารถ พลัง และของขวัญที่คุณเสนอให้เจ้าของร้านหลินก็เหนือความสามารถของผมจริง ๆ” แอนดรูว์โค้งคำนับอย่างผู้ดีแก่มาเรีย “ขอแค่เจ้าของร้านหลินพอใจและคิดว่าคุณใช่ สำหรับผมแล้ว คุณก็คือประธานอันควรค่าแก่ตำแหน่งของสมาคมแห่งสัจธรรม และผมก็จะเป็นเบี้ยของคุณ”

มาเรียเย้ยหยัน “งั้นคุณก็คิดว่าขอแค่เจ้าของร้านหนังสือให้การยอมรับ ตำแหน่งประธานสมาคมแห่งสัจธรรมก็สมเหตุสมผลเหรอ? ทำไมล่ะ! คุณถูกเจ้าหมอนั่นล้างสมองไปจนหมดแล้วสินะ…”

รอยยิ้มของแอนดรูว์กว้างขึ้นและดูพิลึก “ทำไมเหรอ? ความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าไร้ผู้ใดเปรียบไงครับ”

“บ้า” มาเรียสบถเสียงต่ำ ประเมินออกมาเช่นนี้

แอนดรูว์ดูเหมือนจะพอใจในคำประเมินของมาเรียมาก เขาไม่โต้แย้ง กระทั่งพยักหน้าพูดต่อ “แต่ช่างน่าเสียดาย…”

“อะไรน่าเสียดาย?”

มาเรียฉวยโอกาสถาม เธอรู้ว่าแอนดรูว์ไม่มีทางถูกโน้มน้าวด้วยถ้อยคำทั่วไป และหากเธอต้องการล้วงข้อมูลเพิ่ม เธอก็ต้องดูว่าอีกฝ่ายเต็มใจจะพูดมาแค่ไหนเท่านั้น

“น่าเสียดายที่คุณไม่เชื่อในคุณหลินเลยสักนิด…”

แอนดรูว์กระซิบ “คุณไม่อยากแม้กระทั่งจะเอ่ยขออะไรด้วยสมุดบันทึก หรือหวังผลประโยชน์ใด ๆ จากคุณหลินเลย แต่มีจุดประสงค์อื่นต่างหาก”

“แต่เจ้าของร้านหลินนั้นเป็นตัวตนผู้ยิ่งใหญ่และใจกว้าง ขอเพียงคุณภาวนาต่อเขา คุณจะได้รับคำตอบและพลัง ต่อให้คุณจะเป็นคนที่ไม่เชื่อในเขาก็ตาม” แอนดรูว์พูด “เพราะฉะนั้น มันจึงไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย”

“คุณคงไม่คิดใช่ไหมว่าความไม่ยุติธรรมนี้จะแก้ไขไม่ได้…ให้ผมเป็นผู้มอบบรรณาการนี้ให้เจ้าของร้านหลินเถอะ”

แอนดรูว์วางมือที่อกของเขา กล่าวว่า “โปรดมอบสมุดบันทึกเล่มนี้ให้ผมเถอะ”

มาเรียเองก็คิดไว้แล้ว เธอมองแอนดรูว์ด้วยสีหน้าว่างเปล่า สายตาของระดับเหนือนภาทำให้หลังของแอนดรูว์เย็นวาบ แต่ท่าทางและสีหน้าของเขาไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย

เนิ่นนานจากนั้น เธอก็พูดว่า “ฝันไปเถอะ”

แอนดรูว์หรี่ตา “ในเมื่อคุณรู้ว่าเจ้าของร้านหลินกำลังศึกษาบันทึกนี้ คุณไม่กลัวเหรอครับว่าผมจะชิงมันไปแล้วฆ่าคุณซะ?”

แน่นอน ไม่ใช่เขาหรอก เรซิเอลต่างหาก!

“เฮอะ” เส้นผมยาวนุ่มลื่นสีดำของมาเรียสยายเบื้องหลังเธอในขณะที่มองแอนดรูว์อย่างเย็นชา เธอยิ้มเยาะ “ลองดูได้เลย เรซิเอลเคยลองแล้วใช่ไหมล่ะ? ถ้าเขาทำสำเร็จ ฉันคงไม่ได้กลับมาจากเมืองเขตล่างหรอก”

แอนดรูว์เงียบไปครู่หนึ่ง ถึงแม้ว่าเขาจะภาวนาขอพลังแข็งแกร่งจากเจ้าของร้านหนังสือ แต่ก็ยังยากที่จะรับมือผู้หญิงคนนี้ได้

แต่ตอนนี้ แอนดรูว์แน่ใจแล้วว่าถึงมาเรียจะบรรลุระดับเหนือนภา เธอก็ยังไม่มีเขตแดนที่แทบจะขัดต่อกฎสวรรค์เหมือนไวลด์กับโจเซฟ

ไม่อย่างนั้น ในกรณีที่อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ถูกยั่วยุต่อหน้าคนระดับนี้ เธอไม่มีทางใช้แค่คำพูดตอบโต้แน่นอน

“ประธานมาเรียที่เคารพยิ่งครับ ผมไม่เข้าใจว่าคุณพูดอะไรอยู่เอาเสียเลย การถล่มลงของสังสาระจักรกลเป็นแค่อุบัติเหตุเท่านั้นแหละครับ”

แอนดรูว์แย้มยิ้ม ถึงจะไม่รู้ว่าสิ่งใดทำให้มาเรียรู้สึกปลอดภัย แต่เรื่องเครื่องจักรต่าง ๆ ในสังสาระจักรกลต้องไม่ถูกเปิดเผย

“ในเมื่อคุณพูดว่าเราจะเลือกตั้งประธานกันในอีกสามเดือน ก็รอไปอีกสามเดือนเถอะครับ”

แอนดรูว์พูดจบ เขาก็พยุงฮู้ดขึ้นจากพื้น

ฮู้ดสลบไสลไปอย่างเงียบสงบ แต่แขนขวาของเขายังมีเส้นหนวดลื่น ๆ นับไม่ถ้วน พวกมันเหมือนสิ่งมีชีวิตตัวอ่อนนุ่มไร้สัมผัสทั้งห้าที่แอบในร่างของฮู้ด และเพิ่งได้ควบคุมร่างกายของเขาในตอนนี้

“เอาล่ะ ฮู้ด” แอนดรูว์ตบเส้นหนวดที่ดิ้นยุกยิกเล็กน้อย ทำให้พวกมันค่อย ๆ สงบลง ก่อเกิดเป็นแขนข้างใหม่อย่างช้า ๆ นอกจากแขนเสื้อที่ถูกตัดขาด แขนของเขาก็ดูเหมือนไม่เคยขาดจากตัวมาก่อน

มาเรียมองแอนดรูว์รักษา ‘หลานชาย’ ของเธอเงียบ ๆ ลอบกำหมัดแน่นโดยไม่พูดจา แม้ว่าเธอจะอยากดึงตัวญาติคนเดียวของเธอกลับมาแค่ไหน เธอก็กลัวยิ่งกว่าว่าฮู้ดจะตื่นขึ้นมาเป็นคนอื่น

“ลาก่อนครับ ประธานมาเรีย”

แอนดรูว์พาฮู้ดออกนอกห้องทำงานของเธอไป

จนกระทั่งมาเรียไม่สามารถสัมผัสออร่าของเขาได้อีก เธอจึงผ่อนหายใจโล่งอกออกมายาวเหยียด มองลงไปที่เลือดบนพื้นที่เริ่มระเหยหายราวกับมีสิ่งมีชีวิตล่องหนออกจากห้องทำงานของเธอไปโดยสมบูรณ์…เส้นประสาทของมาเรียจึงคลายตัว ร่างของเธอนั่งลงบนเก้าอี้

หลังจากนั่งพักสักครู่ มาเรียก็ยกมือขึ้น แหวนที่ดูเหมือนกระจกปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ มีอักขระมนตรานับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบ ๆ มัน และภายในนั้นมีแผ่นศิลาแตก ๆ ชิ้นหนึ่งลอยอยู่

แววตาของมาเรียแสดงความเคารพ เศษแผ่นศิลาสีแดงเข้มนั้นสลักข้อความต่าง ๆ ไว้มากมาย แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะแปลออกมาจนได้ใจความ เพราะขาดชิ้นส่วนมากเกินไป

ทว่าแค่มองมัน ผู้มองจะสัมผัสได้ถึงพลังที่มากจนสร้างแรงสั่นสะเทือนได้ ร้อนแรงดั่งกองไฟท่ามกลางความมืด

เธอวางมือลง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้เล็กน้อย หลับตาลง แล้วความทรงจำในเมืองเขตล่างก็กู่คำราม ความรู้สึกของการระหกระเหินบนเส้นแบ่งของการมีสติและความบ้าคลั่งทุกวันประดังเข้ามาในใจ

ถ้าไม่ใช่เพราะแผ่นศิลาของแม่มดบรรพกาลชิ้นนี้ มาเรียคงตายที่เขตล่างไปนานแล้ว

และการระเบิดของเรซิเอลเมื่อครั้งก่อนก็ทำให้มาเรียตายจริง ๆ ไม่สิ สามารถพูดได้กระทั่งว่าเธอตายไปแล้วครั้งหนึ่ง และแผ่นศิลานี้ก็ชุบชีวิตเธอกลับมา…

เข้าใจว่า ไม่ว่าเจ้าของร้านหนังสือจะแข็งแกร่งแค่ไหน เขาก็คงไม่สามารถรับมือพลังของแม่มดบรรพกาลได้หรอก

มาเรียหลับตาลง ก่อนจะเบิกดวงตาสีน้ำเงินออกโพลง สูดหายใจลึก ๆ ไม่ว่าจะเพื่อความจริง สมาคมแห่งสัจธรรม หรือฮู้ด เธอก็ต้องไปร้านหนังสือ

หลินเจี๋ยนั่งลงบนโซฟาที่เพิ่งซื้อมาใหม่ของร้านหนังสือ ดูโทรทัศน์ท่ามกลางหิมะโปรยปรายอย่างเกียจคร้าน

หลังจากเหตุหิมะตกหนักในนอร์ซินครั้งล่าสุด สภาพอากาศก็เริ่มค่อย ๆ อุ่นขึ้นแล้ว ซึ่งทำให้เกิดฝนตก และโทรทัศน์เครื่องเก่าที่หลินเจี๋ยดูอยู่เป็นประจำก็เริ่มมีหิมะเกาะ

หลินเจี๋ยยืนขึ้นพร้อมรีโมต ตบกล่องโทรทัศน์อย่างขะมักเขม้น เกล็ดหิมะที่เกาะอยู่เริ่มละลายหายไป และในที่สุดผู้จัดรายการข่าวก็พูดออกมาครบประโยคได้…

“จากข่าวด่วนที่เราได้รับ เกิดจากทรุดตัวเป็นวงกว้างขึ้นในห้องแล็บส่วนในขององค์กรนักวิชาการเลื่องชื่อ สมาคมแห่งสัจธรรม ซึ่งจัดตั้งขึ้นโดยนักวิชาการในเขตกลาง” พิธีกรพูดอย่างจริงจัง “สถานการณ์เกี่ยวกับผู้เสียหายยังไม่แน่ชัด ผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่านี่คือการทรุดตัวเป็นระยะของพื้นดินครับ…”

หลินเจี๋ยเลิกคิ้วฟังบทวิเคราะห์จากผู้รายงานข่าว…พระเจ้า มีการทรุดตัวเป็นระยะด้วย…สภาพทางธรณีวิทยาของทวีปอาซีร์ของพวกคุณนี่น่ากลัวขึ้นทุกวันแล้วนะ!

แต่เดิมเราก็คิดว่าพายุหิมะกับแผ่นดินไหวนั่นรุนแรงพอแล้ว แต่ไม่คิดว่ายังมีเรื่องแบบนี้อยู่ด้วย

อืม…ถึงอย่างไรนี่มันก็เมืองมนุษย์สร้างล้วน ๆ เลยนี่นะ มันไม่แปลกถ้าส่วนฐานจะมีปัญหาสักนิดหน่อย ในเมื่อเมืองเขตล่างอยู่ใต้ดิน เข้าใจว่าการเกิดแผ่นดินทรุดตัวเป็นระยะเพราะโพรงใต้ดินก็พอเข้าใจได้

หลินเจี๋ยบังคับตัวเองให้เชื่อ

ทว่า เรื่องในครั้งนี้มีผลกระทบโดยตรงกับสมาคมแห่งสัจธรรม…ไม่รู้ว่าแอนดรูว์ ฮู้ด และพรีม่าเกี่ยวข้องอะไรหรือเปล่า?

เมื่อคิดเช่นนี้ หลินเจี๋ยก็รู้สึกว่าจำเป็นมากที่เขาต้องแสดงความเสียใจกับลูกค้าประจำทั้งสาม ดังนั้นเขาจึงยกอุปกรณ์สื่อสารขึ้น แต่ก่อนจะทันต่อสายติด เขาก็ได้ยินผู้สื่อข่าวในโทรทัศน์พูดต่อ “ในปัจจุบัน สมาคมแห่งสัจธรรมจะไม่รับสัมภาษณ์ใด ๆ และสายการสื่อสารจะใช้การไม่ได้ชั่วคราวด้วยครับ…”

หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจ้าของร้านหลินก็ตัดสินใจโทรหาจี้จือซู่ เธออยู่ในเขตกลางเหมือนกัน คุณหนูจี้จึงน่าจะเข้าใจสถานการณ์มากกว่า และเรื่องคราวก่อนเธอก็ยังไม่ตอบกลับ ดังนั้นคุยกับเธอสักหน่อยดีกว่า

อุปกรณ์สื่อสารดังเพียงครั้งเดียวเท่านั้น สายก็ถูกต่อติดทันที เสียงจี้จือซู่ที่ปลายสายดังขึ้นอย่างนอบน้อม “เจ้าของร้านหลิน มีคำสั่งอะไรเหรอคะ?”