บทที่ 390 ญาติร่วมสายเลือด

เจ้าของร้านพิศวง

บทที่ 390 : ญาติร่วมสายเลือด

บทที่ 390 : ญาติร่วมสายเลือด

การประชุมครั้งนี้ สามารถบรรยายได้กระทั่ง ‘การเลิกราอันบาดหมางใจ’

นักวิชาการทั้งหมดที่เข้าร่วมประชุมสัมผัสได้ว่าบรรยากาศดิ่งเหวลงกะทันหัน ราวกับพายุฝนฟ้าคะนองกำลังจะเข้า

ไม่มีใครกล้าแสดงความเห็นต่อข้อเสนอที่แทบจะเป็นคำยั่วยุอยู่รอมร่อของมาเรียผู้กลายเป็นระดับเหนือนภาไปแล้ว ดังนั้นมาเรียจึงตัดสินใจเองเสียเลย

วาระถัดไปของการประชุม นักวิชาการต่างออกมารายงานด้วยเนื้อตัวสั่นเทา และหลังจากสลายตัว พวกเขาก็รีบร้อนจากไปด้วยความกลัวว่าจะถูกหนีบเป็นไส้แซนด์วิชระหว่างระดับเหนือนภาสองคน

มาเรียกลับไปยังห้องทำงานที่รอเธออยู่นานแล้ว

ห้องทำงานอันเงียบสงบเหมือนไม่เคยถูกเคลื่อนย้าย มันเหมือนกับในตอนที่เธอจากไปทุกประการ แต่ไม่มีฝุ่นจับบนโต๊ะ ดังนั้นจึงเห็นได้ว่ามีใครบางคนทำความสะอาดมันเป็นประจำ มาเรียมองไปรอบ ๆ และพบว่าไร้ร่องรอยของอีเธอร์

แน่นอน เธอคงไม่นำวัตถุลับเฉพาะมาอยู่ในพื้นที่ซึ่งเห็นกันได้ชัด ๆ อย่างห้องทำงานหรอก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีไอ้บ้าที่ไหนแอบดอดเข้ามา

มาเรียทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ รู้สึกคิดถึงวันคืนที่แทบจะฝุ่นจับในอดีต เอื้อมมือไปเปิดอ่านรายงานยาวเป็นกิโลเมตรของโซเมย์ แล้วปะติดปะต่อเงื่อนงำต่าง ๆ ในใจอย่างต่อเนื่อง

ก๊อก ๆ

เสียงเคาะประตูที่คาดไว้ไม่ได้ขัดจังหวะความคิดของเธอ

“เข้ามาสิ…”

ในขณะที่กำลังพูด มาเรียก็เงยหน้าขึ้นมองผู้ซึ่งเข้ามาใกล้ ปิดรายงานลง ขยับแว่นของเธอ ขมวดคิ้ว แล้วจึงแย้มยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ก็นึกอยู่ว่าใคร… ที่แท้ก็หลานรักตัวน้อยของป้านี่เอง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะจ๊ะ”

เด็กหนุ่มผู้เดินเข้ามาย่อมเป็นฮู้ด หลานชายคนเดียวของมาเรีย บรรพบุรุษคนที่สองของสมาคมแห่งสัจธรรมอันเลื่องชื่อด้านการเล่นพิเรนทร์โดยอ้างเกียรติภูมิของญาติร่วมสายเลือดทุกวันคืน

มาเรียลุกขึ้นกอดฮู้ดผู้เดินเข้ามาอย่างค่อนข้างใกล้ชิดสนิทสนม

ด้วยฐานะและพลังล้นเหลือจากการเลื่อนขั้นสู่เหนือนภาของมาเรีย เธอยังคงเข้าถึงได้ง่ายสำหรับฮู้ด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอเอ็นดูฮู้ดแค่ไหน?

ฮู้ดเองก็กอดเธอตอบอย่างอบอุ่นพลางพูดอย่างตื่นเต้น “ป้ามาเรีย ยินดีต้อนรับการกลับมานะครับ!”

มาเรียเอื้อมมือไปลูบหัวของเขา พูดเบา ๆ “ตอนป้าไม่อยู่ เราตั้งใจเรียนหรือเปล่าหือ?”

“เฮอะ” ฮู้ดเชิดหน้าอย่างมั่นใจด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงพูดอย่างจริงจัง “ป้าประเมินผมต่ำไปแล้ว ผมต่างจากเมื่อก่อนมากเลยนะครับ”

“จริงเหรอ?” มาเรียแย้มยิ้มอย่างจริงใจและอบอุ่นแบบที่หาชมได้ยาก “จากปัญหาหลายจุดในการประชุม ป้าก็ได้ยินมาว่าเธอมีความรู้ลึกซึ้ง เป็นที่ยอมรับของนักวิชาการมากมายแล้วนี่ แถมยังมีกลุ่มเพื่อนที่ดีด้วยใช่ไหม?”

“แน่นอนสิครับ!” ฮู้ดเชิดคางและพูดยอมรับ “ทุกคนเป็นเพื่อนคอเดียวกันทั้งนั้น!”

“คอเดียวกัน…”

หัวใจของมาเรียดิ่งวูบ เธอสังหรณ์ร้ายขึ้นมาเฉียบพลัน แต่ก็ยังคงยิ้ม “คอเดียวกันอย่างไร ไหนลองบอกป้าซิ?”

“แน่นอนครับ นี่แหละเรื่องที่ผมอยากจะมาบอกป้ามาเรียวันนี้”

ฮู้ดกล่าวประโยคข้างต้นด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย จากนั้น ดวงตาที่ยังแสดงความเคารพ รักและเชื่อใจต่อญาติผู้ใหญ่ก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นความคลั่งไคล้ซึ่งส่องประกายแปลก ๆ เสียงของเขาต่ำ ดวงตาจ้องตรงที่มาเรีย ท่าทางจริงจังราวกับกำลังท่องบทสวด “พวกเราเชื่อมั่นตลอดกาลในคุณหลิน เจ้าของร้านหนังสือผู้รอบรู้และเป็นดั่งเทพเจ้าครับ”

รอยยิ้มของมาเรียค้างอยู่บนหน้า

ปลายนิ้วที่กำลังดันแว่นของเธอค้างกลางอากาศ ราวกับจู่ ๆ เธอก็กลายเป็นรูปปั้น

เธอมองญาติร่วมสายเลือดที่คุ้นตาตรงหน้า แต่เขากลับไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย จากนั้นสันหลังของเธอก็หนาวเยือก

มาเรียเงียบไปครู่หนึ่ง สูดหายใจลึก ๆ เมื่อเธอลดใบหน้าลง สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเข้มงวดสุดขีด

สีหน้านี้เป็นสีหน้าที่ฮู้ดกลัวหัวหดมาตั้งแต่สมัยเด็ก

ทุกครั้งที่เขาทำอะไรจนเกิดปัญหา มาเรียจะแสดงสีหน้านี้เสมอ…

“เข้าใจแล้วว่า…เธอยังไม่โต”

มาเรียกระซิบ “เมื่อกี้มีคนนอกอยู่ และอาจจะมีหูตามากมายในหมู่คนพวกนั้น ไม่สะดวกที่ฉันจะพูดเรื่องนี้ แต่ตอนนี้ฉันอยู่กับเธอ หลานคนเดียวของฉัน ฉันเลยคิดว่าคงจำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน”

“หลินเจี๋ยคนนั้นเชื่อใจไม่ได้…”

“ป้าพูดอะไรน่ะ!!!”

จู่ ๆ ฮู้ดก็เดือดดาล ตบโต๊ะมาเรียเสียงดังปัง ผายมือออกด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น กัดฟันพูด “เจ้าของร้านหลินเป็นคนเดียวที่เรา…”

พูดไปได้ครึ่งทาง ฮู้ดก็เห็นสีหน้าอันเยือกเย็นแต่น่าเกรงขามของมาเรีย แล้วจู่ ๆ ก็คิดได้ว่าการกระทำตัวเองอุกอาจแค่ไหน

ความมีเหตุผลของเขากลับมาเล็กน้อย บอกเขาว่าบุคคลตรงหน้าคือญาติผู้ใหญ่ที่เขารักที่สุด

“ขอโทษครับ ผมขอโทษนะคุณป้า”

ราวเปลี่ยนเป็นคนละคน เขาชักมือกลับ ยืนที่เดิม เริ่มรู้สึกทำตัวไม่ถูก

มาเรียยืนขึ้นตบบ่าเขา “ไม่เป็นไรหรอก ใจเย็นลงก่อนนะฮู้ด ป้าเข้าใจแล้ว เธอแค่ถูกเจ้าของร้านหลินนั่นควบคุม ขอแค่…”

ทันทีที่เธอพูดจบ สีหน้ารู้สึกผิดของฮู้ดก็เปลี่ยนเป็นรังเกียจ เขาปัดมือของมาเรียออกพลางยิ้มเยาะ “ป้าไม่เข้าใจเลยต่างหากครับ! ไม่เข้าใจเลยว่าเจ้าของร้านหลินอยู่ที่นี่เพื่อกอบกู้เรา! เขาให้ชีวิตใหม่กับพวกผม ถ้าไม่มีเขา พวกเราจะกำจัดหล่ม ‘ความรู้เท่านั้น’ ออกแล้วเข้าใจได้อย่างไรว่าปัญญาต่างหากคือพลังที่แท้จริง!”

ข้อมือของมาเรียเจ็บแปลบจากการถูกฮู้ดสะบัดออก เมื่อได้ยินคำเหล่านี้เข้า เธอก็มองฮู้ดด้วยสายตาคมกริบสุด ๆ เผยแรงกดดันระดับเหนือนภาออกมาจาง ๆ

ฮู้ดทั้งรักทั้งกลัวป้ามาเรียคนนี้มาตั้งแต่เด็ก สีหน้าจริงจังของมาเรียมักตามมาด้วยพายุการติติง ซึ่งแทบทำให้เขามีปฏิกิริยาตอบสนองตามเงื่อนไข

เขาเพิ่งเถียงมาเรียเสร็จก็ถูกสายตาของเธอทำให้ตกใจกลัว รีบถอยไปสองก้าว กอดหัวของเขาอย่างไม่รู้ตัวพลางพูดว่า “ขอโทษครับ ป้ามาเรีย ผมขอโทษ ผม… ผมหมายถึง ป้าไม่น่าพูดแบบนั้นเลย ความยิ่งใหญ่ของเขาไม่อาจถูกตั้งคำถามได้”

ในขณะเดียวกัน สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นเดียดฉันท์อย่างควบคุมไม่ได้ โดยเฉพาะที่หว่างคิ้วของเขา หัวคิ้วที่ขมวดมุ่นขยับไปมาเหมือนภาพหลอน ราวกับบางอย่างกำลังจะโผล่ออกมาจากในผิวหนัง

มาเรียมองฮู้ดด้วยสีหน้าเจ็บปวด และจู่ ๆ เธอก็ชะงักนิ่ง ระลึกถึงผู้คนที่เธอพบเจอในเมืองเขตล่างขึ้นมา หากสิ่งเหล่านั้นสามารถเรียกได้ว่าผู้คนน่ะนะ…

จากสิ่งที่เธอค้นพบ สิ่งที่เห็นและได้ยินมาตลอดหลายเดือนที่ผันผ่าน

พวกเขาทุกคนต่างมีอาการเหมือนฮู้ดในตอนนี้ ประการแรก สมองและความคิดเริ่มเปลี่ยนแปลง ความรู้ความเข้าใจของพวกเขาถูกเปลี่ยนโดยสิ้นเชิง

สุดท้าย กระทั่งร่างกายยังเปลี่ยนไปเป็นสารอาหารของความมืดโดยไม่รู้ตัว ทั้งตัวและหัวใจไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นส่วนหนึ่งของความมืดนั่น

มาเรียหันกลับไปช้า ๆ ไม่อยากเห็นความอัปลักษณ์ที่ควบคุมไม่ได้ของฮู้ด ก่อนจะพูดอย่างจริงจัง “ดูสิว่าเธอดูเป็นอย่างไร ฮู้ด…ถ้าเธอโตมาอย่างนี้ ฉันว่าให้เธออยู่ในอดีตต่อไปดีกว่า…”

“ฉันต้องบอกเธอไว้นะ หลินเจี๋ย หรือเจ้าของร้านหลินที่เธอว่าน่ะเป็นแค่คนโกหก ไม่ได้ดีเลยสักนิด!”

สมองของฮู้ดแล่นฉิว

หยามเกียรติ…ลบหลู่…เราจะกระทำการลบหลู่พระเจ้าได้อย่างไร?!

ดวงตาที่สามบนหน้าผากฮู้ดเบิกโพลง จู่ ๆ เขาก็ชักมีดสั้นออกมาจากในแขนเสื้อแล้วพุ่งเข้าหามาเรีย

มาเรียสูดหายใจลึก ๆ และเรียกใช้พลังระดับเหนือนภาโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง

ฮู้ดถูกควบคุมอย่างเงียบ ๆ แต่มาเรียก็ยังช้าไปหนึ่งก้าว มีดสั้นฟันออกมาตัดเส้นผมยาวสีดำของเธอไปสองสามเส้นโดยไม่ลังเล

ถ้าหลบไม่ทัน ในฐานะที่นักวิชาการระดับเหนือนภายังคงมีร่างกายอ่อนแอที่สุด เธอคงบาดเจ็บสาหัสแน่ ๆ

ความโศกเศร้าและโทสะที่ปรากฏขึ้นแวบหนึ่งในแววตาของมาเรียหายไป เมื่อเห็นว่าฮู้ดยังคงพุ่งเข้ามาหาเธอ เธอก็ถอนหายใจ ยกมือขึ้นโบกเบา ๆ

ฮู้ดส่งเสียงกรีดร้อง ร่วงลงไปกองกับพื้น

เลือดทะลักไหล มาเรียตัดแขนของฮู้ดออกข้างหนึ่ง…

เรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้น ๆ ราวกับเธอตัดท่อบางอย่างที่ห่อหุ้มด้วยผิวหนังบาง ๆ แล้วเส้นหนวดนับไม่ถ้วนซึ่งดูเหมือนหนอนก็ยืดออกมาจากรอยตัดอันเรียบสนิท ร่างกายของฮู้ดดูราวกับรังของหอยทาก

“นี่…นี่มันบ้าอะไรเนี่ย?!”

ภาพบางอย่างที่เธอเห็นในเมืองเขตล่างฉายวาบขึ้นในใจมาเรีย

ทันทีที่เธอเห็นสิ่งเหล่านี้ ความรู้สึกอยากอาเจียนที่ห่างหายไปนานก็กลับมาตะหงิด ๆ

นี่เป็นครั้งแรกนับแต่เลื่อนระดับสู่เหนือนภาที่เธอมีความรู้สึกแบบนี้

ฮู้ดกรีดร้องอย่างเจ็บปวดอยู่บนพื้น แววตาของมาเรียฉายความอดรนทนไม่ได้ออกมา แต่สถานการณ์นี้ทำให้เธอรู้สึกไร้พลัง

“ฮู้ด ป้าจะไม่ทิ้งเธอ ป้าจะรักษาเธอเอง…”

มาเรียพึมพำ หยิบขวดบรรจุยาน้ำใส ๆ ออกมาจากแขนเสื้อ ปักมันใส่คอของฮู้ดอย่างรวดเร็วและแม่นยำ

ฮู้ดดูราวกับสัตว์ร้ายถูกยาสลบ สูญเสียสติไปทีละนิด แต่แขนของเขาเหมือนมีสติเป็นของตนเองและยังคงกระดิกไหว ตาที่หน้าผากของเขาก็ไม่ได้หลับลง แต่จ้องมองมาเรียเขม็ง

มาเรียมองห้องทำงานที่เละเทะของเธอพลางกำหมัดแน่น…

“เจ้าของร้านหนังสือ ฉันล่ะอยากเห็นจริง ๆ ว่าคุณจะศักดิ์สิทธิ์แค่ไหน…”

ก๊อก ๆ

เสียงเคาะประตูอีกเสียงรบกวนความคิดของมาเรีย แต่ก่อนที่เธอจะเชิญให้เข้ามา อีกฝ่ายก็เปิดประตูเองอย่างไม่มีพิธีรีตองเสียแล้ว

ประตูแง้มเปิด และมาเรียก็เห็นใบหน้าคุ้นเคยที่เธอขยะแขยงโผล่มาจากหน้าประตู

“ดูเหมือนสถานการณ์จะไม่ค่อยดีนะครับ ประธานมาเรียที่เคารพ”

แอนดรูว์พูดอย่างกระตือรือร้น “ต้องการให้ผมช่วยไหมครับ?”

มาเรียวางหน้ากากเสแสร้งลง ถามว่า “หลานชายฉัน คุณส่งเขาไปติดต่อกับเจ้าของร้านหนังสือเหรอ?”

“โอ้ เปล่า คุณปรักปรำผมแล้ว”

แอนดรูว์พูดยิ้ม ๆ จากนั้นก็เดินเข้ามาในห้องทำงานอันสว่างไสว “ฮู้ดเข้าไปติดต่อเจ้าของร้านหลินด้วยตัวเอง เรื่องนี้เขาได้รับการอภัยแล้ว จากนั้นก็ถูกเลือก นี่เป็นเรื่องที่ควรภาคภูมิใจ คุณควรดีใจนะ”

มาเรียหรี่ตาลง ความโกรธคุกรุ่นอยู่ในใจ แต่ยังคงยืนขึ้นอย่างสุขุม ใช้แรงกดดันระดับเหนือนภากดตัวแอนดรูว์ไว้

แอนดรูว์สะท้านไปทั้งกาย กัดฟันยิ้ม “ต่อให้คุณจะเป็นระดับเหนือนภาไปแล้ว คุณจะทำอะไรได้ล่ะ…ต่อหน้าเจ้าของร้านหลินคนนั้น คุณก็แค่มดที่ตัวใหญ่หน่อยเท่านั้น ผมแนะนำให้คุณปล่อยวางซะ เพราะคุณไม่ควรจะลองเอาชนะเรา เขาต้องการให้เราชนะครับ”

มาเรียล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อโค้ตสีขาวของเธอ เดินไปที่โต๊ะทำงานพลางยิ้มเยาะ “จริงเหรอ?”

จากนั้น เธอก็ล้วงสมุดบันทึกซอมซ่อออกมาจากในลิ้นชัก โบกมันตรงหน้าแอนดรูว์ กระจกสะท้อนให้เห็นแววตายั่วยุ

“คุณดูไม่มีความกลัวเลยนะ แต่ฉันได้ยินมาว่าเจ้าของร้านหนังสือก็เคยปกป้องผู้ลักลอบขนของเถื่อนแลกกับสมุดบันทึกที่มีเนื้อหาใกล้เคียงกันนี้มาก่อน และเขาต้องสนใจมันแน่ ๆ คุณว่าเขาจะสนับสนุนใคร ระหว่างฉันกับคุณ?”