บทที่ 342 ครึ่งเดือน

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ปาจรีย์เห็นความเหนื่อยล้าในสายตาเธอแล้ว ก็ไม่อยากรบกวนเธอ พยักหน้าตอบรับ“ได้ งั้นฉันออกไปก่อนนะ วารุณีเธอก็อยู่เงียบๆก่อนละกัน มีอะไรก็บอกฉันได้”

“อือ”วารุณีฝืนฉีกยิ้มออกไป

ปาจรีย์ละสายตาคืนกลับมา หันกลับเดินไปที่ประตู

เพิ่งเดินออกไปด้านนอกประตู เธอก็เห็นร่างสูงใหญ่ร่างหนึ่งเดินเข้ามา ทันใดนั้นก็ดีใจสุดๆ“ประธานนัทธี!”

ปาจรีย์โบกมือให้เขา

นัทธีเมินสายตาที่ตกใจและตื่นเต้นของคนพวกนั้นในออฟฟิศที่ทำงาน เดินไปที่ปาจรีย์“คุณเรียกผมเหรอ?”

“คุณมารับวารุณีเหรอ?”ปาจรีย์ถาม

นัทธีพยักหน้า“เวลานี้เธอไม่ได้รอผมที่ถนน โทรศัพท์ก็ไม่รับ ดังนั้นผมเลยอยากมาดู เธอไม่อยู่เหรอ?”

“อยู่ อยู่สิ”ปาจรีย์ชี้ที่ประตูด้านหลัง“อยู่ด้านใน ประธานนัทธีคุณมาได้พอดีเลย คุณรีบเข้าไปเอาใจวารุณีเถอะ”

“เธอเป็นอะไร?”ท่าทางของนัทธีก็ดูตึงเครียดขึ้นมา

มองความกังวลและห่วงใยที่มีต่อวารุณีในสายตาเขาออก ปาจรีย์จึงถอนหายใจ“ฉันก็ไม่รู้ วันนี้ช่วงบ่ายวารุณีไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เหมือนไปเจอเรื่องอะไรมา ฉันถามเธอ เธอก็ไม่บอก”

“ผมเข้าใจแล้ว ผมจะเข้าไปดู”พูดจบ นัทธีก็บิดลูกบิดประตู แล้วเดินเข้าไป

ในห้องทำงาน วารุณีได้ยินว่าเสียงประตูเปิด ก็คิดว่าปาจรีย์เข้ามาอีก และก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นไป จ้องหน้าจอคอมแล้วพูดว่า:“ปาจรีย์ ฉันไม่ได้บอกเหรอว่าอยากอยู่เงียบๆ?ทำไมเธอ……”

“ผมเอง”ชายหนุ่มพูดเสียงหม่น

วารุณีตะลึง เงยหน้ามองไปทันที ก็เห็นชายหนุ่มเดินมา จึงยิ้ม“คุณมาได้ไง?”

“ปกติเวลานี้คุณจะรอที่ชั้นล่าง ครั้งนี้ไม่อยู่ โทรศัพท์ก็ปิด ดังนั้นเลยขึ้นมาหาคุณน่ะ”นัทธีเดินไปหน้าโต๊ะทำงานเธอแล้วตอบ

วารุณีมองไปมุมล่างขวาของคอม จึงเห็นว่าเป็นเวลาห้าโมงครึ่งแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะตบหน้าผาก“ขอโทษ ฉันไม่ได้ดูเวลา ไม่คิดว่าเวลาจะผ่านไปไวขนาดนี้”

พูดไป เธอก็หยิบโทรศัพท์ออกมา แตะหน้าจออยู่หลายครั้งก็ยังเป็นสีดำอยู่ เลยลองไปชาร์จดู แล้วหน้าจอก็เป็นประกายขึ้นมา

“ไม่ย่าล่ะคุณถึงโทรไม่ติด โทรศัพท์ฉันแบตหมด”วารุณีรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

นัทธีมองเธอ“ผมได้ยินปาจรีย์บอกว่า วันนี้ทั้งบ่ายคุณไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย เกิดอะไรขึ้น?”

วารุณีได้ยินที่เขาถาม ก็ลูบคิ้ว“ที่จริงก็ไม่มีอะไร แค่วันนี้เจอผู้อำนวยการนิรุตติ์ที่ฝ่ายออกแบบ”

พอได้ยิน รูม่านตาของนัทธีหดลง บรรยากาศรอบๆตัวนั้นเย็นลง“เขาพูดถึงเรื่องพินัยกรรมใช่ไหม?”

วารุณีพยักหน้าแรงๆ จากนั้นเอาสถานการณ์ในตอนนั้นพูดออกมาหมด

นัทธีฟังจบ ก็กำมือทั้งสองข้างขึ้นมา

วารุณีเห็นสีหน้าเขาไม่ดี ก็ลุกขึ้นเดินเข้ามา จับมือของเขาไว้“นัทธี คุณว่าพวกเราควรทำอย่างไรดี?สำหรับพินัยกรรม พวกเราไม่มีเบาะแสอะไรสักนิด เหลือแกครึ่งเดือน ถ้าเขาไม่ได้พินัยกรรม หรือเบาะแสของพินัยกรรมจริงๆ ฉันกังวลว่าเขาจะทำทุกอย่างได้”

“ไม่เป็นไร”นัทธีตบหลังมือของเขา“ในเมื่อเขาต้องการเบาะแสพินัยกรรม งั้นก็ให้เขาไป”

วารุณีเบิกตาโตขึ้นมาอย่างตกใจ“นัทธี หรือว่าคุณหาพินัยกรรมเจอแล้ว?”

“เปล่า แต่พวกเราสามารถสร้างเบาะแสปลอมๆ ทำให้เขาสับสนได้”นัทธีหรี่ตา สายตานั้นเป็นประกาย

วารุณีกัดริมฝีปาก น้ำเสียงนั้นกังวลหน่อยๆ“แบบนี้ได้เหรอ?ถ้าเขาเดาออกว่าพวกเราใช้เบาะแสปลอม จะคิดว่าพวกเราจงใจหลอกเขาไหม แล้วทำให้เขาพาลโกรธเอา?”

“วางใจเถอะ ผมไม่ให้โอกาสเขาแน่”นัทธีก้มหน้าลงจูบคิ้วของเธอ

เขารู้ดีว่าตัวเองในอีกครึ่งเดือนข้างหน้านี้ ไม่มีทางหาพินัยกรรมได้

ดังนั้นอย่างเดียวที่ทำได้ ก็คือเอาเบาะแสปลอมไปทำให้นิรุตติ์สับสน ส่วนนิรุตติ์จะสงสัยว่าเบาะแสนั้นปลอมหรือไม่นั้น สงสัยแน่นอน แต่ขณะเดียวกันอีกครึ่งหนึ่งก็เชื่อ

ดังนั้นนิรุตติ์จะต้องไปหาพินัยกรรมตามเบาะแสปลอมแน่ ในช่วงเวลานั้น เขาจะหาทางกักกันนิรุตติ์ ให้เขากลับจังหวัดจันทร์ไม่ได้

ได้ยินความเด็ดเดี่ยวในน้ำเสียงของชายหนุ่มแล้ว หัวใจที่ไม่สบายใจของวารุณี ก็สงบลงทันที

เธอพิงในอ้อมแขนของชายหนุ่ม ไม่พูดอะไรอีก

ผ่านไปสักพัก นัทธีปล่อยเธอ“โอเค เก็บของ ไปรับลูกเถอะ”

“อือ!”วารุณีตอบกลับ

ทั้งสองจูงมือกันออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับสายตาหยอกล้อของทุกคนที่อยู่ด้านนอกห้องทำงาน

แก้มวารุณีแดงเล็กน้อย หลังจากบอกลากับปาจรีย์และทุกคน ก็ออกไปจากบริษัท

ตอนดึก นัทธีเรียกมารุตมาที่คฤหาสน์ ทั้งสองคนประชุมที่ห้องทำงานเกือบจะหนึ่งชั่วโมง มารุตจึงออกไป

พอมารุตไป นัทธีก็พูดเนื้อหาประชุม รวมทั้งแผนการกับวารุณีง่ายๆ

วารุณีฟังจบ ก็ตั้งใจจำไว้ในใจ รอเจอกับนิรุตติ์ อีกครึ่งเดือนข้างหน้า

เวลาผ่านไปไวมาก พริบตาเดียว ก็ผ่านไปอีกครึ่งเดือน

วันนี้ วารุณีกำลังกินอาหารเช้าอยู่ โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะก็สั่นขึ้นมา

วารุณีหันไปมอง เป็นนิรุตติ์ที่ส่งข้อความมา:สี่ทุ่ม ห้องส่วนตัว202ที่คลับ Golden Time

มองข้อความนี้แล้ว วารุณีก็กัดริมฝีปาก“ตรงเวลาดีมาก บอกว่าครึ่งเดือนก็ครึ่งเดือน”

นัทธีนั่งตรงข้ามเธอ ถึงแม้มองเนื้อหาโทรศัพท์เธอไม่เห็น แต่เห็นจากสีหน้าเธอแล้ว เขาก็เดาได้“นิรุตติ์?”

“อือ เขานัดฉันมาเจอที่นี่”วารุณีหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ยื่นไปตรงหน้าเขา

นัทธีมองแวบหนึ่ง พูดอย่างเย็นชา:“เดี๋ยวตอนที่ไป พาบอดี้การ์ดไปสองคน”

“โอเค”วารุณีรู้ว่าเขากำลังเป็นห่วงความปลอดภัยของเธอ ก็รู้สึกอุ่นใจ พยักหน้ายิ้มๆ

นัทธีดื่มกาแฟไปคำหนึ่ง แล้วอธิบายอีกครั้ง“ใกล้ๆคลับ Golden Time ต้องมีคนของนิรุตติ์กำลังสอดส่องอยู่แน่ ดังนั้นผมไปไม่ได้ คุณต้องระวังตัวเอง พยายามอย่าอยู่ห่างบอดี้การ์ด มีอะไร โทรหาผมได้”

“วางใจเถอะ ฉันเป็นคนมีขอบเขต”วารุณีตอบ

ทานข้าวเสร็จ วารุณีก็ออกไป

คลับ Golden Timeอยู่ที่จังหวัดตอนเหนือ ถ้าเธอยังไม่ออกไปอีก ถ้าเธอยังไม่ไปอีก สี่ทุ่มแล้วก็คงยังไปไม่ถึง

ถ้าไปสาย ใครจะไปรู้ว่าคนนั้นจะทำอะไรไหม

คิดไป วารุณีก็ขับเบนซ์สีแดงของตัวเอง ขับซิ่งมาตลอดทาง ในที่สุดตอนสามทุ่มห้าสิบ ก็มาถึงคลับ Golden Time

วารุณีเพิ่งเดินเข้าไป ก็มีพนักงานต้อนรับคนหนึ่งมาต้อนรับ“คุณวารุณีใช่ไหม?”

วารุณีตกใจก่อน จากนั้นตอบอือ จากนั้นตอบอือ“ค่ะฉันเอง”

“คุณนิรุตติ์รอคุณอยู่ที่ห้องส่วนตัว202แล้ว กรุณาตามมา”พนักงานบริการทำท่าเชื้อเชิญ

วารุณีก็ไม่ได้ปฏิเสธ เดินตามหลังเธอไป

เดินไปถึงหน้าห้องส่วนตัว จู่ๆพนักงานบริการก็หยุดวารุณี“คุณวารุณี บอดี้การ์ดทั้งสองคนของคุณนี้เข้าไปไม่ได้”

วารุณีก็รู้ว่าตัวเองพาบอดี้การ์ดมาสองคนก็ดูอวดดีมากไป นิรุตติ์ไม่ให้บอดี้การ์ดเข้าไปแน่ ดังนั้นจึงไม่แปลกใจเลยสักนิด เลยตกลง

“พวกคุณรอฉันที่หน้าประตู”เธอหันหน้าไปเล็กน้อย กำชับบอดี้การ์ดทั้งสองคน

“ครับ คุณผู้หญิง!”บอดี้การ์ดทั้งสองคนตอบ

วารุณีมองไปที่พนักงานบริการ“ตอนนี้ได้แล้วใช่ไหม”

“ได้แล้วค่ะ แต่ว่ายังเหลือขั้นตอนสุดท้าย”พนักงานบริการยิ้ม

วารุณีขมวดคิ้ว“ยังมีอะไรอีก?”

“พวกเราต้องตรวจสอบความปลอดภัยกับคุณ ป้องกันคุณพกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อะไรที่สามารถเปิดเผยความเป็นส่วนตัวได้”พูดไป พนักงานบริการก็หยิบเครื่องตรวจจับโลหะออกมาจากชายกระโปรง แล้วสแกนวารุณีทั้งตัวไปรอบหนึ่ง

พอแน่ใจที่ตัววารุณีไม่มีของพวกนั้น เธอจึงเปิดประตูห้องส่วนตัว ตอบยิ้มๆ:“เชิญคุณวารุณีเข้ามา!”