บทที่ 390 วันที่ดี

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 390 วันที่ดี
บทที่ 390 วันที่ดี

“พอแล้วดีกว่า เรื่องเครียด ๆ เราพูดกันแค่นี้พอ” จี้เติ้งถูเปลี่ยนหัวข้อสนทนาอีกครั้ง “อย่าให้เรื่องแบบนี้มาทำให้พวกเราต้องหมางใจกันเลย กลับมาเข้าเรื่องของเรากันต่อเถอะ ไอ้หนู เมื่อไหร่ข้าจะได้เรื่องราวของอาจารย์ใหญ่เกาตอนที่สองจากเจ้า?”

“ส่วนที่สองของเรื่องนั้นข้ายังไม่มีอยู่ในหัวเลย!” ซูอันเคี้ยวฟัน “แต่ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง ท่านต้องการหรือไม่?”

“เอ่อ…ยังไม่มีภาคสองเหรอ?” ใบหน้าของจี้เติ้งถูเต็มไปด้วยความผิดหวัง “แล้วเรื่องใหม่ดีเท่าเรื่องที่แล้วหรือเปล่า?”

“ใช่ มันน่าตื่นเต้นและมหัศจรรย์ยิ่งกว่าเดิมอย่างแน่นอน ข้ารับประกันว่าท่านจะรู้สึกถึงอารมณ์ที่ท่านไม่เคยรู้สึกมาก่อน!” ซูอันยิ้มอย่างลึกลับ ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ เพื่อประโยชน์ในการรับการรักษาจากจี้เติ้งถู ชายหนุ่มได้เตรียมหนังสือหลายเล่มไว้เพื่อรองรับรสนิยมของหมอเทวะผู้นี้

มีหนังสือมากมายหลากหลายประเภท เขาแค่ไม่รู้ว่าจี้เติ้งถูจะชอบเรื่องไหน

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ ซูอันไม่นึกเลยว่าเรื่องราวของอาจารย์เกาเพียงเรื่องเดียวก็เพียงพอที่จะทำให้จี้เติ้งถูติดอกติดใจได้อยู่นานสองนานขนาดนี้? ดังนั้นจึงไม่รีบร้อนที่จะปล่อยหนังสือเล่มอื่น

อย่างไรก็ตาม…ในที่สุดโอกาสพิเศษก็มาถึง

“น่าตื่นเต้นและวิเศษกว่าเดิมอีกเหรอ?” ดวงตาของจี้เติ้งถูเป็นประกาย เขาถามอย่างใจร้อน “อยู่ที่ไหน? เร็วเข้า มอบมันให้ข้า…ให้ข้า!”

“ท่านรอที่นี่สักครู่ก็แล้วกัน!” ซูอันรีบวิ่งกลับไปที่ห้องของเขา แล้วหยิบหนังสือที่มีปกสีเขียวออกมาจากใต้เตียง พร้อมกับมีรอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าของตัวเอง

เขารีบกลับไปหาจี้เติ้งถูที่กำลังชะเง้อมองไปมาอย่างกังวลใจ และเดินพล่านไปมาราวกับแมวบนหลังคาที่ร้อนระอุ

“เอ้า นี่!” ซูอันโยนหนังสือเล่มเล็กสีเขียวในมือของเขาให้อีกฝ่าย

ดวงตาของจี้เติ้งถูเบิกกว้างและเขารีบทำท่าจะเปิดอ่านอย่างไม่อดทน แต่ซูอันหยุดเขาเอาไว้ก่อน “ท่านไปอ่านตอนกลับถึงบ้านจะดีกว่า มันคงจะดูแย่ถ้าท่านถูกจับได้ว่าอ่านเรื่องลามกในคฤหาสน์ตระกูลฉู่”

คำพูดของซูอันฟังดูมีเหตุผลต่อจี้เติ้งถู ถ้ารู้สึกร้อนรุ่มขณะอ่านหนังสือ มันไม่มีทางที่เขาจะสนุกกับตัวเองในที่สาธารณะแบบนี้ได้ มันจะดีกว่ามากถ้าเขาค่อยๆ สนุกกับมันในห้องของเขาเอง และเมื่ออารมณ์ของเขาเริ่มได้ที่แล้ว ก็จะสามารถจัดการตัวเองได้…

ท่าทางของจี้เติ้งถูที่ดูเหมือนคนที่เพิ่งได้รับสมบัติล้ำค่า ทำให้ซูอันเยาะเย้ยในใจ เรื่องนี้ค่อนข้างพิเศษ…แค่สีของปกก็สะท้อนถึงเนื้อหา

เรื่องราวในหนังสือเล่มที่เขาเคยมอบให้กับจี้เติ้งถู ประเด็นหลักมันมุ่งความสนใจไปที่นางเอกและนางรองคนอื่น ๆ ซึ่งชอบใช้พระเอกเป็นเหมือนเครื่องมือระบายอารมณ์ที่น่าสงสาร

อย่างไรก็ตาม…หนังสือเล่มนี้แตกต่างออกไป มันถูกเขียนขึ้นในรูปแบบของนวนิยายแบบดั้งเดิมตั้งแต่ต้นจนจบ ในเรื่องนี้ผู้อ่านจะได้รับประสบการณ์ในมุมมองของตัวเอกชายราวกับว่าตัวผู้อ่านเป็นพระเอกซะเอง จากนั้นเมื่อถูกดูดเข้าไปในโลกแห่งนิยาย กว่าจะรู้ตัวมันก็สายเกินไปแล้ว

เมื่อโครงเรื่องเริ่มเปิดเผย และปมต่าง ๆ เริ่มเข้มข้นขึ้น พร้อมกับการพัฒนาของตัวละครที่เป็นไปแบบหลากหลายมิติ ผู้อ่านจะพบว่าความตื่นเต้นของตัวเองถูกปลุกเร้า ปล่อยให้เขาสั่นสะท้านขณะที่คาดหมายว่าความฝันจะเป็นจริง…แต่แล้วจู่ ๆ เนื้อเรื่องตอนท้ายจะหักมุมจากการถูกทรยศและนอกใจให้รู้สึกอัปยศ!

เนื้อเรื่องแบบนี้มันคงมีพวกคนประหลาดไม่กี่คนที่คิดว่าเรื่องราวดังกล่าวน่าพอใจ คนธรรมดาส่วนใหญ่ที่อ่านเรื่องนี้จะรู้สึกหดหู่ใจอย่างสิ้นเชิง สำหรับบางคน…มันอาจทำให้จิตใจของพวกเขาเศร้าหมองอย่างถาวร

ทั้งหมดเป็นความผิดของจี้เติ้งถูที่คอยกลั่นแกล้งข้า คราวนี้ข้าจะสอนบทเรียนให้เขาบ้าง!

แค่จินตนาการถึงใบหน้าที่ซึมเศร้าและขาดศรัทธาในโลกของจี้เติ้งถูหลังจากที่อ่านหนังสือจบ ชายหนุ่มก็รู้สึกอยากจะหัวเราะออกมาดัง ๆ จนเผลอยิ้มให้กับความคิดนั้นโดยไม่รู้ตัว

“เจ้ายิ้มอะไร?” จี้เติ้งถูมองเขาด้วยความสงสัย

“ไม่มีอะไร ข้าแค่มีความสุขที่ผนึกของข้าถูกทำลายไปแล้ว” ซูอันอธิบาย

“อืม นั่นเป็นเรื่องที่น่ายินดีจริง ๆ” จี้เติ้งถูโล่งใจอย่างชัดเจน มาถึงตอนนี้ ทั้งสองคนได้ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉู่แล้ว เมื่อมองไปรอบ ๆ อย่างลับ ๆ ล่อ ๆ เขาลากซูอันไปยังมุมที่ลับสายตาคน “ว่าแต่เมื่อคราวที่แล้ว เจ้าเอาชุดชั้นในของฉินหว่านหรูมาให้ข้า ตอนนี้เจ้าช่วยหยิบชุดอื่นให้ข้าอีกได้ไหม?”

“แล้วตัวที่ข้าเคยให้ท่านไปล่ะ เอาไปไว้ไหนแล้ว?” ซูอันขมวดคิ้ว เขาไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป จริง ๆ ก่อนหน้านี้…เสวี่ยเอ๋อร์เคยเป็นศัตรูตัวฉกาจที่เขาคิดว่าจะกำจัดทิ้งมากกว่าหนึ่งครั้ง ดังนั้นชายหนุ่มจึงสบายใจกับการส่งต่อชุดชั้นในของนางให้กับจี้เติ้งถู แล้วบอกว่าเป็นของฉินหว่านหรู ซึ่งเขาไม่คาดคิดเลยว่าตอนนี้เขาและเสวี่ยเอ๋อร์จะได้มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันแบบทุกวันนี้

ซูอันแทบอยากจะเอาเท้าก่ายหน้าผาก นี่ข้าเอาชุดชั้นในของภรรยาข้าไปให้ตาแก่ลามกนี่จริง ๆ เหรอ? โธ่ ไม่น่าเลย…

“ครั้งสุดท้ายที่ข้ากลับถึงบ้าน ป้าน้อยของเสี่ยวซีรู้และยึดมันไป…” เสียงของจี้เติ้งถูเต็มไปด้วยความเศร้าโศก เจียงลั่วฝูเป็นคนที่น่ากลัวมาตลอด!

“อะไรกัน ทำไมเป็นแบบนั้น?!” ซูอันทำท่าเสียใจแทนจี้เติ้งถู แต่ในใจรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง อาจารย์ใหญ่สุดสวย ท่านเก่งที่สุด! ข้าจะต้องหาโอกาสขอบคุณท่านอย่างดีในภายหลัง!

“ช่วยข้าหาหน่อยเถอะ ถ้าเจ้าเจอชุดอื่น ข้าจะยอมให้ทุกอย่างที่เจ้าขอจากข้า!” ด้วยความกังวลว่าซูอันจะไม่ทำตามคำขอของเขาอย่างจริงจัง จี้เติ้งถูจึงทุบหน้าอกของเขาดังตุ้บเพื่อแสดงความจริงใจ “ชื่อเสียงของจี้เติ้งถูนี้ยังคงระบือไกล! ผู้คนจำนวนมากล้วนแต่ต้องการให้ข้าเป็นหนี้พวกเขา แต่ข้ารังเกียจสิ่งมีชีวิตที่โลภโมโทสันเหล่านั้นมากจนไม่อาจหยั่งรู้ได้!”

ซูอันสาปแช่งอย่างเงียบ ๆ ให้ข้าไปขโมยเสื้อผ้าของแม่ยายให้? ถ้าถูกจับได้ ข้าจะไม่ถูกทุบตีตายเหรอ? ยิ่งไปกว่านั้น ต่อไปข้าจะมองหน้าชูเหยียนได้ยังไง?

อย่างไรก็ตาม คำพูดที่คนขี้เรื้อนคนนี้ใช้ก็สามารถหาผลประโยชน์ได้ “ท่านจะยอมทุกอย่างจริง ๆ เหรอ?”

ดูเหมือนว่าชายคนนี้จะหลงใหลในตัวฉินหว่านหรูมานานเกินไป เขาเต็มใจที่จะยอมรับทุกเงื่อนไขเพื่อแลกกับชุดชั้นในไม่กี่ชิ้นเลยงั้นเหรอ? แต่ก็เอาเถอะ…หากแค่ชุดชั้นในไม่กี่ตัวมันสามารถแลกเปลี่ยนกับจี้เสี่ยวซีที่น่ารักได้ มันก็อาจคุ้มค่าที่จะลองเสี่ยงดู

“อะไรก็ได้” จี้เติ้งถูชะงักทันที ราวกับว่าเขาอ่านใจของซูอันออก ชายแก่ได้พูดเสริมทันทีว่า “ยกเว้นลูกสาวของข้า!”

“เห็นข้าเป็นคนแบบนั้นจริง ๆ เหรอ!” ซูอันตะโกนทันที อย่างไรก็ตาม มันดูเป็นเรื่องบังเอิญที่แปลกประหลาด อยู่ ๆ จี้เติ้งถูมาคิดแบบเดียวกับเขาได้ยังไง? เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาเป็นคนประเภทเดียวกัน?

“ถ้างั้นก็ดี เอาเป็นว่าตกลงตามนั้น”

วันนี้ช่างเป็นวันที่ยอดเยี่ยมจริง ๆ เขาสามารถด่าทอฉู่จงเทียนซึ่งเป็นมารหัวใจที่ยาวนานของเขาได้ราวกับว่ากำลังดุลูกหลานของตัวเอง แถมวันนี้ยังได้รับทั้งหนังสือเล่มใหม่และข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมอีกต่างหาก

จี้เติ้งถูนั้นอารมณ์ดีและออกเดินทางกลับบ้านราวกับว่าตัวเองเป็นชายผู้โชคดีที่ถูกรางวัลใหญ่

ตรงกันข้ามกับจี้เติ้งถูที่เบิกบาน ภายในที่อยู่อาศัยอีกแห่งของเมืองจันทร์กระจ่าง ซือคุนเดินไปมาอย่างกังวล

แต่แล้วเมื่อจู่ ๆ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามปกติเขามักจะเป็นคนที่นั่งอดทนรอให้คนอื่นไปเปิดให้ แต่คราวนี้ เขากลับรีบเดินไปประตูด้วยตัวเองอย่างรวดเร็วหลังจากได้ยินเสียงเคาะทันที “ว่ายังไง? พบผู้เฒ่าซือหรือยัง?”

“ยังเลยนายน้อย เราได้ตรวจสอบสถานที่ที่เป็นไปได้ทั้งหมดแล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววของผู้เฒ่าซือ” ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขารายงานด้วยท่าทางที่จริงจัง

“มันจะเป็นไปได้ยังไง?” ซือคุนพึมพำกับตัวเอง เขาเดินโซเซถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วนั่งลงบนเก้าอี้

หลังจากส่งซือเล่อจื่อออกไปจับเฉียวเสวี่ยอิงคนทรยศเมื่อวันก่อน ชายหนุ่มเฝ้ารออย่างอดทนอยู่ในห้องนี้ ในใจเต็มไปด้วยความคาดหวังและตั้งตารอที่จะเสพสุขกับองค์หญิงเอลฟ์พฤกษาคนนั้นให้สมใจ

ทว่าหลังจากที่รอมาเป็นเวลานานโดยไม่ได้รับข่าวใด ๆ เขาก็ผล็อยหลับไป และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาในเช้าวันรุ่งขึ้น ซือเล่อจื่อก็ยังไม่กลับมา

ในตอนแรกเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกโกรธ ชายหนุ่มคิดว่าซือเล่อจื่อ อาจพาเฉียวเสวี่ยอิงที่จับตัวมาได้ไปยังสถานที่อันเงียบสงบเพื่อหาความสุขใส่ตัวเอง

เหตุที่เขาเข้าใจไปอย่างนั้นก็เพราะซือเล่อจื่อได้นำยาปลุกกำหนัดสูตรพิเศษของตระกูลซือติดตัวไปด้วย ยาสูตรนี้แม้แต่หญิงสาวที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาที่สุดก็ยังสูญเสียตัวตนของตัวเองไปได้โดยสิ้นเชิง เสวี่ยเอ๋อร์เป็นหญิงสาวที่งดงามมาก จึงไม่แปลกใจถ้าหากซือเล่อจื่อจะไม่สามารถยับยั้งความต้องการของตัวเองได้…

อย่างไรก็ตาม หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ความสงสัยในข้อนี้ก็เริ่มจะจางไป ซือเล่อจื่อรับใช้ตระกูลซือมาหลายปีแล้ว ทั้งยังคงภักดีและอุทิศตนอยู่เสมอ อีกทั้งต้องรู้ถึงราคาของการทรยศต่อตระกูลซือ ดังนั้น ซือเล่อเจื่อจึงไม่น่าเลือกทำเรื่องที่โง่เขลาแบบนั้น

ดังนั้นคำอธิบายเดียวที่เป็นไปได้ก็คือมีบางอย่างผิดพลาด…

เขาส่งลูกน้องทั้งหมดภายใต้บังคับบัญชาออกไปตามหาทันที แต่ไม่มีใครพบแม้แต่เงาของซือเล่อจื่อ

“เป็นไปได้ไหมว่าอาจจะเป็นตระกูลฉู่?” ลูกน้องคนหนึ่งถาม “ข้าได้ยินมาว่ามีมือสังหารลอบบุกเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลฉู่เมื่อคืนนี้ และถูกฆ่าตายไปแล้ว…”