บทที่ 343 เบาะแสของพินัยกรรม

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีมองเธอนิ่งๆ เงยหน้าเดินเข้าไป

ในห้องส่วนตัวสลัวเล็กน้อย เปิดเพลงคลาสสิค นิรุตติ์กำลังนั่งอยู่ที่โซฟา ไขว่ห้าง ในมือถือไวน์แดงแก้วหนึ่ง กำลังหลับตาส่ายแก้วไปมาเบาๆ ท่าทางดูชิล

“ผู้อำนวยการนิรุตติ์”วารุณียืนอยู่ด้านหลังโซฟา ตะโกนไปที่ชายหนุ่มตรงหน้า

ชายหนุ่มที่ส่ายไวน์แดงอยู่ก็หยุดลง ค่อยๆลืมตามา

เขาไม่ได้สวมแว่น ตาคู่นั้นไม่มีเลนส์บังแล้ว ก็ยิ่งคมชัดมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่มองคน ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะตัวสั่น เหมือนถูกงูพิษจ้อง

วารุณีไม่ชอบสายตาแบบนี้ จึงละสายตาออกอย่างไม่รู้ตัว

นิรุตติ์หัวเราะ ยกนาฬิกาขึ้นมาดู“สามทุ่มห้าสิบแปดนาที ไม่เลวนี่ ไม่สาย”

วารุณีไม่พูดอะไร

นิรุตติ์ตบที่นั่งข้างๆ“ยืนทำไมล่ะ นั่งสิ!”

“ขอบคุณค่ะผู้อำนวยการนิรุตติ์”วารุณีชอบคุณเสร็จ ก็เดินไปที่โซฟา

แต่เธอไม่ได้นั่งตรงที่เขาเพิ่งตบลงไป แต่เดินไปนั่งโซฟาเดี่ยวตรงข้ามเขา ตั้งใจเว้นระยะห่างกับเขา

นิรุตติ์ก็มองออก และก็ไม่ใส่ใจ ดื่มไวน์แดงคำเดียวหมด แล้วเอาแก้ววางไว้ที่โต๊ะ“บอดี้การ์ดของคุณนี่หมายความว่าไง?บอดี้การ์ดสองคนนั้นคือพนักงานรักษาความปลอดภัยของบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป ไม่ได้รับอนุญาตจากนัทธี ก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้ ไม่ใช่ว่านัทธีรู้แล้วเหรอว่าคุณมาพบผม?”

เขามองเธออย่างสงสัย

วารุณีสบตากับเขาอย่างนิ่งๆ“ไม่รู้ ฉันแค่บอกกับนัทธีว่า ฉันจะไปเจอลูกค้าคนหนึ่ง ลูกค้าคนนั้นไม่ค่อยรักษาตามกฎเท่าไหร่ เขาเลยส่งบอดี้การ์ดสองคนมาจับตาดูฉัน ตอนนี้พวกเขาก็ถูกคุณสั่งให้อยู่ด้านนอกแล้ว ดังนั้นก็ไม่รู้ว่าคุณคือใคร คุณวางใจได้”

ได้ยินหญิงสาวพูดอ้อมๆว่าตัวเองไม่รักษาตามกฎ นิรุตติ์ไม่ได้โกรธอะไรแต่กลับหัวเราะ ท่าทางดูเหมือนอารมณ์ดี“ในเมื่อวารุณีพูดแบบนี้ งั้นผมก็จะเชื่อคุณละกัน อภัยให้ที่คุณไม่กล้าหลอกผม เพราะว่าผมรู้ ผลตอบแทนที่ตามมานั้นคุณจ่ายไม่ไหวแน่”

วารุณีละสายตาลง และเงียบอีก

นิรุตติ์หยิบขวดเหล้าขึ้นมา แล้วเทเหล้าอีกครั้ง เทไปสองแก้ว ก็ยื่นให้วารุณีแก้วหนึ่ง

ถึงแม้วารุณีไม่อยากรับ แต่เพื่อเป็นไปอย่างราบรื่น ก็รับไป จากนั้นชนกับเขาแก้วหนึ่ง เงยหน้าเอาปากแตะ ทำท่าเป็นเหมือนดื่ม“ผู้อำนวยการนิรุตติ์มีอะไรจะถาม ก็ถามเถอะ”

“เยี่ยมมาก!”นิรุตติ์ตบไปที่ขา จากนั้นท่าทีก็จริงจังขึ้นมา“ร่องรอยของพินัยกรรม คุณหาได้ยัง?”

“ยังค่ะ”วารุณีส่ายหน้า“แต่มีเบาะแสเล็กน้อย”

“อ้อ?”นิรุตติ์เลิกคิ้วขึ้น“ครึ่งเดือนก่อน คุณไม่ได้เบาะแสอะไรสักนิด ทำไมตอนนี้มีเบาะแสได้ล่ะ?”

วารุณีรู้ว่าเขากำลังเล่นแง่ ก็ไม่ตื่นตระหนก สบตาเขากับอย่างนิ่งสงบ“ก็คุณบอกแล้ว ถ้าฉันทำเรื่องพวกนี้ไม่ได้ คุณก็จะลงมือกับคนรอบข้างฉัน ที่ฉันแคร์ที่สุด ก็คือลูกทั้งสองคนของฉัน ดังนั้นฉันจะไม่คิดหาหนทางได้ไงคะ”

“พูดได้ดีนะ งั้นคุณว่ามา คุณใช้วิธีไหนถึงได้เบาะแสมา?”นิรุตติ์เหมือนจะสนใจมาก จ้องมองไปที่เธอ ไม่รีบร้อนที่จะหาที่อยู่ของพินัยกรรมเลยสักนิด

วารุณีวางแก้วทรงสูงนั้นลง“ง่ายมาก เมื่อวานซืนซื้อยานอนหลับมา ใส่ในแก้วนัทธีไปสองเม็ด ถือโอกาสตอนที่เขาไม่ค่อยได้สติ ถามเขาถึงสถานที่ที่คุณปู่บรรพตจะซ่อนของไว้ หรือว่าเป็น สถานที่ที่ใส่ใจที่สุดที่อยากไปที่สุด”

“แค่นี้?”นิรุตติ์หรี่ตาลง

วารุณีพยักหน้า จากนั้นหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากกระเป๋า วางไว้ที่โต๊ะ ดันไปตรงหน้านิรุตติ์“ด้านบนนี้ คือที่อยู่ที่ฉันถามมาได้ ด้านบนสองสามอันคือสถานที่ที่เป็นไปได้ที่จะซ่อนสิ่งของไว้ แต่ฉันคิดว่าความน่าจะเป็นนั้นไม่มาก”

“ยังไง?”นิรุตติ์มองที่อยู่ของสองสามอันด้านบนสุด

วารุณีค่อยพูด“เพราะว่าง่ายเกินไปไง แค่เข้าใจคุณปู่บรรพตหน่อย ก็จะคิดได้แล้ว ฉันคิดว่าผู้อำนวยการนิรุตติ์ จะต้องไปดูสถานที่พวกนีแล้วใช่ไหม?”

นิรุตติ์หัวเราะอย่างไม่คิดเช่นนั้น

วารุณีเห็นแบบนี้ ในใจก็คิดว่าอย่างที่คิดไว้เลย จากนั้นชี้ไปที่ที่อยู่ด้านล่างสองสามอันอีกครั้ง“ที่เหลือพวกนี้ เป็นสถานที่ที่คุณปู่บรรพตชอบไปที่สุด เป็นไปได้ว่าพินัยกรรมจะอยู่ในที่เหล่านี้ เพราะว่าคนต่างมีความหมกมุ่น ถ้าคนๆหนึ่งไม่ได้เอาสิ่งของซ่อนไว้ในที่วางไว้เป็นประจำ นั่นก็ต้องเป็นสถานที่ที่อยากไปที่สุด”

พอถูกวารุณีพูดแบบนี้แล้ว สายตาของนิรุตติ์จึงจริงจังขึ้นมาอีกครั้ง

จริงๆด้วย พอลองคิดดูแล้ว ถ้าเป็นตัวเขาเอง เขาก็เป็นไปได้ที่จะทำแบบนี้

ก็แค่สถานที่เหล่านี้ เป็นสถานที่ไหนกันแน่?

มองสภาพนิรุตติ์ที่จ้องที่อยู่พวกนั้นอย่างคิดพิจารณา มุมปากของวารุณียกขึ้น เตือนไปอย่างสบายๆว่า“ได้ยินว่าประเทศฝรั่งเศสเป็นสถานที่ที่คุณปู่บรรพตกับคุณย่าวิภารู้จักกัน จะเป็นไปได้ไหมว่าอยู่ที่นั่น?”

รูม่านตานิรุตติ์หดลง จากนั้นกำแก้วไวน์แน่นอย่างตื่นเต้น

ใช่สิ ประเทศฝรั่งเศสเป็นสถานที่ที่คุณปู่คุณย่ารู้จักกัน หลังจากอารองอาสะใภ้รองเสีย คุณปู่ก็ถือภาพของคุณย่าตลอด บอกกับย่าว่าไม่ได้สั่งสอนบ้านลูกชายคนโตของพวกเขาได้ดี

และพินัยกรรมนั้นก็เป็นสิ่งของที่ตัดสินความเป็นความตายของบ้านลูกชายคนโตพวกเขา ดังนั้นเป็นไปได้จริงๆว่าคุณปู่จะเอาพินัยกรรมไปไว้ที่ประเทศฝรั่งเศสที่ไม่ได้ไปมาหลายสิบปีแล้ว

คิดถึงตรงนี้แล้ว นิรุตติ์ก็ระงับความรู้สึกตื่นเต้นไว้ในใจ มองไปที่วารุณีขำๆ“วารุณีเป็นตัวนำโชคของผมเสียจริง”

วารุณีเงยหน้าขึ้นมา”ฉันไม่ใช่ตัวนำโชคอะไร ฉันแค่หวังว่าต่อไปผู้อำนวยการนิรุตติ์จะไม่ข่มขู่ฉันอีก คุณพูดเอง แค่ฉันช่วยคุณหาข่าวคราวของพินัยกรรม ก็ถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณที่คุณช่วยอารัณแล้ว”

“ผมเคยพูดแบบนี้จริง แต่ว่า……”

ทันใดนั้นนิรุตติ์ก็ยืนขึ้นมา เดินข้ามโต๊ะน้ำชามาตรงหน้าวารุณี จากนั้นบีบคางของวารุณีไว้ ภายใต้สายตาที่ระมัดระวังของเธอ แล้วก้มลงกดเธอลงบนโซฟา

ท่าที่ใกล้ชิดคลุมเครือแบบนี้ ทำให้ทั้งตัวของวารุณีแข็งทื่อไป ดวงตานั้นเบิกโตขึ้น สักพักถึงได้สติคืนมา ออกแรงผลักเขา อยากจะดันเขาออกไป

“ปล่อยฉัน นิรุตติ์คุณลุกขึ้น ฉันเป็นน้องสะใภ้ของคุณ คุณทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!”วารุณีตะโกนจนหน้าหูแดง

ทั้งหมดก็เพราะว่าโกรธ

เธอคิดไม่ถึงจริงๆว่าผู้ชายคนนี้จะไร้ยางอายแบบนี้ ที่ทำพฤติกรรมแบบนี้กับเธอได้

นิรุตติ์เหมือนจะไม่รู้สึกถึงหมัดที่หญิงสาวต่อยไปหน้าอกของตัวเอง เขาก้มหน้าลงมองหญิงสาวที่อยู่ข้างใต้ด้วยรอยยิ้มร้ายกาจ

หน้าของหญิงสาวแดง ดวงตาก็เบิกโต ในดวงตานั้นเต็มไปด้วยความโกรธและอับอาย

อย่างไรก็ตามแต่เพราะว่าเธอสวยมากไป ท่าทางของเธอแบบนี้ เลยไม่ได้ทำให้ใครรู้สึกตกใจกลัว กลับยิ่งทำให้คนเกิดแรงกระตุ้นที่จะรังแกเธอมากขึ้น

มองวารุณีที่เป็นแบบนี้ สายตานิรุตติ์ก็หม่นลงไป ไม่ใช่ว่าไม่ใจเต้น

แต่เขารู้ว่า เขาไม่สามารถทำอะไรเธอได้ ไม่ใช่ว่าเขาเป็นคนมีคุณธรรม แต่เพราะว่ากลัวนัทธี

นัทธีในตอนนี้ ไม่ใช่นัทธีคนนั้นเมื่อห้าปีก่อน ที่เขาสามารถรังแกได้

ถ้าเขาแตะต้องผู้หญิงของนัทธีจริงๆ นัทธีจะต้องเลือกวิธีที่จะแก้แค้นเขาแน่

คิดถึงพวกนี้แล้ว นิรุตติ์ถอนหายใจอย่างเสียดายเล็กน้อย นิ้วมือลูบไล้ที่ใบหน้าวารุณีเบาๆ“วารุณี ผมจะสิ่งที่ผมเคยพูดได้อยู่แล้ว และก็ปฏิบัติตามได้ดีด้วย แต่เตือนก่อนนะ เบาะแสพวกนี้ของคุณเป็นของจริง แต่ถ้าไม่เป็นจริง……”

คำพูดจากนั้น เขาไม่พูด แต่ความหมายนั้นทุกคนรู้ดี

วารุณีตัวสั่น รู้สึกแค่ว่านิ้วมือที่ลูบไล้อยู่บนหน้านั้น เหมือนงูพิษ ให้เธอรู้สึกขยะแขยง ในขณะเดียวกันก็กลัวเล็กน้อย

“ฉันไม่ได้หลอกคุณ เบาะแสพวกนี้เป็นของจริง เป็นฉันที่ล่อออกมาจากปากของนัทธีทั้งนั้น”วารุณีบีบมือของตัวเองแน่น พยายามให้ตัวเองไม่เปิดเผยความกลัวและตื่นตระหนกใดๆออกมา

ไม่งั้นจะถูกเขามองออกได้ แล้วทุกอย่างก็จะจบเห่