บทที่ 346 วาทศิลป์เชิงรุกของนัทธี

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

พิชิตถอนหายใจ และอาการก็ดูขมขื่นโดดเดี่ยวขึ้นมา“นวิยาไม่อยากอยู่ที่โรงพยาบาล เธอถือโอกาสตอนที่ฉันไม่สังเกต ไปถามอาการของเธอที่แผนกจักษุโดยเฉพาะว่าออกจากโรงพยาบาลได้หรือไม่ พอสอบถามว่าออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว ก็ให้ฉันพาเธอมาทันที”

“แล้วไงต่อ?”สีหน้านัทธีหม่นลงอย่างดูแย่

พิชิตลูบขมับ“จากนั้นฉันไม่เห็นด้วย นวิยาก็ขอร้องฉัน ฉันเปลี่ยนความคิดของเธอไม่ได้ และก็กังวลอีกว่าเธอจะทำอะไร ดังนั้นจึงได้แต่ทำแบบนี้ ขอโทษนะนัทธี”

นัทธีมองเขาอย่างเย็นชา“แกต้องรู้นะ แกทำแบบนี้ จะทำให้ครอบครัวฉันเป็นยังไง?”

“ฉันรู้ ท่าทีของวารุณีเมื่อกี๊ ฉันเข้าใจแล้ว”พิชิตหัวเราะอย่างขมขื่น

ที่จริงเขาเสียใจมาก ถ้านวิยากับวารุณีมีอะไรเกิดขึ้นอีกครั้ง ก็ถือว่าเขาช่วยจุดชนวน

แต่ตอนนี้เสียใจไปก็ทำอะไรไม่ได้ ส่งเธอมาแล้ว

“พิชิต แกยังรักนวิยาไหม?”ตอนที่พิชิตแอบร้องทุกข์อยู่นั้น จู่ๆนัทธีก็ถามออกมา

พิชิตตะลึง“ทำไมจู่ๆแกก็ถามฉันแบบนี้”

“ตอบฉันมา!”นัทธีมองเขาอย่างพิจารณา

สายตาพิชิตสั่นคลอน จากนั้นพยักหน้า“อือ ถ้าฉันไม่รัก ฉันก็คงไม่ใจอ่อนเพราะว่าเธอขอร้องหรอก”

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นแกก็รีบจีบนวิยาให้ติดสิ”นัทธียกน้ำขึ้นมาจิบคำหนึ่ง

พิชิตเกือบจะกัดลิ้นของตัวเอง“จีบ……ให้ติด?”

“ไม่ใช่ว่าแกรักนวิยาเหรอ?”นัทธีเหลือบมองเขา

พิชิตส่ายมืออย่างตื่นตระหนกเล็กน้อย“ก็รักเธอ แต่ฉันจีบเธอไม่ได้อยู่แล้ว และเอก็ไม่ได้ชอบฉัน!”

ตอนที่พูดประโยคนี้ ในสายตาลึกๆของพิชิต ชัดเจนว่าเศร้าเล็กน้อย

ริมฝีปากบางๆของนัทธีเม้มลง“แกรักเธอ แล้วนวิยารู้ไหม?”

“ฉันไม่รู้”พิชิตส่ายหน้า“ฉันไม่เคยบอกนวิยา กับความรู้สึกที่ฉันมีต่อเธอ ดังนั้นฉันไม่แน่ใจว่าเธอรู้หรือไม่”

“ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นแกก็บอกความรู้สึกของแกกับนวิยาไปตรงๆสิ พอเธอรู้แล้ว แกถึงจะมีความน่าจะเป็นที่จะสำเร็จ”นัทธีพูดนิ่งๆ

ในใจของพิชิตนั้นหวั่นไหวเล็กน้อย แต่จากนั้นก็คิดอะไรได้ จึงส่ายหน้าอีก“ไม่ได้หรอก คนที่นวิยารักคือแก ถึงฉันบอกความในใจกับเธอไป เธอก็จะปฏิเสธฉัน และฉันไม่อยากทำให้เธอลำบากใจ ไม่อยากให้เธอไม่มีความสุข”

ความรักของเขาก็เป็นแบบนี้ รักคนๆหนึ่ง ก็หวังว่าเธอจะมีความสุข ใช้ชีวิตอย่างดี

จะไม่นำปัญหาและความยากลำบากมาให้กับอีกฝ่าย แค่เพราะว่าความรู้สึกของตัวเอง

นัทธีหัวเราะอย่างเย็นชา“ขี้ขลาด เพราะแกเป็นแบบนี้แหละ ไม่เคยสารภาพรัก และก็ไม่แข็งแกร่งขึ้นบ้าง ดังนั้นถึงไม่ได้นวิยามา แต่ถ้าแกแข็งแกร่งขึ้นมาหน่อย บางทีผลลัพธ์อาจจะไม่เหมือนกัน”

พอได้ยิน พิชิตก็ลูบจมูกอย่างเคอะเขิน

โอเค เขายอมรับว่าตัวเองขี้ขลาดหน่อยๆในเรื่องความรู้สึก ไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย

แต่ถ้าเขาแข็งแกร่งขึ้นมาหน่อยจริงๆ นวิยาจะคบกับเขาจริงๆเหรอ?

พิชิตละสายตาลง เริ่มครุ่นคิดขึ้นมา

นัทธีได้ยินเสียงฝีเท้าจากบันได จึงเงยหน้ามองไป เห็นวารุณีจับราวบันไดลงมา เอาแก้วน้ำวางไว้ที่โต๊ะน้ำชา“แกคิดเอาเองละกัน ถ้าแกปล่อยนวิยาไปแบบนี้ต่อไป นวิยาจะเป็นอย่างไร แกกับฉันก็ไม่อาจคาดเดาได้”

คำนี้ทำให้สีหน้าพิชิตเปลี่ยนไป จากนั้นท่าทีก็ดูจริงจังขึ้นมาทันที มือที่วางไว้ที่ขา ก็ค่อยๆกำขึ้นมา

ผ่านไปสองนาที ทันใดนั้นเขาก็ยืนขึ้นมา“ห้องของนวิยาอยู่ที่ไหน?”

“ชั้นสอง ห้องที่สองที่ใกล้กับบันได”นัทธีพูดออกไป

พิชิตพูดขอบคุณ แล้วหันกลับเดินไปที่บันได

นัทธีพูดถูก ถ้าเขาปล่อยให้นวิยารักนัทธีตลอดไป เป็นแบบนี้ต่อไป กลัวว่านวิยาจะทำเรื่องอะไรที่ทำให้คนคิดไม่ถึงได้

ยังไงสองครั้งนี้ ก็เหนือความคาดหมายของพวกเขาแล้ว

ดังนั้น ถ้าเขาลองดู ลองสารภาพความรู้สึกกับนวิยา ให้นวิยามอบโอกาสเขาครั้งหนึ่ง แบบนี้ ก็จะดีต่อนัทธีวารุณี และเขาเอง

พอคิดแบบนี้ ฝีเท้าของพิชิตก็เร่งเร็วขึ้น

แต่ตอนที่ผ่านวารุณี เขาก็ค่อยๆหยุดลง พูดด้วยใบหน้ารู้สึกผิด:“ขอโทษนะ”

พูดจบ เขาก็ก้าวเท้าอีกครั้ง เดินผ่านเธอขึ้นไปข้างบนต่อ

วารุณีเอียงศีรษะด้วยความสงสัย“ทำไมเขาต้องขอโทษฉันด้วย?”

ริมฝีปากบางๆของนัทธียกขึ้นเล็กน้อย“เขาขอโทษที่พานวิยามา”

“ที่แท้ก็แบบนี้เอง”วารุณีเบะปาก

ถึงแม้พิชิตรู้ว่าพานวิยามาจะไม่ถูก แต่เขาก็ยังพามา

ขอโทษแบบนี้ หมายความว่าไง?

วารุณีเดินไปด้านข้างนัทธี

นัทธีดึงมือของเธอไว้ แล้วดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน

วารุณีพิงหน้าอกของเขาเงียบๆ“ใช่สิ เมื่อกี๊คุณหมอพิชิตจะรีบร้อนทำไมเหรอ?”

“ไปสารภาพรักนวิยา”นัทธีเทน้ำให้เธอ

วารุณีเกือบจะสำลักน้ำ มองเขาอย่างเหลือเชื่อ“คุณพูดอะไร สารภาพรัก?”

เธอรู้ว่าพิชิตชอบนวิยาจริงๆ แต่เธอมองออกว่า พิชิตคือคนที่แอบปกป้องแบบเงียบๆ นอกจากในใจของนวิยาจะไม่มีใครแล้ว ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่จะสารภาพรัก เพราะว่าเขากลัวว่าตัวเองทำแบบนี้ จะนำปัญหามาให้นวิยา

พูดให้ดูน่าฟังหน่อย คนอย่างพิชิตเป็นผู้ชายอบอุ่นที่คิดเพื่อคนอื่น พูดให้ดูแย่หน่อย ก็คือคนขี้ขลาด

แต่คิดไม่ถึงว่า คนขี้ขลาดคนนี้จะทำการสารภาพรัก

“คุณไปพูดอะไรกับเขาใช่ไหม?”วารุณีจับหน้าของชายหนุ่ม มองตาของเขาแล้วถาม

แววตาของชายหนุ่มมีรอยยิ้มบางๆ ถูกเธอจับได้พอดี

เธอเท้าเอว“โอเค จริงๆเลยนะ รีบบอกมา คุณไปพูดอะไรกับเขา จู่ๆถึงได้โน้มน้าวคนขี้ขลาดอย่างเขาได้?”

ได้ยินที่วารุณีเปรียบพิชิตแล้ว รอยยิ้มที่ตาของนัทธีก็ยิ่งชัดขึ้น“คนขี้ขลาด?เปรียบได้ดีนี่ ผมไปพูดบางอย่างกับเขาจริงๆ ผมบอกว่า……”

เขาเอาที่คุยกับพิชิตเมื่อกี๊ เล่าสรุปออกไปสั้นๆรอบหนึ่ง

วารุณีฟังจบ ก็ชูนิ้วโป้งให้เขา“คุณนี่จริงๆเลย แต่คุณจริงจังเหรอ อยากให้คุณนวิยากับคุณหมอพิชิตคู่กันจริงๆเหรอ?”

“พิชิตต้องดีกับนวิยาแน่ นิสัยอ่อนโยนของพิชิตจะต้องยอมทุกๆอย่างของนวิยา พิชิตเหมาะสมกับนวิยาที่สุด”นัทธีพยักหน้า

ถึงแม้วารุณีก็รู้สึกว่าแบบนี้ แต่ในใจของเธอก็ไม่คิดว่านวิยาจะคู่ควรกับพิชิต

แต่ว่าพิชิตชอบ แบบนี้ เธอก็ไม่อาจพูดอะไรได้

“ขอให้คุณหมอพิชิตสำเร็จละกัน”วารุณีมองไปที่ชั้นสอง

ถึงเธอจะพูดแบบนี้ แต่ในใจกลับคิดว่า พิชิตไม่มีทางทำสำเร็จ

ยังไงในใจของนวิยา ก็อยู่ที่นัทธีหมด

พอคิดแบบนี้แล้ว วารุณีมองนัทธี สายตานั้นก็มีทั้งไม่พอใจ และภูมิใจ

ที่ภูมิใจก็คือ ผู้ชายของตัวเองเพอร์เฟคขนาดนี้

ที่ไม่พอใจก็คือ เพราะเพอร์เฟคมากไป ก็มีแต่ผู้หญิงจับจ้อง

นัทธีเห็นสายตาของวารุณีมองมา ก็มองขึ้นมา“ทำไมเหรอ?”

“เปล่านี่?”วารุณียักไหล่ ไม่คิดจะบอกความคิดของตัวเองออกมา

นัทธีเห็นเธอไม่พูด ก็ไม่บังคับอะไร

วารุณีดื่มน้ำต่อไป น้ำใสสะอาดเปียกปากของเธอ ทำให้ริมฝีปากของเธอยิ่งฉ่ำวาว ยิ่งชุ่มชื่นมากขึ้น

สายตานัทธีหม่นลง ยื่นมือออกไปบีบคางของเธอเบาๆ แล้วจับหน้าเธอหันมา จูบลงไป

วารุณีโดนเขาจูบอย่างไม่ทันตั้งตัว น้ำในปากยังไม่ได้กลืนลงไปสักคำ

จนตอนที่ลิ้นของเขาเข้ามา น้ำในปากของเธอก็ปิดไว้ไม่อยู่ ไหลออกมาตามมุมปาก เปียกไปที่กระโปรงของเธอ และก็เปียกกางเกงทรงสูทของชายหนุ่มเล็กน้อย

แต่ชายหนุ่มไม่ได้ปล่อยเธอไปเพราะเหตุผลนี้ กลับกลั้วน้ำไปแบบนี้ อย่างช้าๆ กลืนกินน้ำนั้นไปด้วยกันกับเธอ

“คุณ……”วารุณีผลักชายหนุ่มออกไปอย่างหน้าแดงๆ กำลังจะพูดอะไร ชั้นสองก็มีเสียงเคลื่อนไหว