ตอนที่ 711 อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพลังวิญญาณขั้นสีม่วง (1) / ตอนที่ 712 อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพลังวิญญาณขั้นสีม่วง (2)
ตอนที่ 711 อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพลังวิญญาณขั้นสีม่วง (1)
กงเฉิงเหล่ยหยุดมองจวินอู๋เสียนิดหน่อย แล้วหันกลับไปมองกู่อิ่งคล้ายลังเลที่จะพูดต่อ
“รีบพูดออกมาสิ” กู่อิ่งเอ่ยอย่างหงุดหงิด
กงเฉิงเหล่ยกลืนน้ำลายดังอึกและพูดว่า “เวินซินหันกำลังพาฟ่านจิ่นหนีไปขอรับ!”
กู่อิ่งเลิกคิ้วขึ้นอย่างตกใจและพูดว่า “เจ้าว่าอะไรนะ”
กงเฉิงเหล่ยพูดว่า “ตอนนี้เขาอยู่ที่ที่ฟ่านจิ่นถูกขังเอาไว้แล้วขอรับ อาจารย์ใหญ่ไปห้ามเขาแล้ว แต่พลังของเวินซินหัน…ข้าเกรงว่าอาจารย์ใหญ่จะไม่สามารถหยุดเขาได้ ข้าก็เลยมาแจ้งท่านขอรับ”
กู่อิ่งหรี่ตาลงและลุกขึ้นยืนโดยเร็ว เขากำลังจะไปแล้วแต่จู่ๆ ก็หยุดลงกะทันหัน
“ศิษย์พี่อยากไปดูด้วยหรือไม่” กู่อิ่งถามพลางจ้องมองจวินอู๋เสีย ปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม
จวินอู๋เสียวางชามและตะเกียบลงอย่างไม่รีบร้อน นางมองใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้มสดใสของกู่อิ่งแล้วลุกขึ้นช้าๆ พร้อมกับตอบว่า “ไปสิ”
กงเฉิงเหล่ยนำกู่อิ่งและจวินอู๋เสียไปทันที หลังจากทั้งสามคนจากไปแล้ว แมวดำตัวน้อยที่ซ่อนอยู่ในมุมมืดก็กระโจนออกไป และรีบวิ่งไปยังด้านนอกของสำนักศึกษาเฟิงหัว!
ด้านหน้าอาคารที่ฟ่านจิ่นถูกขังอยู่เต็มไปด้วยลูกศิษย์ของสำนักศึกษาเฟิงหัว ทุกคนพากันทำคอยืดคอยาวด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น
เวินซินหันพาตัวฟ่านจิ่นที่ไร้สติสัมปชัญญะลงบันไดมา หนิงรุ่ย หนานกงซวี่ และอาจารย์คนอื่นๆ อีกสองสามคนกำลังขวางทางเวินซินหัน
รังสีกดดันอันยิ่งใหญ่ของเวินซินหันทำให้ศิษย์มากมายรู้สึกหวาดกลัว
พวกเขาได้ตระหนักว่าพวกเขากำลังมองดูคนผู้เดียวที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นสีม่วงในรอบหนึ่งร้อยปี!
เหล่าศิษย์ส่วนใหญ่อยากจะเห็นเวินซินหัน แต่ก็ไม่เคยได้เห็น เนื่องจากพอเวินซินหันมาถึงสำนักศึกษาเฟิงหัว เขาก็แทบจะไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเลย เหล่าศิษย์ที่เฝ้าคอยไม่กล้าไปรบกวนการพักผ่อนของเวินซินหัน พวกเขาได้แต่หวังว่าจะมีโอกาสได้พบสักครั้ง ในที่สุดหลังจากรอคอยให้เวินซินหันปรากฏตัวมานาน โอกาสก็มาถึง เมื่อข่าวแพร่ออกไป เหล่าศิษย์ทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงหัวก็พากันมาที่นี่
และการมาที่นี่ก็ทำให้พวกเขาได้ดูอะไรดีๆ!
เวินซินหันกอดฟ่านจิ่นเอาไว้ด้วยแขนซ้าย ทุกคนในสำนักศึกษาเฟิงหัวต่างรู้ดีว่าฟ่านจิ่นเป็นคนแบบไหน ไม่มีใครที่ไม่รู้จักเขา แม้ว่าชื่อเสียงของเขาจะเสียหายไปบ้างในตอนที่เขาเลือกปกป้องจวินอู๋เสียก่อนที่ชื่อของนางจะถูกล้างมลทิน หลังจากกู้หลีเซิงก้าวออกมาอธิบายให้ทุกคนฟัง ฟ่านจิ่นก็กลับมาเป็นศิษย์พี่ที่ทุกคนชื่นชมและเคารพนับถืออีกครั้ง
แต่…
ในตอนที่ฟ่านฉีถูกฆ่าอย่างกะทันหัน และฟ่านจิ่นถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าฟ่านฉี!
เหตุการณ์ที่พลิกกลับอย่างรวดเร็วนี้สร้างความสับสนและตกใจให้แก่ศิษย์มากมาย มีคนที่สาปแช่งด่าว่าฟ่านจิ่นว่าไร้คุณธรรม และมีคนที่ยังสงสัยถึงความจริงเบื้องหลังเรื่องที่เกิดขึ้น
บัดนี้เวินซินหันพาตัวฟ่านจิ่นออกมาต่อหน้าทุกคน ภาพของฟ่านจิ่นทำให้ทุกคนพากันอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
ชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเคยร่าเริงสดใสและสง่างาม มาบัดนี้ร่างสูงใหญ่กลับซูบผอมราวกับไม้เสียบผี เขาอ่อนแอมากจนกระทั่งไม่สามารถเดินได้หากไม่มีเวินซินหันคอยช่วย แก้มของเขาซูบตอบ และดวงตาของเขาก็ว่างเปล่าไม่รับรู้สิ่งใด ฟ่านจิ่นดูจะไม่รู้สึกถึงความสับสนวุ่นวายที่อยู่รอบตัวเขาเลย
ทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ หลังจากที่ได้เห็นสภาพอันน่าสังเวชของฟ่านจิ่นแล้ว ต่างก็ผงะอย่างตกใจ!
นั่นคือฟ่านจิ่นจริงๆ น่ะหรือ
เขากลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
ถ้าฟ่านจิ่นในอดีตเป็นที่เคารพนับถือและน่าอิจฉา ความเป็นจริงในตอนนี้ก็ตรงข้ามกันอย่างสิ้นเชิง เขาดูน่าสงสารและน่าเวทนาเป็นอย่างยิ่ง…
เวินซินหันยืนกรานจะเอาตัวฟ่านจิ่นออกไป และหนิงรุ่ยไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าพยายามเกลี้ยกล่อมเขา
ตอนที่ 712 อำนาจที่ยิ่งใหญ่ของพลังวิญญาณขั้นสีม่วง (2)
“ศิษย์พี่เวิน ในเมื่อท่านเชื่อว่าฟ่านจิ่นเป็นผู้บริสุทธิ์ ทำไมถึงรีบพาเขาหนีไปจากที่นี่เล่า ท่านรู้หรือไม่ว่าถ้าเขาไปจากที่นี่ เขาจะไม่มีวันล้างมลทินในข้อหาสังหารบิดาของตัวเองได้เลย” หนิงรุ่ยพูดอย่างกระวนกระวาย ถึงแม้ฟ่านจิ่นจะเสียสติไปแล้ว แต่แผ่นดินนี้กว้างใหญ่ ใครจะรู้ว่าอาจจะมีคนที่รักษาฟ่านจิ่นได้ ยิ่งกว่านั้น คนที่พาฟ่านจิ่นออกไปก็เป็นเวินซินหันที่เป็นที่เคารพนับถืออย่างสูง!
ในฐานะผู้ใช้พลังวิญญาณขั้นสีม่วง เวินซินหันเพียงแค่พูดออกมาเท่านั้น หมอทุกคนก็จะแห่กันไปหาเขาราวกับผึ้งบินตอมน้ำผึ้ง!
สิ่งหนึ่งที่ทำให้หนิงรุ่ยสับสนงุนงงก็คือ ทำไมจู่ๆ เวินซินหันถึงได้อยากพาฟ่านจิ่นหนีไป เขารู้ว่าเหตุผลที่เวินซินหันไม่เคลื่อนไหวอะไรอยู่นานก็เพราะเขาต้องการปกป้องชื่อเสียงของฟ่านจิ่นเอาไว้!
แล้วอะไรมาทำให้เวินซินหันเปลี่ยนใจขึ้นมา
เวินซินหันมองหนิงรุ่ยด้วยสายตาแหลมคม แม้ว่าหนิงรุ่ยจะพยายามกลบเกลื่อนความกระวนกระวายในหัวใจของเขา และทำท่าเป็นห่วงเป็นใยฟ่านจิ่น แต่เวินซินหันก็สามารถจับร่องรอยความตื่นตระหนกในน้ำเสียงของเขาได้
เวินซินหันไม่รู้ว่าใครฆ่าฟ่านฉี แต่การกระทำของหนิงรุ่ยก็ทำให้เขารู้สึกสงสัยในเจตนาของหนิงรุ่ยเป็นอย่างมาก
“ถ้ารองอาจารย์ใหญ่หนิงตั้งใจที่จะสืบสวนเรื่องราวต่อไปและล้างมลทินให้แก่ฟ่านจิ่นก็จะเป็นการดียิ่ง แต่ถ้าท่านไม่คิดจะทำ ฟ่านจิ่นในสภาพนี้ก็ไม่สามารถมีชีวิตต่อไปได้อยู่ดี” เวินซินหันตอบโต้ ฟ่านจิ่นอยู่ในสภาพที่เลวร้ายกว่าที่เขาคิดไว้ เขาดีใจที่จวินอู๋เสียขอให้เขาพาฟ่านจิ่นหนีไปจากที่นี่อย่างเร่งด่วน
หนิงรุ่ยเริ่มตื่นตระหนก สายตาของเขาคอยแต่จะมองออกไปด้านนอก
“หากผู้อาวุโสเวินพาฆาตกรที่ฆ่าอาจารย์ใหญ่ฟ่านฉีหนีไปแบบนี้ ท่านคิดจริงๆ หรือว่ามันเป็นสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว” กู่อิ่งเดินออกมาจากกลุ่มคน กงเฉิงเหล่ยรีบไปยืนข้างหนิงรุ่ยทันที ทั้งสองสบตากันและในใจของหนิงรุ่ยก็สงบลงเล็กน้อย
เวินซินหันขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่ากู่อิ่งมาที่นี่
“ฟ่านฉีถูกฟ่านจิ่นฆ่าหรือไม่ก็ยังพิสูจน์ไม่ได้ เรียกเขาว่าฆาตกรอย่างนั้นต่างหากที่ไม่ถูกต้องเหมาะสม” เวินซินหันไม่ชอบกู่อิ่ง คำแรกที่กู่อิ่งพูดออกมาเมื่อมาถึงที่นี่ก็เป็นการตบหน้าฟ่านจิ่นด้วยข้อหาฆาตกรแล้ว
เวินซินหันสังเกตเห็นจวินอู๋เสียยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน จวินอู๋เสียส่งสายตาให้เขา และเวินซินหันก็เลื่อนสายตากลับมามองที่ด้านหน้า
จวินอู๋เสียบอกให้เขาพาฟ่านจิ่นออกไปจากที่นี่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม
“ยังพิสูจน์ไม่ได้อย่างนั้นหรือ ผู้อาวุโสเวิน ที่ท่านพูดนั่นตลกมากนะ ในห้องตอนนั้นมีแค่ฟ่านจิ่นกับฟ่านฉีเท่านั้น ตอนที่กงเฉิงเหล่ยไปถึงที่นั่น ฟ่านฉีตายไปแล้ว ดาบที่ฆ่าฟ่านฉีก็อยู่ในมือฟ่านจิ่น ถ้านั่นยังไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าฟ่านจิ่นฆ่าฟ่านฉี เช่นนั้นข้าก็ไม่รู้ว่าผู้อาวุโสเวินต้องการหลักฐานแบบไหนถึงจะเชื่อว่าฟ่านจิ่นเป็นฆาตกร” กู่อิ่งหัวเราะขณะที่เดินเข้ามาตรงหน้าเวินซินหัน ยืนขวางทางของเวินซินหันตรงๆ ดวงตาของเขากวาดมองร่างที่ไม่ขยับเขยื้อนใดๆ ของฟ่านจิ่นแล้วพูดต่อว่า
“หรือผู้อาวุโสเวินกำลังปกปิดอำพรางให้ฟ่านจิ่น ทั้งๆ ที่รู้ว่าเขาฆ่าอาจารย์ใหญ่ แต่ท่านก็ยังยืนกรานจะพาเขาไปกับท่าน”
กู่อิ่งพยายามต้อนเวินซินหันให้จนมุม เขาอยากลากเวินซินหันให้แปดเปื้อนไปพร้อมฟ่านจิ่น
แต่เวินซินหันก็ยังคงสงบนิ่ง เมื่อได้รับสัญญาณจากจวินอู๋เสีย เขาก็ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องอื่นนอกจากภารกิจที่ได้รับมา
“สิ่งใดคือเรื่องจริงและสิ่งใดคือเรื่องเท็จ เวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ ฟ่านจิ่นตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ในฐานะญาติผู้ใหญ่ของเขา ข้าไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ ได้ ไม่ว่าอย่างไรข้าก็จะพาฟ่านจิ่นไปจากที่นี่วันนี้” เวินซินหันรู้สึกว่าเขาได้พูดพอแล้ว และกู่อิ่งมีวาจาเลี้ยวลดชั่วร้าย ถ้าปล่อยให้กู่อิ่งพูดต่อไป เขาก็คงพูดให้ฟ่านจิ่นเลวร้ายยิ่งขึ้นเท่านั้น
และฟ่านจิ่นที่น่าสงสารก็เสียสติไปแล้ว เขาไม่สามารถปกป้องตัวเองได้เลย
“เช่นนั้นผู้อาวุโสเวินก็ยืนกรานจะปกป้องฆาตกรคนนี้อย่างนั้นหรือ” กู่อิ่งหรี่ตาพร้อมเอ่ยปากถาม สายตาของเขาทอแววมุ่งร้าย
“ถ้าข้าอยากพาเขาไปกับข้า ใครจะกล้าขวางข้าอย่างนั้นหรือ!” เวินซินหันหัวเราะ และทันใดนั้นร่างของเขาก็ห่อหุ้มด้วยพลังวิญญาณขั้นสีม่วงเจิดจ้า!