บทที่ 359 คิดว่าทุกคนโง่หรือไง

เก้าพี่น้องเลี้ยงซาลาเปาสุดแสบ

บทที่ 359 คิดว่าทุกคนโง่หรือไง

บทที่ 359 คิดว่าทุกคนโง่หรือไง

ยังเป็นเพียงแค่เด็กหญิงตัวน้อย ๆ แต่ทำไมถึงไร้ยางอายแบบนี้ล่ะ? เธอรู้ไหมว่าพฤติกรรมแบบนี้เรียกว่าอะไร? มันคือการขโมยนะ

พวกเขาเชื่อว่าโจวหรุ่ยซูรู้ที่มาของคะแนนตัวเองอยู่แล้วแหละ

แล้วก็รู้ด้วยว่าได้มันมาโดยไม่ถูกต้อง เพราะเธอขโมยมันมาเป็นของตัวเองไงล่ะ!

ที่น่ากลัวที่สุดคือ ดันมาอวดเบ่งต่อหน้าเจ้าของคะแนนตัวจริงเนี่ยสิ!

ครูสาวไม่รู้เรื่องนี้ แต่เธอรู้ว่าเสี่ยวเถียนสอบได้อันดับแรก ทว่าตอนนี้กลับมีอันดับแรกอีกคนออกมา

เธอคิดโดยไม่รู้ตัวว่าเด็กสาวที่แต่งตัวดูดีตรงหน้าน่าจะได้ที่สองรองจากเสี่ยวเถียน

แต่คะแนนก็ไม่ได้นับว่าแย่นะ

ในตอนที่กำลังจะเอ่ยว่าเสี่ยวเถียนต่างหากที่เป็นอันดับหนึ่งตัวจริง เจ้าตัวก็เอ่ยออกมาเสียก่อน

“ฉันหวังว่าหลังจากนี้เธอจะยังหัวเราะได้อยู่อีกนะ!” ว่าจบ เธอก็ไม่คิดโต้เถียงต่อแล้วหมุนตัวจากไป

โจวหรุ่ยซูร้อนรนมากที่โดนเสี่ยวเถียนมองมาเช่นนั้น ทว่าคำพูดของอีกฝ่ายมันไม่น่าให้อภัย

“หมายความว่ายังไง? แกพูดแบบนี้ได้ยังไง?”

เธอกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง

ฉืออี้หย่วนมองโจวหรุ่ยซูอย่างเย็นชา

“ถ้าไม่อยากให้ใครรู้สิ่งที่ตัวเองทำก็จงจำใส่สมองไว้ให้ดีว่า มนุษย์ทำสวรรค์เห็น! แค่ยังไม่ถึงเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น”

ก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้รู้สึกดีอยู่แล้ว ยิ่งวันนี้ได้เห็นท่าทางของเธออีก อย่าว่าแต่ความประทับใจเลย แค่มองก็คลื่นไส้แล้ว!

“แล้วฉันไม่ดีเท่ายัยบ้านนอกนี่ตรงไหนหรือ? ทำไมนายทำดีกับเธอ แต่พูดจารุนแรงกับฉันล่ะ?” โจวหรุ่ยซูทนความเย็นชาของอีกฝ่ายไม่ไหว จึงตะโกนใส่ด้วยความไม่เต็มใจ

เสี่ยวเถียนกลอกตาเมื่อได้ยินคำพูดเสียดสีของโจวหรุ่ยซู

นี่มัน…

นี่เปรียบเทียบตัวเองกับเธออยู่หรือ? คิดอย่างไรถึงเอาตัวเองมาเทียบ?

“พี่อี้หย่วน พี่มีความรักหรือ?” เสี่ยวเถียนเย้าแหย่

ใบหน้าของฉืออี้หย่วนมืดลงทันที

เขาหยุดเดินแล้วหันไปมองโจวหรุ่ยซู

ทว่าโจวหรุ่ยซูกลับคิดว่าคำพูดขอเธอสร้างผลกระทบให้อีกฝ่าย ใบหน้าจึงมีรอยยิ้มขึ้นมาในทันที

“นายยอมคุยกับฉันแล้วหรือ?” เด็กสาวถามอย่างมีความสุข

“ฉันไม่อยากคุยกับเธอ แค่เห็นเธอก็รู้สึกคลื่นไส้แล้ว!”

คำพูดของอี้หย่วน แม้แต่ครูสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยังทนฟังไม่ไหว

เด็กหญิงคนนี้เป็นคนหน้าตาดี แต่ทำไมพูดจาหยาบคายจัง? ไม่ว่าเด็กหญิงหรือสาวใหญ่ต่างก็มีนิสัยขี้อาย โดนเยาะเย้ยกันขนาดนี้ เกิดมีปัญหาขึ้นมาจะทำอย่างไร?

ฉืออี้หย่วนรู้สึกว่ายังพูดไม่พอจึงเอ่ยต่อ “เธอถามฉันว่า เธอมีเรื่องไหนที่แย่กว่าเสี่ยวเถียนสินะ ฉันถามใหม่ดีกว่าว่า เธอมีอะไรดีกว่าเสี่ยวเถียนบ้าง? หรือว่าหน้าหนา ๆ ทำให้เธอคิดว่าตัวเองเหนือกว่าคนอื่นล่ะ?”

“ฉัน… ฉันดีกว่ายัยบ้านนอกนี่ทุกอย่าง!” โจวหรุ่ยซูพูดด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

บ้านเธอเป็นคนหน้าตาดี แต่กลับดีไม่เท่ายัยบ้านนอกนี่เสียอย่างนั้น

เธออดกลั้นมันไม่ได้!

“เธอหรือ?” ฉืออี้หย่วนเหลือบมองอย่างเย็นชา ก่อนหมุนตัวจากไป

ครูสาวเห็นฉืออี้หย่วนเดินมาก็อดพูดไม่ได้ “พ่อหนุ่ม ถึงไม่ชอบก็อย่าทำร้ายกันแบบนั้นเลย!”

เสี่ยวเถียนมองอี้หย่วน จากนั้นก็มองครูสาวก่อนหัวเราะออกมา

ทว่าคนเป็นครูกลับไม่รู้ว่าทำไม

“ครูรอก่อนเถอะค่ะ พอถึงพรุ่งนี้ครูก็จะทำแบบนั้นกับเธอเหมือนกัน!”

ถึงจะเป็นครั้งแรกที่ได้เจอกัน แต่เสี่ยวเถียนคิดว่าครูคนนี้ไม่น่ามีปัญหานะ

ถ้ารู้ว่าโจวหรุ่ยซูทำอะไร จะไม่พูดแทนเธอแน่นอน

หลังจากที่ครูสาวได้ยินเช่นนั้นก็คิดว่าอาจจะมีเรื่องอะไรบางอย่างเกิดขึ้น

ขณะที่เด็กสาวสองคนกำลังคุยกัน จู่ ๆ เธอก็สงสัยว่าเด็กที่ชื่อโจวหรุ่ยซูน่าจะทำเรื่องงามหน้าไว้หรือเปล่า

ทั้งยังโดนอี้หย่วนบีบคั้นแบบนั้นด้วย ดังนั้นจึงปล่อยเอาไว้ไม่ได้

ส่วนโจวหรุ่ยซูมองคนกลุ่มนี้เดินไปยังสถานที่ลงทะเบียน ก่อนจะคิดอะไรบางอย่างขึ้นได้แล้วรีบตามไปทันที

ครูสาวพาพวกเสี่ยวเถียนมาถึงที่หมาย แล้วกระซิบสิ่งที่ครูใหญ่บอกไว้ให้ครูที่ทำเรื่องลงทะเบียนฟัง

อีกฝ่ายตกใจมาก และมองใบหน้าเด็กในกลุ่มอยู่หลายครั้ง

เหมือนไม่อยากจะเชื่อว่ามีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

เกิดเรื่องเลวร้ายแบบนี้ขึ้นในโรงเรียนของเราได้อย่างไร?

ถ้าเรื่องนี้เล็ดลอดออกไป ชื่อเสียงโรงเรียนเราพังย่อยยับแน่!

ไม่รู้ว่าปลาตัวไหนเน่า ทำเอาเหม็นไปทั้งข้อง

“ได้สิ เดี๋ยวฉันทำเรื่องลงทะเบียนให้พวกเขาเดี๋ยวนี้เลย!”

ทันทีที่ว่าจบก็ได้ยินเสียงเสียดแหลมของเด็กสาวคนหนึ่ง

“ไม่ได้นะ จะให้พวกเขาลงทะเบียนเรียนไม่ได้ หนูไปดูมาแล้ว ไม่มีชื่อพวกเขาในใบประกาศเลย!”

คนที่พุ่งออกมาไม่ใช่ใครอื่นนอกเสียจากโจวหรุ่ยซู ตอนนั้นในอาณาบริเวณมีเด็กนักเรียนและผู้ปกครองมาลงทะเบียนกันแน่นขนัด

พอได้ยินประโยคนี้ พวกเขาก็มองไปที่กลุ่มเสี่ยวเถียนทันที

สีหน้าคนพวกนั้นเต็มไปด้วยความระแวดระวังและไม่พอใจ

จากคำพูดของโจวหรุ่ยซู เด็กกลุ่มนี้น่าจะใช้เส้นสายเข้ามา

“เธอพูดเรื่องไร้สาระอะไรน่ะ?” ครูที่ลงทะเบียนขมวดคิ้ว

“ถ้าหนูไร้สาระ ออกไปดูรายชื่อเลยไหม?”

โจวหรุ่ยซูมั่นใจว่าเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วว่าพวกเสี่ยวเถียนจะสอบผ่าน

ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะสอบได้คะแนนดีขนาดไหน เพราะอย่างไรก็โดนตัดชื่อออกไปอยู่ดี

“ทำไมเราถึงจะไม่มีชื่อในใบประกาศ เธอรู้ดีที่สุดไม่ใช่หรือ? โจวหรุ่ยซู ลูกสาวของหัวหน้าสำนักการศึกษา! มีวิธีการที่เหนือคนทั่วไปใช่ไหมล่ะ?”

ซูเสี่ยวเถียนเกือบหัวเราะด้วยความโกรธ ตอนเธอพูด น้ำเสียงยังแปลกไปทั้งยังเต็มไปด้วยการเสียดสี

“ยังไงพวกแกก็สอบไม่ผ่าน ลงทะเบียนเรียนไม่ได้ ครูคะ ถ้าลงทะเบียนเรียนให้คนพวกนี้ ขอคนมาอธิบายด้วยค่ะ”

ว่าจบ โจวหรุ่ยซูก็แสดงท่าทีด้วยความโกรธ

“มีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ?”

อย่างที่คิด เพราะโดนโจวหรุ่ยซูมาขัดขวางเอาไว้ ใครหลายคนจึงยอมไม่ได้

ใคร ๆ ก็รู้ว่าโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดสอบเข้ายากมาก

เพราะพวกเราต่างก็ต้องเผชิญการสอบเข้าที่ยากแสนยาก ทั้งผู้ปกครองและนักเรียนต่างก็หวังในความเป็นธรรม ทว่าคนที่ใช้เส้นสายกลับอยู่ต่อหน้าพวกเขา ด้วยเหตุนี้จึงยอมไม่ได้

“เรื่องเป็นแบบนี้น่ะค่ะ เขาลืมบันทึกคะแนนของเด็ก ๆ มันก็เลยไม่มีชื่อในใบประกาศ ไม่ใช่ว่าพวกเขาสอบไม่ผ่านนะคะ” ครูสาวฝึกงานรีบอธิบาย

เธอไม่อธิบายก็ดีอยู่แล้ว แต่พอพูดออกมา ทุกคนตรงนั้นก็เริ่มตื่นตกใจ

เด็กนักเรียนคนอื่นเองก็ไม่ยากจะเชื่อ การสอบเข้าครั้งนี้สำคัญมากนะ จะมีคนทำรายชื่อของเด็กตกหล่นด้วยหรือ? นี่กำลังโกหกใครอยู่น่ะ? คิดว่าทุกคนโง่หรือไง?

เหมือนว่าเบื้องหลังการสอบจะมีเรื่องอะไรซุกซ่อนอยู่นะ