บทที่ 347 สารภาพรักสำเร็จ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีได้แต่กล้ำกลืนคำที่จะพูดไป เงยหน้ามองไปที่ชั้นสอง

มองใบหน้าที่ตื่นเต้นของพิชิตที่ลงมาจากชั้นบน เดินก้าวยาวๆ อารมณ์ดีจนเหมือนจะบินได้ ในใจก็ปรากฏความคาดเดาที่ไม่อยากจะเชื่อ

เขา คงไม่ใช่ว่าสารภาพรักสำเร็จหรอกนะ?

“คุณหมอพิชิต”วารุณีออกมาจากอ้อมแขนของนัทธี นั่งด้านข้าง แล้วเรียกพิชิต

พิชิตหยุดฝีเท้าลงแล้วมองมา เห็นเธอกับนัทธี ก็โบกมือ“โหย พวกแกอยู่ที่นี่ได้ไงเนี่ย?”

วารุณีตะลึงเล็กน้อย นัทธีก็หรี่ตา

วารุณีมองพิชิตอย่างสงสัย“ที่นี่คือบ้านของพวกเรา คุณหมอพิชิต คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

คงไม่ใช่ว่าดีใจจนเพี้ยนไปหรอกนะ?

พิชิตได้ยินคำพูดของวารุณี จึงได้สติคืนมา ตบหน้าผาก“ดูความจำผมสิ ขอโทษๆ ผมคิดว่าที่นี่เป็นโรงพยาบาลเสียอีก”

“ไม่เป็นไร”วารุณีส่ายหน้า จากนั้นจ้องหน้าของเขาแล้วถามว่า“คุณหมอพิชิต ดูคุณดีใจขนาดนี้ คุณสารภาพสำเร็จเหรอ?”

เธอชี้ไปที่ด้านบน

นัทธีก็มองพิชิต

พิชิตลูบหน้าเด็กที่แสนน่ารักนั้น เหมือนจะเขินอายเล็กน้อย ตอบอืออย่างคลุมเครือ

สำเร็จจริงๆ?

ถึงแม้ในใจจะเดาไว้อยู่แล้ว แต่ตอนที่ยืนยันจริงๆ ในใจของวารุณีอดไม่ได้ที่จะแปลกใจ

นวิยาดันตอบรับคำของสารภาพรักของพิชิตจริงๆ

นี่มันราบรื่นเกินไปแล้ว ราบรื่นจน ทำให้คนรู้สึกว่าไม่จริง

อีกอย่างนวิยาก็เอาใจไปไว้ที่นัทธีแล้ว ถึงแม้จะบอกว่ายอมปล่อยไปหลายครั้งแล้ว แต่ก็เคยปล่อยไปจริงๆ ตอนนี้พิชิตสารภาพรัก ก็คบกับพิชิตเลย ไม่มีจุดประสงค์จริงๆเหรอ?

วารุณีขมวดคิ้วคิดเล็กน้อย

นัทธีพูดกับพิชิต“ยินดีด้วยนะ”

ถึงแม้ในใจของวารุณีจะรู้สึกแปลกๆหน่อย แต่ที่ใบหน้ากลับจำเป็นต้อง ยิ้มแสดงความยินดีออกไป“คุณหมอพิชิต ขอให้แกกับคุณนวิยามีความสุข”

“ขอบคุณนะ รออีกสองสามวัน ฉันกับนวิยาจะเลี้ยงข้าวพวกแก”พิชิตดันแว่น

นัทธีตอบอือ ถือว่าตอบรับไป

จากนั้น พิชิตก็ขอตัวออกไป

ตอนที่ออกไป ย่างก้าวแทบจะปลิวออกไป จนเกือบจะชนกับตรงทางเข้า ทำให้คนเห็นแล้วเป็นห่วงอย่างมาก

ไม่ใช่ว่าคบกันแล้วเหรอ?ต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอไง?

วารุณีถูแขนที่ขนลุกซู่

ผ่านไปสักพัก เธอก็วางมือลง แล้วมองไปที่ชั้นสองอีกครั้ง

ไม่ว่านวิยาคบกับพิชิตด้วยใจจริง หรือว่ามีจุดประสงค์อื่นหรือไม่ แต่ตอนนี้พวกเขาสองคนก็คบกันแล้วจริงๆ

แบบนี้ นวิยาก็จะไม่เอาใจไปไว้ที่นัทธีอีก นอกจากว่า นวิยาจะทำร้ายผู้ชายทั้งสองคนพร้อมกัน หักหลังพวกเขา

เชื่อว่าจากความฉลาดของนวิยาแล้ว ไม่ทำแบบนี้แน่

ช่วงเวลาอาหารค่ำ

วารุณีมองนวิยาที่อยู่ตรงข้าม“คุณนวิยา ยินดีกับคุณและคุณหมอพิชิตด้วยนะคะ”

“ขอบคุณค่ะ”นวิยารับคำยินดีนี้ด้วยรอยยิ้ม

วารุณีเอาแต่สำรวจเธอตลอด มองออกว่าเธอยิ้มมาจากใจ ไม่ใช้การฝืนยิ้ม ในใจจึงเริ่มสงสัยว่า ดูเหมือนนวิยาจะตัดสินใจคบกับพิชิตจากใจจริง

ไม่อย่างนั้น จะยิ้มอย่างมีความสุขได้ธรรมชาติขนาดนี้ได้อย่างไร

“คุณวารุณีคุณกำลังมองฉันเหรอ?”นวิยารู้สึกได้ว่าวารุณีกำลังมองมาที่ตัวเองจริงๆ จึงวางตะเกียบลงแล้วถาม

วารุณีละสายตาคืนมา ยิ้มออกไป“ขอโทษค่ะคุณนวิยา ฉันแค่กำลังแปลกใจ ทำไมจู่ๆคุณถึงยอมคบกับคุณหมอพิชิต ทั้งที่คนที่คุณชอบคือนัทธี”

ระหว่างที่พูด เธอก็เหลือบมองชายหนุ่มที่หัวโต๊ะ

ชายหนุ่มคิดไม่ถึงว่าจู่ๆเธอจะพูดถึงตัวเอง จึงเงยหน้ามาสบตากับเธอ

นวิยามองไม่เห็นการกระทำของทั้งสอง เธอก้มหน้าลง ตอบเหมือนเขินอายเล็กน้อย:“ถูกต้อง คนที่ฉันชอบคือนัทธีจริงๆ เพราะว่าสำหรับฉันแล้ว นัทธีเหมือนกับต้นไม้ต้นใหญ่ ช่วยบังลมบังฝนให้ฉันได้ ดังนั้นฉันจึงปล่อยเขาไปไม่ได้มาตลอด แต่วันนี้พิชิตมาสารภาพรักฉัน ฉันถึงรู้ว่า พิชิตรักฉันมาตลอด”

วารุณีหรี่ตาลง“ดังนั้นเมื่อก่อนคุณนวิยาไม่รู้ความรู้สึกที่คุณหมอพิชิตมีต่อคุณ?”

นวิยาส่ายหน้า“ไม่รู้ค่ะ พิชิตไม่เคยแสดงออกต่อฉันเลย ฉันคิดว่าที่เขาดีต่อฉัน เพราะว่าพวกเราเป็นเพื่อนกันแต่เด็ก”

“ในเมื่อคุณนวิยาไม่ชอบคุณหมอพิชิต แล้วทำไมถึงตกลงคบกับคุณหมอพิชิต?”วารุณีมองเธอแล้วถามอีกครั้ง

นัทธีก็อยากรู้สาเหตุนี้

เขาให้พิชิตไปสารภาพรัก แต่เขาไม่เคยคิดว่าพิชิตจะสารภาพรักสำเร็จทันที

ดังนั้นในเหตุผลนี้ ก็ทำให้คนอยากรู้อยากเห็น

“ง่ายมาก เพราะพิชิตบอกว่า ต่อไปเขาก็จะเป็นเหมือนต้นไม้สูงใหญ่คอยปกป้องฉัน กันลมกันฝนให้ฉัน ในเมื่อฉันคบนัทธีไม่ได้ งั้นฉันก็เลือกได้แต่พิชิต ถึงแม้ตอนนี้ไม่ได้ชอบพิชิตจริงๆ แต่ฉันจะพยายามค่อยๆชอบเขา”

นวิยาพูดไป ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยว เลยมองไม่ออกว่าที่เธอพูดนั้นจริงหรือไม่จริง

วารุณีก็ไม่อยากไปเดา หลังจากกินซุปไป ก็พูดนิ่งๆ:“งั้นคุณนวิยาพูดแล้วก็ต้องทำให้ได้ อย่ามีความคิดอะไรอีก ไม่งั้นคุณจะเสียคนที่รักที่สุดไป แบบนั้นก็จะได้ไม่คุ้มเสียค่ะ”

นวิยาฟังคำตักเตือนในน้ำเสียงของวารุณีออก ก็ไม่โกรธ พยักหน้ายิ้มๆไปว่า“ฉันรู้ค่ะ”

ข้าวมือเย็นนี้ จึงจบลงเช่นนี้

นัทธีกอดวารุณีกลับไปที่ห้อง

วารุณีล้มไปที่เตียง มองเพดาน“สามี คุณว่าคุณนวิยาคบกับคุณหมอพิชิต จะมีความสุขจริงเหรอ?”

เรื่องน่าตกใจที่ให้เธอในคืนนี้ นั้นยิ่งใหญ่จริงๆ

คนที่รักนัทธีมากๆ รักจนเล่นงานเธอหลายครั้ง จู่ๆตกลงคบกับอีกคน ไม่ว่ายังไงก็ทำให้คนตกใจได้

“เรื่องของคนอื่น ไม่เกี่ยวกับพวกเรา ผมรู้แค่ว่า พวกเราจะต้องมีความสุข”นัทธีเอาตัวลงกดเธอไว้

วารุณีกลอกตาใส่ชายหนุ่ม“โอเค รีบลุกขึ้นเถอะ”

ชายหนุ่มไม่ขยับ

วารุณีผลักเขา“รีบลุกขึ้น ฉันจะไปอาบน้ำ”

“พอดีเลย ผมก็อยาก งั้นอาบด้วยกัน”

พูดจบ นัทธีก็ดึงวารุณีขึ้นมาโดยตรง แล้วเดินไปที่ห้องน้ำ

วารุณีเห็นการกระทำของเขาแล้ว ก็รู้ว่าเขาอยากทำอะไร จับหน้าผากอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออก

แต่เธอไม่ได้ปฏิเสธ ยังไงระหว่างคนรักกันแล้ว ก็คือการเติมเต็มกันและกัน และปรนเปรอกันและกัน

เขาทำให้เธอตั้งมากมายแล้ว เสนอตัวช่วยเหลือตั้งหลายอย่าง ด้านการทำงาน เธอก็ช่วยเรื่องเงินอะไรเขาไม่ได้ มีแต่เรื่องพวกนี้ ที่จะดีกับเขาได้บ้าง

ค่ำคืนนั้นผ่านไปอย่างดุเดือด

วันถัดมาวารุณีลูบเอวที่ปวดเล็กน้อยลงมา ลงไปก็เห็นนวิยากำลังนั่งที่โซฟา กำลังโทรศัพท์กับคนหนึ่ง

ได้ยินคำว่าพิชิตจากปากเธอ วารุณีเข้าใจทันที ว่าคนที่คุยโทรศัพท์กับเธอคือพิชิต

วารุณีอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น

เพิ่งคบกันคืนเดียว ความรู้สึกของทั้งสองคนนี้ดีกันขนาดนี้ เช้าอย่างนี้คุยโทรศัพท์กันนานเชียว?

ต้องรู้ว่า ตอนที่พวกเขายังไม่คบกัน เธอแทบจะไม่เคยเห็นนวิยากับพิชิตคุยโทรศัพท์กัน

วารุณีไม่อยากรบกวนนวิยา จึงรีบออกไป

ทานข้าวเช้าเสร็จ เธอก็พาลูกทั้งสองคนออกไปจากบ้าน

ส่งลูกทั้งสองไปที่โรงเรียนอนุบาลเสร็จแล้ว จึงไปที่บริษัท

เพิ่งถึงบริษัท ลีน่าก็จูงมือของวารุณีไป วิ่งไปที่ลิฟต์ด้วย

ระหว่างทาง เท้าของวารุณีเกือบจะเคล็ด

โชคดีที่นาทีสุดท้าย ลีน่าหยุดไว้ทัน จึงไม่เกิดเรื่องน่าเศร้าขึ้นได้

วารุณียืนอยู่ในลิฟต์ หอบเล็กน้อย “ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย ฉันเพิ่งมา กระเป๋ายังไม่ทันวาง เธอก็ลากฉันเข้าลิฟต์มา”

“โหยนี่ ไม่ใช่ว่าฉันจะพาเธอไปเจอคนหนึ่งเหรอไง”ลีน่าจัดผมแล้วตอบ

“ใคร?”วารุณีมองเธอ

ลีน่าเลิกคิ้วขึ้นยิ้มออกมา“จะใครได้อีกล่ะ ลูกค้าใหญ่ของพวกเราไง!”