นางน้อยจอมพลังของนายพลบ้านนา บทที่ 243 จัดการตามสะดวก
สวีฉางหลินแบกไม้คานขึ้นมาบนไหล่ของตนเองแล้วพูดว่า “มันก็ถือว่าหนักอยู่”
มีห่านเพิ่มขึ้นอีกสิบหกตัว แน่นอนว่าหนักขึ้น แต่เขาจะปล่อยให้ภรรยาแบกภาระที่หนักกว่าได้อย่างไร ?
โจวกุ้ยหลานเองก็เข้าใจในสิ่งที่เขาหมายถึง ใบหน้าของนางเป็นสีแดง หันหน้าหนี ไม่อยากให้เขาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงของนาง
คิดไปคิดมา ผู้ชายคนนี้ไม่สบอารมณ์เอาเสียเลย……
แต่ด้วยนิสัยแบบนี้ของเขา กลับทำให้คนอดรู้สึกอยากเข้าใกล้ไม่ได้……
โจวกุ้ยหลานดึงสติกลับคืนมา เดินต่อไปด้านหน้า เห็นว่ามีห่านขาย นางจึงซื้อห่านมาเพิ่มอีกยี่สิบตัว เมื่อลองคำนวณดู มันก็ไม่ใช่น้อย ๆ
คิดไปนี่มันก็เพิ่งต้นปี ไม่รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร โจวกุ้ยหลานยังคิดอยากลอง ในตอนนั้นก็หยุดมือทันที
มองไปด้านหน้าเห็นว่ายังมีวัวขายอยู่ ในใจของโจวกุ้ยหลานต้องการมัน แต่เมื่อนึกถึงเงินที่อยู่ในมือ นางกัดฟัน ทำได้เพียงอดทนไว้เท่านั้น
อีกอย่าง พวกเขาอาศัยอยู่บนภูเขา เกวียนวัวไม่สามารถขึ้นไปได้
ทั้งสองคนเดินไปอยู่ครู่หนึ่ง ก็เห็นว่ามีลูกแกะขาย
น่าเสียดายที่ไม่มีแม่แกะ ไม่อย่างนั้นนางคงมีนมแกะให้ครอบครัวได้ดื่มตลอดทั้งปี
โจวกุ้ยหลานครุ่นคิด สุดท้ายก็ถามราคาออกไป
คนผู้นั้นยิ้มแล้วพูดว่า “ลูกแกะตัวนี้ราคาห้าตำลึง”
“นี่มันแพงเกินไปหรือเปล่า ? ก่อนหน้านี้ข้าเคยซื้อแม่แกะและลูกแกะมาในราคาเพียงสิบกว่าตำลึง !”
คนผู้นั้นส่ายหน้า “เจ้าไม่รู้หรือว่าปีนี้ราคาแกะนั้นเพิ่มขึ้น ตอนที่พวกข้าซื้อมามันก็ราคาเท่านี้”
ด้วยคำพูดนี้โจวกุ้ยหลานจึงไม่คิดต่อรอง คนผู้นี้คือพ่อค้าเร่ที่หาผลกำไรจากส่วนต่าง
โจวกุ้ยหลานส่ายหน้าและเดินจากไป ชายผู้นั้นรั้งนางไว้และอธิบายออกมา เขาบอกว่าครอบครัวของเขาค้าขายแกะอยู่ในตลาดแห่งนี้ เมื่อนางจากไป ยังไงก็ไม่มีทางซื้อแกะได้
โจวกุ้ยหลานขี้เกียจจะสนใจเขา ยกเท้าขึ้นและเดินต่อไป ไม่รู้ว่าชายผู้นั้นตะโกนอะไรออกไป ชายสี่คนที่อยู่ใกล้ ๆ วิ่งเข้ามาล้อมรอบสองสามีภรรยาไว้
“แกะของพวกข้าราคาสูง เจ้าดูแล้วไม่ซื้อ ถึงเวลาข้านำแกะกลับไปแล้วมันเกิดป่วยขึ้นมาใครจะรับผิดชอบ ?”
คำพูดนี้……ช่างไร้ยางอายเหลือเกิน
“เจ้าพูดแบบนี้ก็เหมือนว่าเจ้าเป็นคนสร้างถนนเส้นนี้ ต้นไม้ต้นนี้เป็นของพวกเจ้า แล้วบังคับให้พวกข้าที่มาที่นี่ที้งค่าผ่านทางอย่างนั้นหรือ ?” โจวกุ้ยหลานพูดส่อเสียดออกมา
ชายผู้นั้นส่งเสียง “เอ๋ ? ” ออกมา จากนั้นก็หัวเราะดังลั่น “นี่พวกเจ้ารู้ด้วยหรือว่าพวกข้าหาเลี้ยงชีพด้วยวิธีนี้ ?”
เป็นโจรจริง ๆ อย่างนั้นหรือ ?
โจวกุ้ยหลานรู้สึกว่าตนเองเป็นคนพูดมากเกินไปจนน่ารำคาญ แต่นางพูดอะไรออกไปแล้วกลับเป็นจริงอย่างนั้นงั้นหรือ ?
“พวกเจ้าก็แค่ซื้อแกะสองตัวนี้ไป ไม่ก็ปล่อยให้เหล่าพี่น้องของข้าระบายความโกรธ แต่ข้าแนะนำให้เจ้านำเงินออกมาแต่โดยดี หากพวกเราพี่น้องลงมือขึ้นมา แบบนั้นคงไม่เบา……”
ในขณะที่เขากำลังพูด เขาก็เห็นชายที่อยู่ด้านหลังของนางก้าวออกมา หัวใจของเขาสั่นไหว รีบหันไปเปลี่ยนคำพูดทันที “จัดการผู้ชายคนนั้น ! จัดการมัน จะเป็นหรือตายไม่ต้องสนใจ !”
เมื่อทั้งสี่คนได้ยินเช่นนั้นก็พุ่งเข้าไปหาสวีฉางหลินทันที
โจวกุ้ยหลานไม่ได้เป็นห่วงสวีฉางหลิน นางแค่ไม่อยากเป็นตัวถ่วงของสวีฉางหลิน เพราะนางจะรู้สึกทุกข์ทรมาน
คิดแบบนี้นางก็วางตะกร้าหาบลง และรีบนำไม้ค้านออกมาเพื่อป้องกันตนเอง
“อย่าหาว่าข้าไม่เตือน ข้าเป็นลูกผู้ชายที่มีความอดทนสูง หนึ่งต่อห้าถือว่าไม่เสียเปรียบ !”
“ยัยผู้หญิงหยาบช้า ! หน้าตาดูไม่เลว อีกเดี๋ยวพวกเราพาตัวนางกลับไป ดูกันว่าลูกพี่ต้องการนางหรือเปล่า !” ชายผู้นั้นลูบคางของตน หรี่ตามองโจวกุ้ยหลาน
โจวกุ้ยหลานเบะปาก ชายผู้นี้รนหาที่ตาย แต่จะหามาว่านางไม่เตือนก็ไม่ได้……
หันไปมองสวีฉางหลิน เห็นใบหน้าของเขาดำเมี่ยมราวกับจะเกิดหยดน้ำ
แต่ก็แอบสงสารเจ้าพวกนี้เล็ก ๆ มีเรื่องกับใครไม่มี แต่มามีเรื่องกับสวีฉางหลิน?
ทันทีที่คิดถึงมันก็เห็นชายคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามาหาโจวกุ้ยหลานถูกเขาเตะล้มลงพื้น จากนั้นก็คนที่สอง สาม และสี่
ทุกคนถูกเตะตรงหน้าอก และในตอนนั้นนอกจากชายที่พูดจาโอ้อวดในตอนแรก ที่เหลืออีกสี่คนต่างล้มลงกับพื้น
โจวกุ้ยหลานได้แต่ส่ายหน้า มีเรื่องกับใครไม่มี แต่มามีเรื่องกับสวีฉางหลิน รู้ไหมว่าเขาแข็งแกร่งแค่ไหน ในตอนนั้นที่โรงเตี๊ยมเทียนเซียง ขนาดคนสิบกว่าคนยังไม่สามารถเข้าใกล้เขาได้เลย ?
ชายผู้พูดจาโอ้อวดเมื่อสักครู่ตกใจจนหนีกลับไป ปกติแล้วทุกคนจะถูกพวกเขาทุบตี แล้วพวกเขามาถูกทุบตีเสียเองแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
สวีฉางหลินก้าวไปด้านหน้าของเขา มองไปที่เขาอย่างเยือกเย็น ถามออกมาทีละพยางค์ว่า “เจ้าจะจับตัวน้องนางของข้าไปให้ลูกพี่เจ้าอย่างนั้นหรือ ?”
จับน้องนางไปให้ลูกพี่ เท่ากับแยกน้องนางไปจากเขา เท่ากับทำให้น้องนางต้องทุกข์ทรมาน เท่ากับเขาและน้องนางต้องตายอย่างโดดเดี่ยว ทำให้น้องนางกับเขาไม่ได้ตายไปพร้อมกัน !
ขาของชายผู้นั้นสั่น “เจ้า……เจ้าอย่าเข้ามา ! เจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร ? ข้าเป็นถึง……”
ยังไม่ทันพูดจบ เขาถูกเตะที่ท้อง เจ็บปวดถึงขั้นต้องนำมือมากุมไว้ ก้มตัวลง หายใจหอบ เหงื่อจำนวนมากไหลออกมาจากหน้าผาก
“ลูกพี่ของเจ้าเป็นใคร ?” สวีฉางหลินจ้องมองลงไปที่ชายผู้นั้นและถามออกมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง ชายผู้นั้นนำมือกุมท้องแต่ไม่พูดอะไร สวีฉางหลินขมวดคิ้วขึ้นมา
ไม่พูด ?
เขายกเท้าขึ้นอีกครั้ง เตะลงไปอย่างรุนแรง เหยียบชายผู้นั้นไว้ใต้ฝ่าเท้า
ชายผู้นั้นหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด ตอนนี้เขายิ่งพูดไม่ออก
แต่ฉากนี้ในสายตาของสวีฉางหลินเป็นเพียงแค่การปิดบังที่ซ่อนของลูกพี่เขาเท่านั้น ความโกรธในหัวใจเพิ่มมากขึ้น ยกเท้าขึ้นและเตะออกไปรุนแรงมากกว่าเดิม
คนที่อยู่ด้านข้างเห็นฉากดังกล่าวต่างทยอยเข้ามาล้อมรอบ เห็นคนถูกทำร้าย พวกเขาตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “ทำได้ดีมาก !”
“ใช่ พวกเขานี่แหละที่เคยรังแกพวกเรา !”
โจวกุ้ยหลานมองไปยังกลุ่มคนที่โกรธแค้น จากนั้นก็มองไปยังสวีฉางหลินซึ่งกำลังเตะชายผู้นั้นอยู่ อ้าปาก แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพื่อหยุดเขาไว้
ในเมื่ออดีตที่ผ่านมาทำร้ายผู้คนไว้มาก งั้นคราวนี้ก็ถึงเวลาที่จะต้องชดใช้และลิ้มรสกับสิ่งที่ตนเองเคยทำ !
ชายสี่คนที่อยู่ด้านข้างเห็นฉากนี้ พวกเขารู้ทันทีว่าในวันนี้เขาได้พบกับคนที่พวกเขาไม่สามารถต่อกรได้ ความตื่นตระหนกเกิดขึ้นในใจ ทำได้แค่นอนแกล้งตายอยู่บนพื้น
ผ่านไปครู่หนึ่ง ผู้หญิงอายุสามสิบกว่าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา กระโจนไปที่ลูกแกะสองตัวนั้น ดวงตาของนางเป็นสีแดง โอบกอดมันไว้ “แกะของข้า!”
ด้วยความจริงแล้ว แกะนี่ไม่ใช่ขอเจ้าพวกนี้งั้นหรือ ?
โจวกุ้ยหลานโกรธจนแทบพูดไม่ออก จากนั้นก้าวเดินออกไป ตบไหล่ของหญิงผู้นั้น ถามนางว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น
หญิงผู้นั้นจ้องมองเหล่าคนที่อยู่บนพื้น โกรธแต่ไม่กล้าพูด แต่สุดท้ายนางก็พูดออกมาว่า “พวกเขาใช้เงินสองร้อยอีแปะในการซื้อแกะสองตัวนี้จากข้า……”
สองร้อยอีแปะ……
นี่มันโจรชัดๆ !
“งั้นทำไมถึงไม่ยอมไปแจ้งเจ้าหน้าที่ ?” โจวกุ้ยหลานถามออกไป
หญิงผู้นั้นส่ายหน้าและตอบว่า “แจ้งเจ้าหน้าที่ไม่ได้ ! พวกเขาเป็นโจรในพื้นที่ กว่าเจ้าหน้าที่จะมาพวกเขาก็สังหารผู้แจ้งความไปก่อนแล้ว !”
โจวกุ้ยหลานขมวดคิ้ว นางไม่ค่อยเห็นด้วยกับความคิดของหญิงผู้นี้ แต่เข้าใจว่านางไร้ซึ่งกำลัง เนื่องจากไม่ใช่ทุกคนที่สามารถมีเรื่องกับคนอื่นได้เหมือนกับสวีฉางหลิน
“งั้นแกะของเจ้าพวกนี้ ยังขายมันอยู่หรือไม่ ?” โจวกุ้ยหลานถามออกไปอย่างเป็นทางการ