บทที่ 389 นับจากนี้จงอยู่ห่างจากลูกสาวข้า!
บทที่ 389 นับจากนี้จงอยู่ห่างจากลูกสาวข้า!
ซูอันแสดงสีหน้าครุ่นคิด เขาสงสัยว่าควรจะก้าวไปข้างหน้าและอย่างน้อยก็มีส่วนร่วมทำอะไรบ้างหรือเปล่า?
ทางด้านฉู่ชูเหยียนและฉู่ฮวนเจา ทั้งสองพี่น้องต่างมองมาที่ชายหนุ่มและเข้าใจในความคิดของเขาอย่างชัดเจน
เมื่อรู้สึกถึงการจ้องมองของพวกนาง ซูอันก็ยืดอกเล็กน้อย
ช่างมัน ๆ อย่าไปยุ่ง! พี่หญิงใหญ่ยังคงหลับใหลอยู่ ข้าควรอยู่เงียบ ๆ จะเป็นการดีกว่า เมื่อใดมีตะปูยื่นออกมา มันจะต้องถูกตอกกลับลงไปทุกครั้ง พี่หญิงใหญ่ได้เตือนไว้แล้ว ว่าข้าจะลงเอยด้วยการนำภัยพิบัติมาสู่ตัวเองเท่านั้นหากทำตัวเป็นจุดสนใจมากเกินควร
หมอเทวะจี้ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็นสำคัญอื่น ๆ สองสามเรื่องก่อนจะลุกขึ้นจากไป เขายังต้องคิดถึงวิธีการรักษานาง
แม้ว่าฉู่จงเทียนจะรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าจี้เติ้งถู แต่ชายน่ารังเกียจกลับเป็นคนเดียวที่สามารถช่วยชีวิตลูกสาวของเขาไว้ได้ ดังนั้นจึงต้องละทิ้งความรู้สึกมุ่งร้ายไปให้หมด
อย่างไรก็ตาม ฉู่จงเทียนก็ไม่คาดคิดว่าจู่ ๆ จี้เติ้งถูจะโบกมือให้เขา แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงรำคาญ “แค่เห็นหน้าเจ้าก็ทำให้ข้าหงุดหงิด เจ้าไม่จำเป็นต้องออกไปส่งข้า!”
สีหน้าของฉู่จงเทียนเปลี่ยนเป็นสีเข้มกว่าถ่านในทันที ฉินหว่านหรูที่อยู่ด้านข้างก็กุมมือเขาเบา ๆ เพื่อปลอบประโลม ก่อนสั่งให้หงจงออกไปส่งหมอเทวะ
“ไม่จำเป็น ให้ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอคนนี้มากับข้าก็เพียงพอแล้ว” จี้เติ้งถูชี้ไปที่ซูอัน
ทุกคนในห้องตกตะลึง ไม่มีใครคาดคิดว่าหมอเทวะผู้นี้จะเห็นว่าซูอัน สำคัญกว่าใครทั้งหมด!
มีเพียงซูอันเท่านั้นที่คาดเดาเหตุผลที่แท้จริงได้อย่างคร่าว ๆ
ฉินหว่านหรูขมวดคิ้ว นางกระซิบพูดกับซูอันทันที “เนื่องจากหมอเทวะจี้ต้องการให้เจ้าไปกับเขา เจ้าก็ควรทำทุกอย่างให้ดีที่สุด หมอเทวะจี้เป็นแขกผู้มีเกียรติในคฤหาสน์ตระกูลฉู่ของเรา ดังนั้นเจ้าต้องไม่ไปล่วงเกินเขาไม่ว่าโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ”
ซูอันสาปแช่งอย่างเงียบ ๆ ถ้าท่านให้ข้ายืมชุดชั้นในของท่านสองชุด เขาอาจจะไม่โกรธเลยถ้าข้าถุยน้ำลายใส่หน้าเขา!
แน่นอนว่าชายหนุ่มไม่กล้าพูดออกมาดัง ๆ เขาเพียงโค้งคำนับเพื่อแสดงว่าตัวเองรับทราบ จากนั้นก็หันไปมองจี้เติ้งถู “หมอเทวะจี้ เชิญทางนี้”
“อื้ม!” จี้เติ้งถูยืดอกอย่างภาคภูมิใจ เดินนำไปข้างหน้าโดยไม่ได้มองซูอันแม้แต่แวบเดียว
ไม่นานหลังจากที่ทั้งสองออกมาจากห้อง ฉู่เทียนเซิงและฉู่เยว่พั่วก็โผล่ออกมาจากที่ที่ยืนดักรอไว้ ทั้งคู่ทักทายหมอเทวะจี้อย่างประจบประแจงในขณะที่ประเคนของขวัญล้ำค่าให้แก่จี้เติ้งถู รวมทั้งพยายามหาข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยของฉู่ชูเหยียนเท่าที่สามารถจะทำได้
จี้เติ้งถูไม่ใช่คนโง่ เขารับของขวัญจากทั้งสองอย่างมีความสุข ก่อนที่จะระบายเรื่องไร้สาระของตัวเองแทน เป็นต้นว่าวันนี้แผลน้ำกัดเท้าซ้ายของเขากำเริบ…โดยไม่พูดอะไรเกี่ยวกับการรักษาฉู่ชูเหยียนเลย
หลังจากระบายจบ เขาก็ทิ้งคนทั้งสองที่ยังคงยืนงงงวยไว้ข้างหลัง ซึ่งทั้งสองคนนั้นไม่เข้าใจเลยว่าหมอเทวะจี้พูดออกมาเพื่ออะไรจริง ๆ
ซูอันรู้สึกประทับใจ ผู้ชายคนนี้รับเงินโดยไม่ต้องทำงานแต่อย่างใด แถมยังสามารถหลีกเลี่ยงความขุ่นเคืองใด ๆ ได้ทั้งหมด นี่เขาได้รับของขวัญมาแล้วกี่ชิ้นโดยใช้ทักษะเช่นนี้?
หลังจากสังเกตเห็นว่าไม่มีใครเหลืออยู่รอบตัว จี้เติ้งถูก็ลดท่าทางที่เยือกเย็นและจองหองของตัวเองลง หลงเหลือแต่รอยยิ้มที่ประจบสอพลอ เขาคล้องแขนไว้รอบตัวซูอัน “น้องชายของข้า ส่วนที่สองของหนังสือเล่มนั้นที่เจ้าเขียนครั้งล่าสุดอยู่ที่ไหน?”
“ข้าไม่ได้เขียน ข้าไม่มี ท่านอย่าพูดไร้สาระ!” ซูอันปฏิเสธเขาไปตามตรงถึงสามครั้ง
“ข้าเข้าใจ…ข้าเข้าใจ” จี้เติ้งถูแสดงออกถึงความเข้าใจแบบพี่ชาย “ทักษะทางวรรณกรรมของเจ้าได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี ฮิฮิ ถ้าป้าน้อยของเสี่ยวซีได้เห็นมันแล้วละก็…”
สีหน้าของซูอันขรึมขึ้น ถ้าข้ารู้ล่วงหน้าว่าเจ้าจะเอาอาจารย์ใหญ่ที่งดงามคนนั้นมาขู่เข็ญข้า ข้าจะให้อย่างอื่นแก่เจ้า!
“ครึ่งหลังจะเป็นยังไง? บอกข้ามาเลย ข้าอยากรู้เต็มแก่แล้ว! ข้าสัญญาว่าจะไม่บอกใครอีก” จี้เติ้งถูกดดันหนังสือที่ซูอันให้คราวก่อนทำให้เลือดลมของเขาสูบฉีดดีจริง ๆ แต่ตอนนี้มันเริ่มขาดความสดใหม่ไปแล้ว เขาใช้มันหลายครั้งจนเกินไป ชายหนุ่มต้องการแรงบันดาลใจใหม่ ๆ บ้าง
“ข้าจะคิดภาคต่อว่าเป็นยังไงเมื่อข้ามีเวลา” ซูอันรู้สึกปวดหัวอย่างมาก ชายหนุ่มไม่อยากจะเขียนภาคต่อของหนังสือปลุกใจเสือป่านั่นอีก แต่เขาไม่ต้องการขัดใจหมอที่แข็งแกร่งอย่างจี้เติ้งถู
“ฮ่า ๆ! ดีดี เจ้านี่ช่างวิเศษจริง ๆ ที่สามารถเขียนผลงานชิ้นเอกนั่นขึ้นมาได้ทั้ง ๆ ที่ไอ้นั่นของเจ้าใช้ไม่ได้! เอ…เป็นไปได้ไหมว่ายิ่งผู้ชายบริสุทธิ์มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งจินตนาการถึงเรื่องพวกนี้ได้โลดโผนขึ้นเท่านั้น?” จี้เติ้งถูหัวเราะเยาะ
ซูอันกัดฟันแน่น
แม่งเอ๊ย! ข้าอยากได้มีดมาแทงปากไอ้โรคจิตนี่จริง ๆ!
“เออ ข้าได้ยินจากตระกูลฉู่ ว่าเจ้าได้ป้อนดอกบัวเร้นลักษณ์ทั้งหมดให้กับฉู่ชูเหยียน นี่เจ้ายอมเสียสละมากขนาดนั้นจริง ๆ เหรอ?” จี้เติ้งถูมีรอยยิ้มแปลก ๆ บนใบหน้าของเขา “ไอ้นั่นของเจ้าฟื้นคืนชีพแล้วเหรอ?”
“ไปถามลูกสาวท่านสิ นางรู้!” ซูอันเยาะเย้ย
จี้เติ้งถูหยุดเดินทันที
“เมื่อกี้เจ้าพูดว่าอะไรนะ!” จี้เติ้งถูตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความโกรธสุดขีด!
—
ท่านยั่วยุจี้เติ้งถูสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!
—
คลื่นของแรงกดดันอันทรงพลังที่ปลดปล่อยออกมา ทำให้ซูอันไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย
จี้เติ้งถูคว้าคอเสื้อของเขาทันที “เจ้าทำอะไรกับเสี่ยวซี?”
“ท่านหมอ ใจเย็น ๆ นะ ใจเย็น ๆ” ซูอันจะสามารถคาดการณ์ปฏิกิริยาดังกล่าวได้อย่างไร? เขาร้องออกมาด้วยตกใจทันที “ข้าไม่ได้ทำอะไรนาง!”
“แล้วทำไมเจ้าถึงให้ข้าถามนางว่าไอ้นั่นของเจ้าหายดีแล้วหรือไม่?” ดวงตาของจี้เติ้งถูฉายแววอันตราย ท่าทางเลอะเทอะตามปกติของเขาไม่หลงเหลือให้เห็นเลยแม้แต่น้อย
“นางถามข้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าก็เลยเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้นางฟัง!” ซูอันตาลีตาเหลือกอธิบาย พ่อทุกคนเป็นแบบนี้หรือเปล่า? เมื่อคิดว่าผู้ชายคนอื่นเข้าใกล้ลูกสาวของตัวเอง พวกเขาจะทำตัวเหมือนจงอางหวงไข่เหมือนกันทุกคนแบบนี้ไหม?
เมื่อได้ยินคำพูดเช่นนี้ของซูอัน ท่าทีแข็งกร้าวของจี้เติ้งถูก็ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ตาม เขานึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงขมวดคิ้วอีกครั้งในทันที “ทำไมเจ้าสองคนถึงคุยกันเรื่องนี้?”
“ปกติเสี่ยวซีก็เป็นคนใจดีอยู่แล้ว ไม่แปลกใช่ไหมที่นางจะเป็นห่วงเป็นใยเพื่อนของนาง?” ซูอันพยายามแกะมือของหมอเทวะออกจากคอเสื้อของเขา “นอกจากนี้ นางสนใจด้านการแพทย์อย่างจริงจังมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อนางรู้เรื่องอาการป่วยที่หาได้ยากของข้า นางย่อมสนใจในวิธีการรักษาเป็นธรรมดา”
หลังจากพูดเช่นนี้ อารมณ์ของเขาก็เริ่มคุกรุ่น “จริงด้วย! ท่านหลอกข้า! ถ้าเสี่ยวซีไม่บอกข้า ข้าคงไม่รู้หรอกว่ายาคลายผนึกของท่านถูกปรุงขึ้นมาแบบคาดคะเน! ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้ผลหรือไม่!”
สิ่งนี้บรรเทาความสงสัยข้อสุดท้ายของจี้เติ้งถู เขาคลายมือที่กำคอเสื้อของซูอันและพูดพร้อมกับหัวเราะอย่างเขินอายว่า “ข้าไม่ได้บอกเจ้าเกี่ยวกับเรื่องนั้นเพราะสภาพจิตใจของผู้ป่วยก็มีผลต่อการรักษาเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น ข้ามีความมั่นใจเจ็ดถึงแปดส่วนในสูตรยา…”
เสียงของเขาค่อย ๆ ขาดช่วงไป เขานิ่งเงียบเมื่อความเชื่อมั่นในตนเองลดลง
ฮึ่ม! ซูอันเย้ยหยัน
เจ้าคิดว่าข้าจะหลงเชื่อเจ้าอีกทีงั้นเหรอ! ไอ้แก่…เจ้าไม่ได้มั่นใจในสูตรยามั่วซั่วนั่นเลย ถ้าร่างกายของข้าไม่ได้วิชาปฐมบทแรกเริ่มเข้าฟื้นฟู ข้าคงถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำเล่า!
“อย่าโกรธข้าเลย” จี้เติ้งถูหัวเราะเบา ๆ “ดูสิ ตอนนี้เจ้าก็ไม่เป็นอะไรแล้วนี่จริงไหม? ข้าสามารถบอกได้ว่าพลังของเจ้านั้นเต็มเปี่ยม และทะเลชีพจรหยางของเจ้าก็แข็งแกร่งและมั่นคงกว่าผู้ชายทั่วไปมาก ตอนนี้เจ้าควรจะมีความสุขไม่ใช่เหรอ?”
มีความสุขกับผีสิ!
ซูอันสบถในใจ ทว่าในความเป็นจริงนั้น ชายหนุ่มก็รู้สึกกลัวเล็กน้อย ผู้ชายคนนี้วัดชีพจรของข้าได้ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ จากการที่เขาคว้าคอเสื้อของข้า…ความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ระดับนี้ช่างน่ากลัวจริง ๆ
แต่แล้วงจู่ ๆ จี้เติ้งถูก็หุบยิ้มลง “เอาล่ะ นับจากนี้ต่อไป เจ้าจงอยู่ให้ห่างจากเสี่ยวซีเข้าไว้ เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าใกล้นางอีก” เขากล่าวอย่างจริงจัง
“ทำไม?” ซูอันตกตะลึง จี้เสี่ยวซีน่ารักและใจดี แถมนางก็ปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดี ใครจะไม่ต้องการเพื่อนแบบนาง?
“ไม่มีคำว่า ‘ทำไม’” จี้เติ้งถูพ่นลมหายใจ “ก่อนหน้านี้ข้าไม่รังเกียจที่เจ้าสองคนจะเป็นเพื่อนกันเพราะไอ้นั่นของเจ้ามันเป็นงูง่อย แต่ตอนนี้มันใช้งานได้ดีแล้ว ไม่มีทางที่ข้าจะเปิดโอกาสให้เจ้าทำร้ายลูกสาวแก้วตาดวงใจของข้า!”
ดวงตาของซูอันเบิกกว้างเมื่อเขาได้ยินคำว่า ‘งูง่อย’ ได้โปรดอย่าพูดตรง ๆ ได้ไหม?…
จี้เติ้งถูมองเขาด้วยท่าทางแปลก ๆ และกล่าวเสริมว่า “นอกจากนี้ เจ้ายังเขียนหนังสือประเภทนั้นด้วย หัวของเจ้าต้องเต็มไปด้วยเรื่องอย่างว่าแน่นอน ข้าจะรู้สึกสบายใจได้ยังไงเมื่อรู้ว่าเจ้าอยู่ใกล้ลูกสาวของข้า?”
ซูอันทำได้เพียงแค่จ้องมอง…
ข้ากำลังถูกใส่ร้าย!!! ไม่ใช่เจ้าหรือที่ต้องการอ่านหนังสือประเภทนั้น ข้าไม่ได้เขียนหนังสือพวกนั้นด้วยซ้ำ!