บทที่ 406 บอกลาเด็กน้อย

ในตอนเช้าและตอนเที่ยงของวันต่อมาถังหลี่พาซานเป่าไปที่เดิมแต่ก็ยังไม่พบขอทานคนนั้น ดูเหมือนเขาจะจากไปแล้วจริงๆ ซานเป่ารู้สึกผิดหวังมาก ถังหลี่พาเด็กน้อยนั่งลงที่ขั้นบันได

ซานเป่าเอนศีรษะของนางไปพิงมารดา ดวงตาของนางแดงก่ำ

“ทำไมซานเป่าถึงชอบเขาถึงเพียงนี้?” ถังหลี่ถาม

“ข้าคิดว่าเขาดูคุ้นเคย แต่ข้าจำไม่ได้ว่าเขาเป็นใคร ข้ารู้สึกว่าท่านลุงกำลังโศกเศร้ามาก” ซานเป่าว่า

แม้ว่าท่านลุงขอทานจะไม่พูดอะไรแต่ซานเป่ารู้ว่าเขาทุกข์ใจ นางจึงทำดีกับเขา รอยยิ้มของท่านลุงงดงามมากแต่เขานั้นไม่ค่อยยิ้ม

ถังหลี่มองไปที่ซานเป่าอย่างสงสารและไม่สบายใจ แต่นางไม่สามารถพาลุงขอทานคนนั้นมาหาซานเป่าได้ สิ่งที่นางทำได้คืออยู่เคียงข้างซานเป่าให้ผ่านช่วงเวลาที่แสนเศร้าไปเท่านั้น หญิงสาวกอดซานเป่าไว้แน่น

….

เรือนรับรองที่อู๋ฉีกว่าน

ตู้เย่เดินไปที่ประตู เมื่อคืนนี้เขานอนไม่ค่อยหลับ เขาฝันถึงเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่หาเขาไม่เจอและร้องไห้ ซ้ำยังฝันถึงเรื่องเมื่อหกปีที่แล้วตอนที่เขาเข้าไปยังบ้านเล็กๆ หลังหนึ่งและได้รับการช่วยเหลือจากเด็กสาว เด็กสาวผู้นั้นบอกว่าเขาไม่ใช่คนเลว ที่นี่คือบ้านของเขา …แต่ตู้เย่ไม่ได้จริงจังกับมัน

เขาเป็นคนมือเปื้อนเลือด จะสมควรมีบ้านได้อย่างไร? แต่นั่นเป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจเขามาก เด็กสาวคนนั้นเป็นคนดี รวมทั้งเด็กน้อยด้วย หากเขามีครอบครัวแบบนั้นจริงๆ…ไม่ เขาไม่สมควรที่จะได้รับมัน

ตู้เย่ระงับความคิดก่อนจะออกจากประตูไป ในลานมีคนมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่เดินไปไม่กี่ก้าว เขาก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินมาตรงมา

“คุณชายทั้งสองคู่ควรแล้ว ข้าเข้าใจดี”

“ข้าได้อ่านตำราซุนวูมาหลายสิบครั้ง ทุกครั้งก็จะได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มเติมมาตลอด”

“คุณชายทั้งสอง ตระกูลของท่านเป็นเลิศด้านศิลปะการต่อสู้ ข้าสงสัยว่าท่านจะแนะนำพวกข้าบ้างได้หรือไม่?”

คนกลุ่มนั้นเดินสวนกับตู้เย่ พวกเขามีทีท่าประหลาดใจในรูปร่างหน้าตาที่หล่อเหลาของชายผู้นี้ สายตาเบนไปมองมือที่หักของตู้เย่ แล้วพากันพูดจาลับหลังเขา

“ดูเหมือนสตรีเช่นนี้จะไปสนามรบได้หรือ?”

“ดูร่างกายของเขาสิ ผอมมากน้ำหนักคงจะไม่กี่ชั่ง”

“มือเขาเป็นอะไรน่ะ หักหรือ?”

“หากคนเช่นนี้อยู่ในสนามรบ มิเป็นภาระให้ผู้อื่นมาดูแลหรือ?”

“ข้าคิดว่าเขาคงไม่ผ่านการทดสอบหรอก”

พวกเขากระซิบกัน ด้วยวาจาและสายตาที่เหยียดหยาม ทั้งที่ไม่เคยเจอหน้ากันมาก่อน ตู้เย่หลบตาลงไม่สนใจคำพูดของคนเหล่านั้น แค่หันหลังให้คนพวกนั้นก็ตีความว่าเขาเป็นคนขี้ขลาดไปแล้ว

“เหล่าตู้ องค์ชายสามต้องการพบท่าน”

บ่าวรับใช้คนหนึ่งมาขวางตู้เย่ไว้

“การเป็นแม่ทัพนั้นแค่ชนะศึกอย่างเดียวมันไม่พอ ราชสำนักล้วนมีเบื้องลึกเบื้องหลัง การติดตามเจ้านายจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก หลังจากประสบความสำเร็จแล้วจะได้โอกาสที่จะได้จารึกชื่อไว้ในประวัติศาสตร์ ข้าคิดว่าองค์ชายสามจ้าวชูนั้นไม่เลวเลย อ่อนโยน มีคุณธรรม และไม่ถือตัว”

ตู้เย่นึกถึงคำพูดของคนที่นอนอยู่บนหลังคาพูดขึ้นในกลางดึกคืนหนึ่ง

เขาถูกพาไปที่ตำหนัก จ้าวชูเป็นคนเปิดประตูออกมารับเขาด้วยตนเอง ตู้เย่ถึงกลับผงะไป เขาเบนสายตาไปมองที่อื่น ไม่ได้มีทีท่าถ่อมตนแต่อย่างใด

“เหล่าตู้…เชิญเข้ามาก่อน” จ้าวชูกล่าว

ตู้เย่เข้าไปด้านในตามคำเชิญของเขา

“นั่งลงก่อนเถอะ”

เขานั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้ามกับจ้าวชู บ่าวรับใช้เดินมายกน้ำชาให้อย่างมีมารยาท หลังจากที่บ่าวรับใช้ออกไปจ้าวชูก็พูดขึ้น

“ยินดีที่ได้พบ” จ้าวชูกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“ท่านมาจากที่ไหนหรือ?”

ตู้เย่นิ่งงันไป ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ จากนั้นจึงตอบไปว่า

“ข้ามาจากมณฑลชิงเหอ”

“ชิงเหอ? ที่นั่นอยู่ห่างไกลจากเมืองหลวงมาก เหตุใดท่านจึงมาที่นี่?”

ชายคนนั้นในความทรงจำของตู้เย่เคยกล่าวกับเขาเอาไว้ ว่าเมืองหลวงนั้นมีผู้คนที่คับคั่ง เต็มไปด้วยความครื้นเครงสมควรที่จะได้ไปเยือนสักครั้ง ตู้เย่จึงได้มาที่นี่ แต่แล้วกลับพบว่ามันช่างน่าเบื่อเหลือเกิน

“ข้ามาหาญาติ”

“ญาติหรือ? คนในครอบครัวของท่านหรือ” จ้าวชูถาม

“ใช่ แต่ว่าไม่เจอกันนานแล้ว”

“หากท่านต้องการความช่วยเหลือ ได้โปรดมาหาข้า” จ้าวชูกล่าว ตู้เย่ไม่ตอบอะไร องค์ชายสามมีทีท่าอารมณ์ดีและไม่โกรธเคือง เขาจึงชวนตู้เย่คุยต่อ ถามคำถามอีกสองสามข้อ ทว่าชายหนุ่มกลับตอบแค่บางคำถามเท่านั้น

“เหล่าตู้ ข้ามีบางอย่างจะมอบให้ท่าน”

จ้าวชูเอ่ยขึ้น เขาปรบมือเบาๆ ให้บ่าวรับใช้เข้ามาในห้อง จากนั้นจึงได้ยื่นกล่องไม้ยาวกล่องหนึ่งให้เขา จ้าวชูรับมันมาเปิดออกในนั้นมีมีดสั้นอยู่เล่มหนึ่ง

“มีดสั้นนี้มีนามว่าอวี๋เหยา สร้างโดยช่างมีชื่ออย่างปรมาจารย์เยี่ยนหลิน มันคมมาก เชือดคอแค่ครั้งเดียวก็เห็นเลือดแล้ว ข้าคิดว่าเหมาะกับท่านมาก”

ตู้เย่หยิบมีดสั้นนั้นขึ้นมาพินิจดู

จ้าวชูให้ความสนใจกับการแสดงออกของเขา ว่ากันว่าเสวี่ยนเซิงตู้เย่นั้นชอบอาวุธที่มีชื่อเสียง เมื่อเขาได้จับมันแล้วย่อมไม่มีวันปล่อยมือเป็นแน่ แต่เขากลับพลิกดูเพียงแค่สองครั้งเท่านั้นก่อนจะวางลง

“ขอบพระทัยสำหรับความเมตตาขององค์ชาย” จ้าวชูนิ่งค้างไปครู่หนึ่งก่อนจะฉีกยิ้มออกมา

“ท่านไม่ชอบหรือ?”

“ไม่เหมาะกับข้า” ตู้เย่กล่าวลาก่อนจะลุกจากไป

จ้าวชูมองตามด้านหลังของเขาด้วยสีหน้าครุ่นคิด มาจากชิงเหอ มีคนในครอบครัว ไม่ชอบอาวุธที่มีชื่อเสียง…เสวี่ยนเซิงตู้เย่เป็นนักฆ่าอันดับหนึ่ง เขาหยิ่งผยองและไม่สะทกสะท้านใดๆ กับคำติฉินนินทาของผู้อื่น คนผู้นี้ไม่ใช่เสวี่ยนเซิงตู้เย่จริงๆหรือ?

ความผิดหวังปรากฏขึ้นในดวงตาของจ้าวชู

ตู้เย่ออกจากห้องด้วยสายตาที่ครุ่นคิด คำพูดของจ้าวชูนั้นเต็มไปด้วยความล่อลวง เรื่องเช่นนี้จะเล็ดรอดสายตาของเขาไปได้อย่างไร

หากเขาเลือกจ้าวชูเป็นเจ้านายของเขา เขาจะบอกความจริงทั้งหมด แต่เมื่อครู่เขากลับลังเล เป็นเพราะตู้เย่กำลังคิดถึงเด็กหญิงคนนั้น

เขายังมีสิ่งที่ค้างคาอยู่ในใจอย่างไม่อาจจะปล่อยวางได้ เขาครุ่นคิดถึงนางตลอด ยังไม่ได้บอกลาเด็กน้อยคนนั้นเลย

พอคิดขึ้นมาแล้ว เขาก็เดินออกไปข้างนอก เขาก้าวเท้าเร็วขึ้นๆ ผ่านไปหนึ่งวันแล้วเด็กน้อยจะเลิกตามหาเขาหรือยัง หลังจากที่นางหาเขาไม่เจอ ตู้เย่ไม่รู้เลยว่าเด็กคนนั้นเป็นใครมาจากไหน

เมืองหลวงช่างใหญ่โตเช่นนี้…

ตู้เย่เดินอย่างเร็วรี่ด้วยความร้อนใจ สุดท้ายเขาก็มาถึงสถานที่ที่เขาเคยได้อาศัยหลับนอน เห็นร่างเล็กๆ นั่งอยู่ในที่ตรงนั้น ด้านข้างของนางมีหญิงสาวผู้หนึ่ง เป็นถังหลี่และซานเป่านั่นเอง

ซานเป่ากลัวว่าหากท่านลุงกลับมาแล้วจะไม่พบนาง เด็กหญิงจึงได้นั่งรออยู่ที่นี่ ถังหลี่นั่งรอเป็นเพื่อนบุตรสาว ทั้งคู่รออยู่นานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นวี่แววของขอทานผู้นั้น หรือเขาจะจากไปแล้วจริงๆ…

ซานเป่าหายใจเข้าลึกๆ

“เรากลับกันเถอะท่านแม่”

ท่านแม่พูดถูก มีพบก็ต้องมีพลัดพรากจากกัน บางทีนางก็ควรปล่อยมือได้แล้ว แต่แล้วเมื่อนางเงยหน้าขึ้นก็ได้เห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ต่อหน้า