ตอนที่ 444 ไปอาศัยที่บ้านไร่ (2)
สรุปว่าเป็นการปกป้อง หรือสอดแนมกันแน่
ไม่สนใจแล้ว ปกป้องก็ดี สอดแนมก็ช่าง อย่างไรก็ทำตามพระราชเสาวนีย์ก็พอแล้ว
ความคิดของทั้งสองคนล้วนมีเพียงแค่เสี้ยวพริบตา และถอนสายตากลับมาพร้อมกัน
รองผู้บัญชาการเหวยอธิบายถึงเหตุผลการมาเยือน
“ฝ่าบาทให้ข้าน้อยนำทหารม้าจำนวนหนึ่งร้อยนายมาคุ้มครองความปลอดภัยของคุณหนูใหญ่มั่วจนถึงตอนที่จวนกั๋วกงสร้างเสร็จ และคุณหนูใหญ่มั่วเดินทางกลับเมืองหลวงขอรับ”
ทหารม้าหนึ่งร้อยนายมาคุ้มครองความปลอดภัยของนาง ฮ่องเต้มีแผนการจริงๆ
ฮ่องเต้ไม่เสียทีที่เล่นการเมือง เรื่องแบบนี้เรื่องหนึ่ง เขาก็ไม่ลืมสร้างชื่อเสียงจากเรื่องพวกนี้
จะทำก็ต้องทำเต็มที่ บุตรีกำพร้าของท่านกั๋วกงไม่ได้ปกป้องดูแลจวนให้ดี ฮ่องเต้ไม่เพียงไม่ลงโทษ ยังจะสร้างจวนกั๋วกงขึ้นใหม่อย่างเอิกเกริก และส่งคนมาคุ้มครองความปลอดภัยบุตรีกำพร้าของกั๋วกงด้วย
คิดว่าในใจของเหล่าทหารกล้าล้วนรู้สึกอบอุ่นสินะ
ฮ่องเต้ต้องการชื่อเสียงก็ให้เขาต้องการไป อย่างไรขอเพียงแค่ไม่พุ่งเป้ามาที่นางอีกก็พอ
ส่วนเรื่องสอดแนม มั่วเชียนเสวี่ยมีวิธีหลบหลีกมากมาย
อีกอย่าง ตอนนี้นางไม่มีเรื่องอันใดที่ต้องกลัวฮ่องเต้จะรู้จริงๆ
เมื่อจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็ไม่อยากอยู่ที่จวนมั่วอีกสักนาทีเดียว
“ใต้เท้าเหวย ฟ้าก็มืดแล้ว เชิญใต้เท้าเหวยรีบเดินทางเถอะ เชียนเสวี่ยยังต้องไปดูพื้นที่สร้างจวนกั๋วกงสักหน่อย กำชับบางเรื่องที่ต้องระวังแล้วค่อยออกจากเมืองไปบ้านไร่ ลำบากใต้เท้าเหวยแล้วเจ้าค่ะ”
รองผู้บัญชาการเหวยก็มีท่าทีเกรงใจมากเช่นกัน “คุณหนูใหญ่กล่าววาจาอันใดกัน การคุ้มครองคุณหนูใหญ่เป็นราชโองการของฝ่าบาทขอรับ”
ผู้อาวุโสใหญ่กับผู้อาวุโสรองก็เอ่ยสำทับอยู่ด้านหลัง พลางส่งแขก “ใต้เท้าเหวย ลำบากท่านแล้วขอรับ”
ในเมื่อเป็นพระราชเสาวนีย์ของฮ่องเต้ ให้มั่วเชียนเสวี่ยไปพักที่บ้านไร่ในวันนี้ พวกเขาก็ไม่กล้ารั้งเอาไว้มากกว่านี้
“เชียนเสวี่ยเอ๋ย เจ้าต้องปฏิบัติต่อใต้เท้าเหวยดีๆ อย่าได้สร้างปัญหาให้กับใต้เท้าเหวยเด็ดขาด…”
มั่วเชียนเสวี่ยแค่นเสียงเบา หมุนตัวไปทันที ตั้งแต่เข้าห้องโถงมาจนถึงตอนนี้ กระทั่งหางตาก็ไม่ได้ปรายตามองผู้อาวุโสใหญ่และผู้อาวุโสรองสักนิด
ผู้อาวุโสทั้งสองรู้สึกกระอักกระอ่วนอย่างยิ่งทันที
คุณหนูใหญ่ท่านนี้แม้ว่าจะฐานะสูงศักดิ์ แต่ก็ไม่ควรจะปฏิบัติตัวยโสโอหังต่อผู้อาวุโสเช่นนี้! รองผู้บัญชาการเหวยคิ้วขมวด ในใจก็รู้สึกแย่ต่อภาพลักษณ์ของมั่วเชียนเสวี่ยลงมาก
แต่นี่เป็นเรื่องในครอบครัวผู้อื่น เกี่ยวอันใดกับเขาด้วย เขาแค่คุ้มครองความปลอดภัยของนางให้ดีก็พอแล้ว
เขายื่นมือทำท่าเชื้อเชิญ มั่วเชียนเสวี่ยพยักหน้า เดินนำหน้าออกจากจวนมั่วไป
ตอนที่ไปถึงจวนกั๋วกง ขุนนางทุกคนที่ช่วยสร้างจวนกั๋วกงขึ้นใหม่มาถึงแล้ว กำลังปรึกษาสิ่งที่ต้องระวังและความต้องการอยู่กับพ่อบ้านมั่วอยู่
เห็นมั่วเชียนเสวี่ยกลับมา พ่อบ้านมั่วก็ทิ้งขุนนางเหล่านั้นแล้วก้าวเข้ามาทำความเคารพมั่วเชียนเสวี่ย
มั่วเชียเสวี่ยก็ไม่อ้อมค้อม ออกคำสั่งกับพ่อบ้านมั่วทันที หากมีคนมาถาม ก็เอ่ยเพียงแค่ว่านางกับตระกูลมั่วมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน บอกไปว่าคุณชายสองท่านนั้นสิ้นชีพในเหตุการณ์เพราะช่วยดับเพลิงไหม้อะไรพวกนี้
พ่อบ้านมั่วนิ่งอึ้ง เขาเห็นบริเวณแผงอกของมั่วจื่อฮว่ามีรูหนึ่งรู มั่วจื่อเยี่ยถูกคนใช้กลอุบาย ตัวแข็งทื่อ ขยับไม่ได้อยู่บนพื้นเลยถูกเปลวเพลิงกลืนกิน
พวกเขาพบกับจุดจบเช่นนี้ย่อมเป็นเพราะวางแผนร้ายที่ไม่เป็นผลดีต่อคุณหนูใหญ่
แต่ แม้ว่าพ่อบ้านมั่วจะไม่เข้าใจว่า ทำไมคุณหนูใหญ่ถึงต้องปกป้องคนตระกูลมั่ว แต่กลับยังคงพยักหน้า เพราะเขาก็แซ่มั่วเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะเกลียดทุกคนในตระกูลมั่วที่พยายามกำจัดมั่วเชียนเสวี่ยให้สิ้นซาก แต่กลับไม่หวังให้ตระกูลมั่วถูกริบทรัพย์ฆ่าล้างตระกูลจริงๆ
สั่งการพ่อบ้านมั่วเสร็จ จัดการเรื่องราวบางอย่างนอกจากนี้เรียบร้อยแล้ว มั่วเชียนเสวี่ยก็รับชูอี สืออู่ อาซาน และอาอู่ จากนั้นก็ถือโอกาสที่ฟ้ายังไม่มืด มุ่งหน้าตรงไปนอกเมือง
ขบวนเดินทางขนาดใหญ่ของมั่วเชียนเสวี่ยเพิ่งจะออกเดินทาง เฟิงอวี้เฉินก็พาคนของเขาตามไปด้านหลังติดๆ
เดินทางไปได้ไม่ไกล ซูชีก็นำทหารของจวนแม่ทัพเก้าประตูคุ้มกันการเดินทางตามอยู่ด้านหลัง
คนทั้งสองขบวนไม่ได้บอกนาง และดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวแก่นาง เดินตามอยู่ท้ายขบวนเองทันที
มั่วเชียนเสวี่ยเลิกม่านขึ้น ก็เห็นเฟิงอวี้เฉินขี่ม้าติดตามด้วยใบหน้าเย็นชา เห็นซูชีที่มีใบหน้าไร้ความรู้สึกเช่นเดียวกัน และก็เห็นเงาร่างผอมบางของท่านหญิงซูซูที่ขี่ม้าติดตามอยู่ด้านหลังซูชีตลอดทาง ในใจก็รู้สึกปลงอนิจจัง
ตอนนี้ เวลานี้ นางยังจะกล่าวอันใดได้อีก
ชูอีกับสืออู่นั่งอยู่ในรถม้าเป็นเพื่อนมั่วเชียนเสวี่ย
ชูอีนั้นนิ่งเงียบ สืออู่กลับเป็นคนที่เก็บวาจาเอาไว้ไม่อยู่ จึงรู้สึกไม่พอใจกูเหยียที่นางชื่นชมยกย่องมาตลอด
ปากก็งึมงำว่าคนอื่นล้วนรู้จักส่งคนไปส่ง แต่กูเหยียกลับไม่มีแม้กระทั่งเงา
มั่วเชียนเสวี่ยเพียงแค่ยิ้มๆ
ถนนสายหลักและตรอกเล็กซอยน้อยในเมืองอึกทึกครึกโครมขึ้นมาอีกครั้ง
เพียงเพราะคุณหนูใหญ่แห่งจวนกั๋วกงออกจากเมือง ขบวนเดินทางถึงกับยิ่งใหญ่กว่าขบวนเสด็จขององค์หญิงสามส่วน
นางไม่เพียงเป็นภรรยาที่ยังมิได้แต่งเข้าตระกูลของหัวหน้าตระกูลหนิง แต่ยังมีทหารม้าของฮ่องเต้คุ้มกัน มีคุณชายซูชีของตระกูลซูนำทหารของแม่ทัพเก้าประตูคุ้มครอง มีว่าที่หัวหน้าตระกูลเฟิงในอนาคตนำองครักษ์กลุ่มหนึ่งคุ้มครอง
ความโดดเด่นของใครในเมืองหลวงจะสามารถอยู่เหนือนางได้!
คนในเมืองหลวง ใครยังกล้าปฏิบัติต่อหน้าด้วยความไม่เคารพอีก
ชั่วพริบตาเดียว คนที่น่าสงสารในสายตาคนอื่น ได้กลายเป็นคนที่มีความสุขมากที่สุด
ถึงบ้านไร่นอกเมือง มั่วเชียนเสวี่ยยังคงไปกล่าวขอบคุณซูชีกับเฟิงอวี้เฉินด้วยตนเอง
ซูชีพยักหน้าให้นางและจากไปโดยไม่กล่าววาจาใด ส่วนซูซูปลอบใจนางอย่างใจกว้างสองประโยค ก่อนจะตามขบวนแม่ทัพเก้าประตูไป
เฟิงอวี้เฉินมองทหารม้าร้อยนาย จากนั้นก็มองไปทางองครักษ์ร่างกายกำยำด้านหลังมั่วเชียนเสวี่ยอีกสามสิบคน พลางเอ่ยกำชับให้นางระมัดระวังตัว ก่อนจะจากไปอย่างวางใจ
แม้เขาจะไม่เข้าใจว่าเหตุใดเบื้องบนถึงได้มีท่าทีเปลี่ยนไป แต่มีหัวหน้าตระกูลหนิงอยู่ คิดว่าฮ่องเต้ก็คงจะไม่หุนหันพลันแล่นอีกเช่นกัน
มั่วเชียนเสวี่ยจัดให้รองผู้บัญชาการเหวยและทหารอีกร้อยนายพักอยู่ในสถานที่ซึ่งหากจากบ้านไร่ไปสามลี้กว่า แค่นางกับคนที่นางพามาด้วยกันพักอยู่ในบ้านไร่นี้ก็มากพอแล้ว ยังจะสามารถรองรับคนมากมายขนาดนั้นได้อีกที่ไหนกัน
หนิงเซ่าชิงไม่ได้มาส่งในเมืองหลวง เพราะเขาแอบมาที่บ้านไร่แห่งนี้แต่แรกแล้ว หากว่าเดินทางจากเมืองหลวงมาที่นี่อย่างเอิกเกริก ก็คิดว่าเมื่อส่งถึงแล้วก็ต้องกลับไปเหมือนกับพวกซูชี
เขาตั้งใจที่จะไม่กลับไป
เชียนเสวี่ยพักที่บ้านไร่แห่งนี้เป็นครั้งแรก เขาต้องอยู่เป็นเพื่อนนาง
เมื่อมั่วเชียนเสวี่ยจัดการที่พักใหัทหารม้าร้อยนายเรียบร้อยแล้ว ก็พาคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในบ้านไร่ ถึงได้พบว่าเรือนภายในบ้านไร่ได้เก็บกวาดเสร็จหมดแล้ว
หลังจากหนิงเซ่าชิงรู้ว่านางออกจากวังหลวงมาอย่างปลอดภัย ก็นำเหล่าบ่าวใช้เร่งเดินทางมาที่บ้านไร่ ตอนนี้ก็เก็บกวาดไปได้พักใหญ่แล้ว ไม่กล่าวถึงว่าเก็บกวาดได้หรูหราเพียงใด อย่างน้อยห้องหับก็นับว่าสะอาดเรียบร้อย
ตาเฒ่าหูที่เฝ้าดูแลบ้านไร่ในอดีต ถูกหวังเทียนซงส่งไปเฝ้าต้นไม้แล้ว
ในบ้านไร่นอกจากคนที่ซื้อมาใหม่ไม่กี่คน ก็มีเพียงแค่สองสามีภรรยาหวังเทียนซงกับสองสามีภรรยาที่มาจากหมู่บ้านหวังจยาและซีซี
เพียงแต่ในใจของพวกเขาสรุปไปแล้วว่าพวกเขาสองคนเป็นสามีภรรยากัน จึงไม่ได้รู้สึกอะไร
เหล่าคนที่ซื้อมาใหม่ทำความสะอาดเรียบร้อย ก็ถูกไล่ออกไปนานแล้ว